นิสัยการนอนของ '3 มหาเศรษฐีโลก' ซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จของพวกเขา

นิสัยการนอนของ '3 มหาเศรษฐีโลก' ซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จของพวกเขา

เราคงได้ยินเรื่องราวของมหาเศรษฐีหลายต่อหลายคนว่า พวกเขาต้องตื่นเช้า อดหลับอดนอน และทุ่มเททำงานแบบหามรุ่งหามค่ำตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจจนถึงตอนนี้ แต่ความจริงอาจไม่เป็นแบบนั้นทั้งหมด ยกตัวอย่าง 3 มหาเศรษฐีโลก ‘เจฟฟ์ เบซอส’ (Jeff Bezos) แห่ง Amazon, ‘บิล เกตส์’ (Bill Gates) และคุณปู่นักลงทุน ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ (Warren Buffett) ซึ่งตอนนี้ต่างให้ความสำคัญกับการนอนมาก ๆ

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และนิสัยการนอนของพวกเขาส่งผลดีต่อการบริหารงานของเขาอย่างไร?

เริ่มที่ เจฟฟ์ เบซอส แม้เขาจะเป็นคนไม่เชื่อในเรื่อง Work-life Balance แต่กลับเชื่อว่า การนอนเต็มอิ่ม ทำให้เขาสามารถตัดสินใจและบริหารงานได้ดีมีประสิทธิภาพ ในทางกลับกัน หากนอนหลับไม่เพียงพอ จะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว และส่งผลกระทบต่อการทำงาน

ดังนั้น แทนที่จะทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ เจฟฟ์ เบซอส จะเลือกว่า ตัวเองควรทำงานตอนไหนและพักผ่อนตอนไหน โดยเขาพยายามสร้างนิสัยตัวเองให้เป็นคนตื่นเช้าและเข้านอนเร็ว เพื่อให้สามารถนอนหลับได้วันละ 7 - 8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลานอนที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพของคนเรา

นอกจากนิสัยการตื่นเช้าและนอนเร็ว เจฟฟ์ เบซอส ยังใช้เวลายามเช้าแบบอ้อยอิ่งเพื่อให้มีเวลาผ่อนคลายก่อนลุยงาน โดยเมื่อตื่นขึ้นมา เขาจะใช้เวลาอ่านหนังสือพิมพ์ ดื่มกาแฟ และกินอาหารเช้ากับลูก ๆ ก่อนจะเริ่มทำงานหรือประชุมหลังจาก 10.00 น. เป็นต้นไป และทั้งหมดจะต้องไม่เกิน 17.00 น.  

ส่วนงานที่เหลือจะถูกยกไปทำในเวลา 10.00 น. ของวันถัดไป เหตุผลเพราะเขามองว่า การทำงานไม่จำเป็นต้องทำมาก แต่ทำแล้วต้องมี ‘คุณภาพดี’ สรุปง่าย ๆ คือ เน้น ‘คุณภาพ’ มากกว่า ‘ปริมาณ’ นั่นเอง

“หลายคนอาจคิดว่า ควรลดเวลานอนให้น้อยลง แล้วใช้เวลาที่เพิ่มขึ้นไปทำงานสร้างรายได้ไม่ดีกว่าหรือ? คำถามผมคือมันคุ้มค่าจริงหรือ เพราะหากคุณเหนื่อย อ่อนล้า หรือหงุดหงิด มันจะทำให้ประสิทธิภาพการตัดสินใจของคุณลดลง ซึ่งผมว่ามันไม่คุ้มค่า”

ขณะที่คุณปู่นักลงทุนอย่าง ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เข้านอนตอน 22.45 น. และตื่นในเวลา 06.45 น. เพื่อจะบริหารจัดการเวลาให้สามารถนอนได้วันละ 8 ชั่วโมง แถมยังออกมาบอกอีกว่า เขาไม่ชอบตื่นเช้า และไม่อยากลุกไปทำงานตั้งแต่ตี 4

นอกจากนี้ กิจวัตรประจำวันของเขากว่า 80% จะใช้ไปกับการอ่านสำหรับพัฒนาสมอง และหากต้องการบริหารจัดการเวลาของตัวเองให้ได้ บัฟเฟตต์แนะนำให้รู้จักการปฏิเสธการนัดหมาย ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีคนอื่นเข้ามาจัดการตารางชีวิตของคุณแทนที่คุณจะจัดการด้วยตัวเอง โดยแต่ละสัปดาห์เขาจะกำหนดไว้เลยว่า จะรับนัดกี่คน และนัดใครบ้าง

ส่วน บิล เกตส์ แม้ชีวิตช่วงวัยหนุ่ม เขาจะเป็นคนทำงานหามรุ่งหามค่ำ แทบไม่ยอมนอนด้วยซ้ำ แถมเคยแข่งกับเพื่อนในวงการว่า ใครจะสามารถอดนอนได้มากกว่ากัน เพราะตอนนั้นเขาคิดว่า ‘การนอนเยอะ’ เป็นนิสัยหนึ่งที่สะท้อนถึงความขี้เกียจของคนเรา และแทนที่จะใช้เวลาไปกับการนอน สู้เอาเวลาเหล่านั้นมาคิดสร้างสรรค์งานจะดีกว่า

แต่พออายุ 65 ปี เขาก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมการนอนของตัวเอง เมื่อหันมาศึกษาเรื่องสุขภาพสมองอย่างจริงจังหลังจากพ่อของเขาป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ทำให้พบว่า สัญญาณบ่งชี้ของโรคดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการนอนหลับไม่เพียงพอและหลับอย่างไม่มีคุณภาพ

นอกจากนี้เขายังได้อ่านหนังสือ Why We Sleep ที่เป็นผลงานเขียนของ Matthew Walker ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับและผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การนอนหลับของมนุษย์แห่ง University of California Berkeley ยิ่งย้ำให้เกตส์เห็นความจำเป็นและความสำคัญของการนอนที่มีต่อสุขภาพของคนเรายิ่งขึ้น

 โดยหนังสือเล่มนี้อธิบายถึงกระบวนการนอนหลับ และชี้ให้เห็นถึงผลกระทบมากมายต่อชีวิตของคนเรา หากละเลยการนอนไม่ว่าจะนอนไม่ครบ 8 ชั่วโมง หรือคุณภาพการนอนไม่ดี ทั้งการเรียนรู้ ความทรงจำ ความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจ อารมณ์ความรู้สึก ระบบภูมิคุ้มกันโรค ไปจนถึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งถึง 2 เท่า และกระทบต่ออายุขัยของเราด้วย

ณ ตอนนี้เกตส์จะนอนวันละ 7 - 8 ชั่วโมง และไม่ได้เน้นแค่ระยะเวลา แต่โฟกัสคุณภาพการนอนหลับที่ดีด้วย ซึ่งเขาแนะนำว่า หากต้องการเพิ่มคุณภาพในการนอนหลับ ควรหลีกเลี่ยงการใช้หลอดไฟ LED ภายในห้องนอน เพราะหลอดไฟชนิดนี้จะปล่อยแสงสีฟ้า ซึ่งส่งผลให้นอนไม่หลับออกมามากกว่าหลอดไฟชนิดอื่น ๆ

นอกจากนี้ ควรนอนหลับในห้องที่มีอุณหภูมิเหมาะสมกับการนอน โดยอุณหภูมิที่เกตส์แนะนำอยู่ที่ประมาณ 18 องศาเซสเซียส (หนาวไปไหมนั่น)

เขายังแนะนำอีกว่าให้งีบหลับระหว่างวัน ก่อนเวลา 15.00 น. เนื่องจากจะช่วยปรับปรุงความคิดสร้างสรรค์และช่วยสุขภาพหลอดเลือดหัวใจให้ดีได้ แต่ไม่ควรงีบหลับหลัง 15.00 น. เพราะจะทำให้นอนหลับยากขึ้นในเวลากลางคืน

จะเห็นได้ว่า ทั้งเจฟฟ์ เบซอส, บิล เกตส์ และวอร์เรน บัฟเฟตต์ ให้ความสำคัญกับการนอนหลับเต็มอิ่ม เพื่อให้พร้อมลุยงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ ซึ่งแม้นิสัยการนอนของพวกเขาอาจจะไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นมหาเศรษฐีได้ แต่เราก็อยากให้ทุกคนนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ อย่างน้อย ๆ ก็ดีต่อสุขภาพของตัวเราเอง

 .

.

และหากใครอยากเปิดประสบการณ์ว่า การนอนที่ดีและมีคุณภาพ เพื่อให้สุขภาพดีขึ้นเป็นอย่างไร ทาง The People ขอเชิญร่วมงาน Shall We SLEEP 2024: Sleepless Societies Forum ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14.00 - 17.00 น. ณ คริสตัล บ็อกซ์ (Crystal Box) ชั้น 19 เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท (Gaysorn Urban Resort) พร้อมถ่ายทอดบรรยากาศงานผ่านช่องทางออนไลน์

.

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thepeople.co/ และช่องทางต่าง ๆ ของ The People เร็วๆ นี้

.

💤 แล้วมานอนกันนะ

.

ภาพ : Getty Images

.

Bill Gates sleep

Sleep Harvard

Jeff Bezos Work Life balance

Gates notes

Cnbc

Warren Buffet works