‘ลูกา โมดริช’ ผู้ลี้ภัยสงครามที่เริ่มเล่นฟุตบอลในโรงจอดรถ สู่แข้งบัลลงดอร์

‘ลูกา โมดริช’ ผู้ลี้ภัยสงครามที่เริ่มเล่นฟุตบอลในโรงจอดรถ สู่แข้งบัลลงดอร์

‘ลูกา โมดริช’ พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นอีกหนึ่งยอดนักเตะแห่งยุคอย่างเต็มภาคภูมิจากผลงานกับสโมสร และทีมชาติโครเอเชีย ในฟุตบอลโลก 2018 และ ฟุตบอลโลก 2022 เขามาไกลทีเดียวจากพื้นเพเด็กหนุ่มที่ได้รับผลจากสงคราม

ย้อนกลับไปเมื่อกว่าสามสิบปีก่อน ในหมู่บ้านโมดริชี ประเทศโครเอเชีย มีครอบครัวชาวโครแอตธรรมดา ๆ อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งบริเวณเนินเขาเวเลบิตใกล้กับชายฝั่งดัลเมเชียน มองด้วยตาเปล่าบ้านหลังนี้ไม่ได้ดูวิเศษอะไร แถมยังอยู่ไกลออกมาเป็นสิบ ๆ กิโลเมตรจากบ้านหลังอื่น นอกจากนี้บริเวณรอบ ๆ บ้านก็ยังเต็มไปด้วยกับดักระเบิดที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ เรียกได้ว่าถ้าให้ฟรีหลายคนก็อาจจะคิดแล้วคิดอีก แต่ในสายตาของครอบครัวนี้ ที่แห่งนี้คือวิมานบนดินของพวกเขา สถานที่ที่เงินเท่าไหร่ก็พรากมันไปจากพวกเขาไม่ได้ แม้ในปัจจุบันบ้านหลังนี้จะเป็นแค่เพียงเศษซากจากสงครามโครเอเชีย แต่ครั้งหนึ่งบ้านหลังนี้เคยเป็นของ ลูกา โมดริช นักฟุตบอลเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์คนล่าสุด และมันคือบ้านที่เขาจะไม่มีวันลืมจนวันตาย... โมดริช ในวัยหกขวบ ก็เหมือนกับเด็กที่เกิดในชนบททั่วไป เขาไม่ได้เกิดมาท่ามกลางแสงสี เสียง ในเมืองหลวง เขาโตมากับการทำฟาร์ม และสนุกกับการรับบทบาทเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ซึ่งเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่ปู่ของเขามอบให้ เขาและครอบครัวใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจนกระทั่งสงครามได้ย่างก้าวเข้ามา ‘ลูกา โมดริช’ ผู้ลี้ภัยสงครามที่เริ่มเล่นฟุตบอลในโรงจอดรถ สู่แข้งบัลลงดอร์

เหยื่อของสงครามโครเอเชีย

ย้อนกลับไปในปี 1991 โครเอเชียมีมติต้องการแยกตัวเป็นประเทศอิสระออกจากยูโกสลาเวีย แต่ปัญหาก็คือในโครเอเชียมีชาวเซิร์บอยู่มากจนกลายเป็นชนวนสงครามประกาศเอกราชโครเอเชีย และในเดือนธันวาคมปีดั่งกล่าวกองกำลังเซิร์บก็ได้บุกเข้ายึดหมู่บ้านของ ลูกา และทำลายชีวิตในวัยเด็กของเขา ร่วมถึงพรากชีวิตคุณปู่ของเขาไปด้วยเช่นกัน แม้จะอยู่ท่ามกลางสภาะสงคราม ครอบครัวโมดริช ก็ไม่เคยคิดจะทิ้งบ้านของตัวเองไปไหน แต่ในวันที่ 8 ธันวาคม 1991 ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อกองกำลังเซิร์บที่ออกลาดตระเวนบริเวณเนินเขาเวเลบิต ได้พบกับคุณปู่ของลูกาที่กำลังไล่ต้อนแกะอยู่เหมือนกับทุกวัน คุณปู่ของเขาถูกกองกำลังเซิร์บกลุ่มดังกล่าวยิงเสียชีวิตพร้อมกับชาวโครแอตอีกห้าคน นั่นกลายเป็นสัญญาณเตือนว่าบ้านอันแสนสุขของพวกเขาไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว “เมื่อสงครามเริ่มต้นพวกเรากลายมาเป็นผู้ลี้ภัย ตอนนั้นผมมีอายุแค่หกขวบเอง มันเป็นช่วงเวลาที่ยากและผมจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้ไม่มีวันลืม มันไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากจะจดจำหรือนึกถึงหรอก” ลูกา เล่าถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น หลังการเสียชีวิตของคุณปู่ ลูกาและครอบครัวต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากบ้านที่ถูกเผา พวกเขาไม่มีทั้งอาหารและของใช้ใด ๆ ติดตัวเลย และต้องเดินทางเท้ากว่าสี่สิบกิโลเมตร เพื่อไปอาศัยโรงแรมในเมืองซาดาร์ ซึ่งเป็นที่พักสำหรับผู้ลี้ภัยสงคราม แม่ของลูกาต้องหันมาเป็นคนงานทอผ้า ส่วนพ่อก็ต้องเข้าไปเป็นทหารซ่อมเครื่องยนต์ให้กับกองทัพเพื่อหาเงินมาจ่ายเป็นค่าที่พัก พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่นั่นตลอดเจ็ดปีและมันกลายเป็นสถานที่ที่ทำให้ลูกา ค้นพบบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั่นก็คือ “ฟุตบอล”

ฟุตบอลเปลี่ยนชีวิต ลูกา ไปตลอดกาล

โรงแรมโคโลแวร์ กลายเป็นสนามซ้อมฟุตบอลที่แรกของลูกา เขาเนรมิตลานจอดรถของโรงแรมเป็นสนามบอลเล็ก ๆ ของตัวเอง นอกจากนี้เขายังชอบเลี้ยงฟุตบอลไปในทุกที่ ทั้งทางขึ้นบันไดหรือตามทางเดินริมระเบียงเพื่อฝึกเบสิคต่าง ๆ ลูกา มีความสุขเหลือเกินเมื่อได้เล่นฟุตบอล มันคือช่วงเวลาเดียวที่จะทำให้เขาลืมอดีตอันเลวร้ายได้ สงครามระหว่างโครเอเชียกับชาวเซิร์บกินเวลายาวนานจนถึงปี 1995 และแม้ฟุตบอลจะสร้างความสุขให้ลูกามากเท่าไหร่ แต่ระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาเรื่อย ๆ ก็ชวนให้เขานึกถึงความกลัวในอดีตได้เสมอ “มันเกิดขึ้นเป็นล้าน ๆ ครั้งได้ เรากำลังฝึกซ้อมกันอยู่และก็มีระเบิดทิ้งลงมาจากฟ้า เราต้องรีบวิ่งไปที่หลุมหลบภัย” มาริยาน บูลยาต เพื่อนสนิทของลูกาที่ซ้อมฟุตบอลมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงนั้น “พวกเราใช้ชีวิตอยู่ที่โรงแรมหลายปี สภาพการเงินของพวกเรามีปัญหา แต่ถึงยังไงผมก็ยังรักในฟุตบอล ผมยังจับสนับแข้งอันแรกของผมได้ มันเป็นลายโรนัลโด้ และผมก็รักมันมาก ๆ” ลูกา เล่าถึงความประทับใจที่มีต่อฟุตบอล ‘ลูกา โมดริช’ ผู้ลี้ภัยสงครามที่เริ่มเล่นฟุตบอลในโรงจอดรถ สู่แข้งบัลลงดอร์

ฉายแววรุ่ง

ลูกา ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากครอบครัว โดยเฉพาะพ่อของเขาที่มักจะพาเขาไปทดสอบฝีเท้ากับหลายทีมอยู่เสมอ แต่แม้จะถูกปฏิเสธทุกครั้งเพราะเรื่องสรีระที่เล็กเกินไป แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเล่นฟุตบอลของเขาเลย พรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอลของลูกา ถูกพูดกันปากต่อปากกันไปเรื่อย ๆ จนไปเข้าหูโค้ชของเอ็นเค ซาดาร์ เข้า สุดท้ายลูกาได้มีโอกาสเซ็นต์สัญญาเป็นนักฟุตบอลเยาวชนครั้งแรกที่นั่น “ผมได้ยินเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งที่เล่นฟุตบอลตามระเบียงและลานจอดรถในโรงแรมของผู้ลี้ภัย ผมได้ยินว่าเขาถึงขั้นนอนหลับไปพร้อมกับฟุตบอลเลย” โยซิป อดีตโค้ชฟุตบอลของลูกา ชายผู้จับลูกาเซ็นสัญญาครั้งแรก ต่อมาลูกา ได้ออกจากซาดาร์ และได้เข้าเป็นนักเตะเยาวชนของ ดินาโม ซาเกร็บ ในปี 2000 ที่นั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญบนเส้นทางลูกหนังอาชีพของเขา ลูกา ฉายแววแข้งพรสวรรค์ก่อนถูก ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ดึงตัวไปในปี 2008 แม้อาชีพค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกช่วงแรกจะกระท่อนกระแท่น แต่เมื่อลูกาปรับตัวได้ เขาก็โชว์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาคือหนึ่งในสุดยอดกองกลางของยุโรปตอนนี้

สู่บัลลงดอร์

สุดท้ายเขาได้มีโอกาสย้ายมาสร้างประวัติศาสตร์กับ เรอัล มาดริด และกลายเป็นกำลังสำคัญพาทีมราชันชุดขาว เป็นแชมป์เจ้ายุโรปถึงสี่สมัยในรอบห้าปี บวกกับการพาโครเอเชียทีมบ้านเกิดขึ้นไปเป็นรองแชมป์ฟุตบอลโลกที่รัสเซีย ไม่แปลกที่ทุกคนจะเทคะแนนโหวตเป็นเอกฉันท์ ให้เขาได้รับรางวัลบัลลงดอร์กลับไปนอนกอด และถือเป็นชาวโครแอตคนแรกที่ได้รางวัลนี้ ‘ลูกา โมดริช’ ผู้ลี้ภัยสงครามที่เริ่มเล่นฟุตบอลในโรงจอดรถ สู่แข้งบัลลงดอร์ ปัจจุบันบ้านเก่า ๆ ของโมดริช ในโมดริชี กลายเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญอีกแห่งหนึ่งในโครเอเชีย มีการนำธงชาติไปห้อยไว้ที่หน้าบ้านของเขาเพื่อเป็นเกียรติให้กับฮีโร่ของพวกเขา แม้จะเคยตกเป็นเหยื่อของสงคราม แต่ลูกาก็เชื่อว่าบาดแผลส่วนหนึ่งในสงครามครั้งนั้น ทำให้เขามีทุกวันนี้

“สงครามทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น แม้มันจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับผมและครอบครัว ผมไม่อยากจะลากสิ่งนี้มาอยู่กับผมทั้งชีวิตหรอก แต่มันก็เป็นอะไรที่ผมไม่ต้องการลืมเหมือนกัน”

บ้านหลังเก่าของลูกา ในวัยเด็ก จาก Twitter : Peter Staunton

เรื่องราวของโมดริชกลายเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจที่คอยสอนทุกคนเสมอว่า แม้อดีตของคุณจะเป็นอย่างไร แต่วันหนึ่งคุณอาจกลายเป็นที่หนึ่งได้ ถ้าตั้งใจทำงานหนักอยู่เสมอ