13 มิ.ย. 2564 | 03:02 น.
โลกฟุตบอลที่กำลังหมุนอย่างรวดเร็วในช่วงยูโร 2020 ต้องหยุดลงชั่วขณะ พลันที่ คริสเตียน อีริคเซ่น กองกลางทีมชาติเดนมาร์กล้มลงในเกมแมตช์แรกกลุ่มบี กับ ฟินแลนด์ ที่ปาร์เกน สเตเดี้ยม ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก บ้านเกิดของเขา ในวันที่ 12 มิถุนายน 2021 ตามเวลาท้องถิ่น ณ วินาที ที่หน่วยแพทย์สนามเข้ามาปฐมพยาบาลดาวเตะรายนี้ ไม่มีใครสนใจเรื่องผลแพ้ชนะ ไม่มีใครสนใจว่าศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปกำลังฟาดแข้งอยู่ มีแต่เพียงเจ้าของเสื้อหมายเลข 10 ของทีมโคนมเท่านั้น ที่โลกฟุตบอลสนใจว่า อาการของมิดฟิลด์วัย 29 ปี จะเป็นอย่างไร หลังจากฟุบหมดสติลงไปแบบกระทันหัน เขาต้องรับการ CPR หรือ การกู้ชีวิตอย่างเร่งด่วนในสนามทันที โดยมีเหล่านักเตะเพื่อนร่วมชาติช่วยกันล้อมวงให้หน่วยแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่แฟนบอลฟินแลนด์ส่งธงจากบนอัฒจันทร์มากันวงล้อม ไม่ให้เกิดภาพไม่เหมาะสมออกมา ในเวลานั้น ภาพที่บีบหัวใจเหลือเกินคือ ซาบริน่า ภรรยาของเขาที่เข้ามาชมเกมอยู่ด้วยได้ลงมาถึงพื้นสนามด้านล่างและร่ำไห้อย่างหนัก เพราะไม่รู้ว่า อาการของสามีจะเป็นอย่างไร ก่อนที่ ไซม่อน เคียร์ กัปตันทีม รวมถึง แคสเปอร์ ชไมเคิล ได้ร่วมกันเดินมาสวมกอด ปลอบ และให้กำลังใจ ซึ่งระหว่างที่ อีริคเซ่น กำลังถูกส่งตัวต่อไปที่โรงพยาบาล มีภาพจากช่างภาพนิ่งในสนามเผยให้เห็นว่า เขายกศีรษะขึ้นมาได้แล้ว พร้อมกับใส่เครื่องช่วยหายใจเอาไว้ ก่อนที่ยูฟ่า จะแถลงการณ์ว่า เขาได้ถึงโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย และมีอาการทรงตัวคงที่ จากนั้น สหพันธ์ฟุตบอลเดนมาร์กได้แถลงต่อว่า "อีริคเซ่น รู้สึกตัว และอยู่ในสภาวะที่ทรงตัว และยังต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งชาติ เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม ส่วนแมตช์การแข่งขันระหว่าง เดนมาร์ก กับ ฟินแลนด์ จะแข่งขันต่อ หลังจากที่ผู้เล่นทั้งสองทีมได้รับการยืนยันว่า คริสเตียน ดีขึ้นแล้ว" ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวคนดังชาวอิตาลี ให้ข้อมูลเพิ่มด้วยว่า สาเหตุที่เกมเตะได้ดำเนินต่อไป ก็เพราะว่า อีริคเซ่น ได้ทำการเฟซไทม์มายังเพื่อนร่วมทีมจากโรงพยาบาลและขอให้เพื่อน ๆ ลงแข่งขันคืนนี้ พร้อมกับบอกด้วยว่า "ตัวเองรู้สึกดีขึ้นแล้ว" ระหว่างการปฐมพยาบาล และรอดูอาการของดาวดังแดนโคนม ประชากรโลกลูกหนังต่างร่วมกันอวยพร ให้กำลังทั้งในสนามที่กองเชียร์ทีมเยือนตะโกนให้กำลังใจว่า "คริสเตียน" ส่วนแฟน ๆ เจ้าถิ่น ตะโกนต่อเสียงดัง ๆ ว่า "อีริคเซ่น" ขณะที่ในโลกโซเชียลมีเดีย แฮชแท็ก #Eriksen และ #prayforEriksen ขึ้นเทรนด์อันดับต้น ๆ ในทันที หลากข้อความถูกส่งให้กำลังใจให้เขาลุกขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, โรแบร์โต้ มันชินี่, สโมสรอินเตอร์ มิลาน, ประธานยูฟ่า บุคคลสำคัญในโลกฟุตบอล ต่างออกมาให้กำลังใจ "อีริคเซ่น" พร้อม ๆ กับคนทั้งโลกเช่นกัน ขณะที่ โรเมลู ลูกากู กองหน้าเบลเยียมที่ยิงประตูได้ในคู่ถัดมาที่เบลเยียมพบกับรัสเซีย ก็วิ่งมาตะโกนใส่กล้องว่า “คริส ไอเลิฟยู” เพื่อเป็นกำลังใจให้เพื่อนร่วมอาชีพ และเพื่อนร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ในโลกโซเชียล นอกเหนือจากการให้กำลังใจอีริคเซ่นแล้ว ไซม่อน เคียร์ เป็นอีกหนึ่งคนได้รับคำชื่นชมถึงความไวในการเข้าถึงตัว อีริคเซ่น หลังจากล้มลง รวมถึงการปลอบภรรยาเพื่อนร่วมทีม ส่วนอีกคน แอนโธนี เทย์เลอร์ ผู้ตัดสินชาวอังกฤษ ก็ได้รับเสียงปรบมือเช่นกันที่เป่าหยุดเกมได้ทันท่วงที แม้ว่าเกมที่มีการแข่งขันกันต่อ จบลงที่ผลพ่ายแพ้ของเดนมาร์ก 1-0 แต่ผลการแข่งขันในห้วงเวลานี้ อาจจะไม่ใหญ่เท่ากับขนาดของหัวใจของทั้งผู้เล่นเดนมาร์ก ผู้เล่นฟินแลนด์ นักเตะเพื่อนร่วมอาชีพ ไปจนถึงแฟนบอลที่ติดตามทั้งที่ขอบสนามและทั่วโลก นี่คือมุมที่งดงามของโลกฟุตบอล อีริคเซ่น ถือเป็นไอดอลในยุคปัจจุบันของวงการลูกหนังเดนมาร์ก เป็นซูเปอร์สตาร์ประจำทีมมายาวนานกว่า 10 ปี นับตั้งแต่รับใช้ชาติครั้งแรก เมื่อเดือนมีนาคมปี 2010 โดยเขาสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะอายุน้อยในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2010 ในวัยเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของชาติถึง 5 ครั้ง และติดทีมชาติไปแล้วก่อนเกมนี้ 108 นัด สถิติสูงสุดเป็นอันดับ 4 และมีโอกาสที่จะได้เล่นมากกว่านี้ ด้วยวัยปัจจุบันเพียง 29 ปีเท่านั้น (อันดับ 1 ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล 129 นัด) เส้นทางชีวิตลูกหนัง อีริคเซ่นเดินตามรอย คุณพ่อโธมัส ในการเป็นนักเตะอาชีพ ซึ่งเป็นการดีที่ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในครั้งนี้ เป็น "ยูโรแมนติก" กระจายเตะ 11 เมือง 11 ประเทศ ซึ่งเดนมาร์กเป็นหนึ่งประเทศเจ้าภาพ ทำให้เหล่าครอบครัวของอีริคเซ่น ทั้ง ซาบริน่า และลูก ๆ ทั้งสองที่อายุ 3 ขวบ และ 6 เดือน รวมถึงคุณพ่อโธมัส สามารถอยู่ให้กำลังใจเขาได้แบบใกล้ชิด เพื่อให้ อีริคเซ่น หายดีกลับมาคืนผืนหญ้าอีกครั้งอย่างเร็วที่สุด เรื่อง: My name is ภาพ: Lukas Schulze - UEFA/UEFA via Getty Images