26 พ.ย. 2561 | 17:01 น.
ปีเตอร์ เช็ก ผู้รักษาประตูทีมชาติสาธารณรัฐเช็กของอาร์เซนอล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งนักฟุตบอลที่หลงใหลในเสียงเพลงโดยเฉพาะการ “ตีกลอง” หลายคนโดยเฉพาะแฟนฟุตบอลอาจจะคุ้นชื่อของชายผู้นี้เป็นอย่างดี เช็ก โด่งดังจากการเป็นผู้รักษาประตูให้กับเชลซีในยุคสมัยอันรุ่งเรืองของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ก่อน 11 ฤดูกาลต่อมาเขาจะย้ายไปอยู่กับอาร์เซนอลสโมสรปัจจุบัน จุดเด่นของผู้รักษาประตูคนนี้คือเรื่องของปฏิกิริยาการป้องกันประตูที่รวดเร็ว และเครื่องป้องกันศีรษะอันเป็นภาพจำของเจ้าตัว แต่รู้หรือไม่อีกหนึ่งงานอดิเรกที่เจ้าตัวรักมาก ๆ พอ ๆ กับฟุตบอลก็คือ “การตีกลอง” ในปี 2014 เช็ก เริ่มอัพโหลดวิดีโอคลิปการตีกลองของตัวเองในเพลง “Walk” ผลงานจากวงร็อกชื่อดัง Foo Fighters ลงบนสื่อโซเชียลอย่าง ยูทูบ พร้อมแคปชั่นว่า “คลิปโคฟเวอร์กลองจากวงโปรดของผม มันอาจจะไม่เพอร์เฟกต์ เพราะผมต้องการอัดมันภายในรอบเดียวโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง” การเป็นนักฟุตบอลที่ตีกลองได้ สร้างความฮือฮาให้กับแฟนบอลเป็นอย่างมาก หลายคนต่างแชร์คลิปวิดีโอนี้ของเช็ก จนสุดท้ายมันกลายเป็นคลิปไวรัลที่ดังไปทั่วโลก โดยเช็ก เคยพูดถึงฟีดแบ็กในครั้งนี้ไว้ว่า “ผมรู้สึกแค่โชคดี มันเป็นวิดีโอที่ผมแค่อยากจะแสดงให้เห็นว่า มันคือความสนุกของการได้ทำ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในตอนที่ผมปล่อยคลิปแรกออกไป ทุกวันนี้มันก็ไม่เคยเป็นคลิปที่สมบูรณ์ มันไม่เคยเป็นการเล่นที่อยู่ในระดับโอเค มันไม่เคยเป็น ทั้งหมดนี้มันคืออะไรก็ตามที่คุณรักและสนุกที่จะทำ”
ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นกันสักนิด เช็ก ไม่ใช่นักฟุตบอลที่มีพื้นฐานการเรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตของเขาตลอดกว่าสามสิบปี รู้จักเพียงแค่ “ฟุตบอล” ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยแตะเครื่องดนตรีเลยสักชิ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าชายคนนี้เพิ่งจะมาเริ่มฝึกตีกลองในตอนอายุสามสิบแล้ว “ผมเริ่มตีกลอง ตอนอายุจะเกือบ ๆ สามสิบแล้ว จริง ๆ ผมซื้อกลองชุดมาเมื่อปี 2011 ผมเริ่มเล่นมันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา” เวลาว่างหลังการซ้อมหรือลงแข่ง นักฟุตบอลแต่ละคนมักมีงานอดิเรกที่ต่างกัน สำหรับ เช็ก เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่หรูหรา ในสมัยค้าแข้งกับเชลซีเขามักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเพื่อนผู้รักษาประตูด้วยกันอย่าง เอนริเก้ ฮิลาริโอ และ คาร์โล คูดิชินี และวันหนึ่งเพราะด้วยความบังเอิญทำให้เขาได้รู้จักกับความสนุกของการเล่นดนตรี และมันกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาไปเลย “การตีกลองมันกลายเป็นเรื่องบังเอิญมาก ๆ สำหรับผม เพราะปกติผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลงอยู่แล้วแต่ไม่เคยคิดจะเล่นดนตรี ผมไม่เคยฝึกแบบฝึกหัดอะไรเลย แต่วันหนึ่ง ผมและฮิลาริโอ มีนัดทานข้าวเย็นกับคาร์โล คูดิชินี ก่อนจะติดลมไปต่อที่ห้องพักของเขา ในห้องนั้นมีเกม Guitar Hero อยู่ในเพลย์สเตชั่นพอดี พร้อมกับกลองและกีตาร์อีกสองตัว เราทั้งสามจึงเล่นมันตลอดคืน ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ตีกลอง มันกลายเป็นสิ่งที่ผมสนใจและสนุกที่จะเล่น ผมกลับไปซื้อกลองไฟฟ้าเป็นของตัวเอง ตอนแรกมันก็เป็นเรื่องของความสนุก แต่ต่อมาผมก็ตัดสินใจว่าผมอยากจะทำมันให้ดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ผมรู้สึกได้ว่าการมีส่วนร่วมกับเพลงมันทำให้เรามีความสุขขึ้นเมื่อได้ฟังมัน” เมื่อช่วงหน้าร้อนปี 2013 เช็ก ได้ตั้งวงร็อกของตัวเองภายใต้ชื่อ Eddie Stoilow และมีโอกาสไปเล่นที่งานเทศกาลดนตรีในปรากท่ามกลางสักขีพยานกว่าสามหมื่นคน เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าการตีกลอง คือรูปแบบการฝึกฟุตบอลชนิดหนึ่ง และมันคืองานอดิเรกที่ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้น “มัน (การตีกลอง) เป็นตัวช่วยสำหรับผู้รักษาประตูอย่างมาก มีหลายสิ่งที่ผมได้เรียนรู้หลังจากที่ได้เล่นกลอง ซึ่งผมก็นำมันไปใช้กับการป้องกันประตูด้วย เช่นความสัมพันธ์ของมือและตาที่ดีขึ้นจากการตีกลอง เป็นผลให้การทำงานประสานกันระหว่างมือกับตาเวลาป้องกันฟุตบอลดีขึ้นตามไปด้วย การซ้อมกลองกลายเป็นการฝึกฟุตบอลรูปแบบใหม่ของผม ผมอยู่ในจุดที่มีโมเมนต์ว่า อยู่ในสตูดิโอหลายชั่วโมงเล่นสามสี่เพลงเพื่อความสนุก และออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมไปเลย” แม้จะเป็นเพียงงานอดิเรก แต่เช็ก ก็จริงจังและหาเวลาฝึกซ้อมมันอยู่เสมอ โดยเฉพาะในคืนก่อนแข่งขัน “ทุกวันนี้จะไปไหนมาไหนผมมักจะมีไม้กลองเสมอ เพราะเราไม่มีทางรู้หรอกว่าจะมีเวลาว่างตอนไหน ในเกมเยือนผมมักจะใช้เวลาว่างไปกับการฝึกซ้อมตีกลองกับแพด (แผ่นยางเอาไว้ฝึกตีกลอง) อยู่เสมอ หลายคนอาจจะใช้เวลากับกิจกรรมอื่น ๆ ผมจะฝึกเพราะความสนุก เมื่อคุณได้ฝึกและสนุกกับดนตรีที่ชอบ นี่เป็นสิ่งที่ผมชอบที่จะทำ เวลาผมไปดูคอนเสิร์ต ผมมักจะไปยื่นในจุดที่เห็นมือกลองชัด ๆ เพื่อที่จะดูเวลาเขาตี” สำหรับเช็ก การตีกลองก็เหมือนกับฟุตบอล หากทำหน้าที่ไม่ดีทุกอย่างก็คงพังไปหมด “มือกลองคือกระดูกสันหลังของวง ถ้าเกิดทำความผิดพลาด ทุกอย่างก็จะพังลง มันก็เหมือนกับฟุตบอลนั่นแหละ” อดีตมือกาวเชลซี ชื่อชอบในดนตรีร็อกอย่างมากโดยเฉพาะวง Foo Fighter และวงร็อกจากสหราชอาณาจักรไม่ว่าจะเป็น U2, Coldplay, Stereophonics หรือ The Script และนอกจากทำเพื่อความชอบส่วนตัวแล้ว เขาเคยไปตีกลองการกุศลเพื่อระดมทุนให้กับสถาบันนอร์ดอฟฟ์ ร็อบบิ้นส์ มาแล้ว “ดนตรีบำบัดคือตัวเชื่อมโยงสู่โลกภายนอกสำหรับคนที่อ่อนแอ และมีปัญหากับชีวิต มันคือหน้าต่างของความรื่นรมย์” ก่อนหน้านี้มีนักฟุตบอลไม่น้อยที่หันมาเอาดีด้านงานเพลง ไม่ว่าจะเป็นนักเตะระดับตำนานอย่าง รุด กุลลิท ที่เคยออกซิงเกิลติดหนึ่งในสิบของชาร์ทเพลงประเทศฮอลแลนด์ ในสมัยที่เขายังค้าแข้งอยู่กับ เฟเยนูร์ด หรือจะเป็นในกรณีของ เกล็น ฮอดเดิล และเพื่อนร่วมทีมท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส อย่างคริส วัดเดิล ก็เคยออกซิงเกิลคู่กันภายใต้ชื่อ “Glenn & Chris” โดยเพลง Diamond Lights ของทั้งคู่ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่สิบสองบนชาร์ทเพลงของอังกฤษเมื่อปี 1987 เลยทีเดียว ไม่แน่ในอนาคตหลังแขวนถุงมือเราอาจจะได้เห็นเช็กขึ้นเวทีเคียงข้างฮีโร่ของเขาอย่าง เดฟ โกลห์ ก็ได้ใครจะไปรู้