‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดไทยที่สู้จนไปถึงจุดสูงสุด ได้ครบทุกแชมป์ในโลก

‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดไทยที่สู้จนไปถึงจุดสูงสุด ได้ครบทุกแชมป์ในโลก

‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดหญิงไทยผลักดันตัวเองจนไปถึงจุดสูงสุด ได้ทุกแชมป์ในโลกครบถ้วน และในปี 2023 ก็คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ที่จีนมาได้สำเร็จ

  • ‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดหญิงทีมชาติไทยได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ ที่จีน ในปี 2023 ในแมตช์ที่บีบหัวใจและมีเรื่องชวนให้เสียสมาธิ
  • เส้นทางของ ‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ต้องต่อสู้กับความผิดหวัง และพยายามผลักดันตัวเองให้ได้ชัยชนะอีกครั้ง
  • ความพยายามของ ‘เทนนิส’ พาณิภัค ทำให้เธอประสบความสำเร็จ กวาดแชมป์ทุกรายการที่มีให้ไล่ล่าได้สำเร็จ

การแข่งขันกีฬาระดับนานาชาตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นักกีฬาจะสามารถคว้าถ้วยแชมป์ได้ ยิ่งในระดับการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์หรือชิงแชมป์โลกด้วยแล้ว ความยากยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีก หากตัวนักกีฬาไม่มีจิตใจที่มั่นคง มีระเบียบวินัยให้กับตนเอง ไม่มีสิ่งที่เขาจะเรียกกันว่าพรแสวงก็ยากที่จะประสบความสำเร็จแม้จะมีพรสวรรค์ติดตัวมาด้วยก็ตาม แต่ความสำเร็จระดับดังกล่าวมีนักกีฬาไทยคนหนึ่งที่สามารถทำได้ ใช่ครับ ผมกำลังหมายถึง นักกีฬาหญิงที่ชื่อ ‘เทนนิส’ ที่ไม่ได้เล่นเทนนิส

‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่มีจุดเริ่มต้นมาจากความผิดหวังแต่ก็สามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นนักเทควันโดอันดับ 1 ของโลก และครองแชมป์มาแล้วทุกระดับการแข่งขัน โดยในช่วงก่อนการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 จะเริ่มขึ้น เจ้าตัวมีสถิติที่น่าทึ่ง คือสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ถึง 86.4 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนแมตช์ทั้งหมดกว่า 60 แมตช์ ภายใต้การรับรองของสหพันธ์เทควันโดโลก

‘เทนนิส’ เป็นนักกีฬาเทควันโดที่สามารถขึ้นโพเดียมคว้าเหรียญทอง เงิน และทองแดงมาครบหมดแล้วในทุกรายการแข่งขันระดับเมเจอร์เท่าที่นักกีฬาคนหนึ่งจะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นรายการโอลิมปิกเกมส์, ชิงแชมป์โลก, เวิลด์แกรนด์สแลม, เวิลด์กรังด์ปรีซ์, ชิงแชมป์เอเชีย ซีเกมส์ และกีฬามหาวิทยาลัยโลก

ที่สำคัญ เทนนิส สามารถคว้าแชมป์รายการดังกล่าวมาได้แล้วทุกรายการซึ่งปัจจัยความสำเร็จคือเจ้าตัวสามารถใช้ทั้งพรแสวงและพรสวรรค์ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว จนทำให้ผมอยากจะนำเรื่องราวของนักกีฬาคนนี้มาเล่าสู่กันฟัง เรื่องของนักเทควันโดสาวทีมชาติไทยอย่าง ‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ

 

เติบโตในครอบครัวนักกีฬา ออกกำลังกายเพื่อเอาชนะความอ่อนแอ

‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เกิดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นน้องคนสุดท้องของครอบครัว ช่วงวัยเด็กเทนนิสเป็นเด็กที่มีรูปร่างผอมบาง สูง ดูไม่ค่อยแข็งแรงแถมเจ้าตัวยังมีอาการแพ้อาหารหลายอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารทะเล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คุณพ่อ ‘สิริชัย วงศ์พัฒนกิจ’ ที่เป็นคุณครูสอนว่ายน้ำ คุณแม่ ‘วันทนา วงศ์พัฒนกิจ’ เป็นอดีตนักกีฬาว่ายน้ำและเป็นผู้นำในเรื่องการออกกำลังกายแอโรบิก รวมถึงพี่ชายและพี่สาว ‘เบสบอล’ ศราวิน วงศ์พัฒนกิจ และ ‘โบว์ลิ่ง’ กรวิกา วงศ์พัฒนกิจ ที่เป็นนักกีฬาและเป็นคนชอบออกกำลังกายสม่ำเสมอนั้นอดเป็นห่วงไม่ได้

ดังนั้น ทุกคนในครอบครัวจึงพยายามที่จะให้เทนนิสได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ เพราะสองสิ่งนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เจ้าตัวเติบโตได้อย่างสมบูรณ์และมีร่างกายที่แข็งแรง ภาพที่ทั้งครอบครัวพากันออกไปวิ่งรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าแทบทุกวันจึงเป็นภาพที่คุ้นตา คุ้นชินของคนใกล้ชิดกับครอบครัววงศ์พัฒนกิจ

 

จุดเริ่มต้นของการเล่นกีฬา

หลังจากที่เทนนิส เริ่มวิ่งออกกำลังกายกับครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ ร่างกายของเจ้าตัวก็เริ่มแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ และที่สำคัญ เจ้าตัวเริ่มมีพื้นฐานที่ดีของการเล่นกีฬา นั่นก็คือกำลังขา และแม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเทนนิส จะยังเป็นเด็กที่มีอาการอู้หรือขี้เกียจบ้าง อยากดูการ์ตูนบ้างตามประสาเด็กทั่วไป แต่ในท้ายที่สุดแล้วคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ทั้งสองก็จะพาน้องคนเล็กออกไปวิ่งด้วยจนได้ แม้แต่ในวันที่สภาพอากาศดูจะไม่เป็นใจนัก คุณพ่อสิริชัยก็สามารถหากิจกรรมให้ครอบครัวได้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง จุดนี้เองที่ทำให้เทนนิสเป็นคนมีระเบียบวินัยกับตัวเองซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของคนที่จะเป็นนักกีฬาระดับท็อป

เทนนิส เริ่มให้ความสนใจและเล่นกีฬาหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น กรีฑา ว่ายน้ำ เทนนิส หรือวอลเลย์บอล อย่างกีฬาวอลเลย์บอลที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นกีฬาที่เหมาะสมกับสรีระโดยรวมของเจ้าตัวมากที่สุดแล้ว แต่ทว่า ‘ความสูง’ เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้เทนนิสประสบความสำเร็จในกีฬาชนิดนี้ เจ้าตัวทำได้แค่เป็นเพียงตัวสำรองของทีมเท่านั้น ครั้นตอนเทนนิสฝึกฝนว่ายน้ำ เจ้าตัวก็ว่ายช้าเสียจนไม่มีวี่แววจะเป็นนักกีฬาได้

แล้วเทนนิส เหมาะจะเล่นกีฬาอะไรกันแน่?...นี่คือคำถามสำคัญของคุณพ่อสิริชัย และคุณแม่วันทนา ที่ต้องช่วยกันหาคำตอบให้กับลูกสาวคนเล็กรายนี้

 

เทควันโด กีฬาที่ชอบในเวลาที่ใช่

หลังจากเทนนิส ไม่อาจประสบความสำเร็จจากหลายกีฬา วันหนึ่งเจ้าตัวเริ่มต้นกับกีฬาชนิดใหม่อย่างเทควันโด กีฬาที่เทนนิส ตั้งใจจะเล่นเพื่อฆ่าเวลาในระหว่างรอพี่ชายของตัวเองที่ยิมเท่านั้น ไม่ได้คิดหวังว่าจะต้องเป็นนักกีฬาแต่อย่างใด เทนนิส เริ่มต้นเล่นเทควันโดด้วยวัยเพียง 7 ปี โดยมีอาจารย์ ‘ทรงศักดิ์ ทิพย์นาง’ แห่งยิมตาปีเทควันโด เป็นผู้ฝึกสอนคนแรก ซึ่งเทนนิสเองก็เรียนเทควันโดมาเรื่อย ๆ เป็นการฝึกฝนแบบเน้นความสนุกมากกว่าไปเข้าร่วมการแข่งขัน

จนมีอยู่ครั้งหนึ่ง จุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึง เมื่อเทนนิสนั้นได้ลงแข่งขันเทควันโดเพียงเพื่อต้องการไปเที่ยวต่างจังหวัดเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า เธอเองก็แพ้คู่แข่งตกรอบไปแบบสู้กันไม่ได้ ตอนแรกเทนนิสก็ไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่นัก แต่พอโดนล้อเลียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เกิดอาการหัวเสียจนเจ้าตัวพูดออกมาว่า

“ต่อไปหนูจะไม่แพ้อีก หนูจะตั้งใจซ้อมและจะชนะอย่างพี่วิว”

นั่นคือสิ่งเด็กน้อยชื่อเทนนิส บอกกับครอบครัวของเธอหลังจากความพ่ายแพ้ในครั้งนั้น เจ้าตัวตั้งใจว่าจะต้องเอาชนะให้ได้ในครั้งต่อไป เทนนิส จึงได้เริ่มฝึกฝนเทควันโดอย่างจริงจังโดยมี ‘วิว’ เยาวภา บุรพลชัย นักเทควันโดทีมชาติไทยที่สามารถคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2002 และเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2004 ได้สำเร็จเป็นแรงบันดาลใจ ภาพตอน ‘วิว’ ขึ้นรับเหรียญรางวัลนั้นมันติดตาตรึงใจอยู่ในหัวเด็กน้อย

“นั่นแหละ สิ่งที่ฉันอยากเป็น ฉันอยากชนะได้อย่างพี่วิว”

แต่แม้ว่าเทนนิส จะมุ่งมั่นทุ่มเทกับกีฬาเทควันโดแบบเป็นบ้าเป็นหลังเท่าไหร่ เจ้าตัวก็ยังต้องพบกับความพ่ายแพ้อยู่ดี แต่ทุกครั้งที่เจ้าตัวต้องพบกับความพ่ายแพ้ ต้องพบกับความผิดหวัง เทนนิส มักเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ‘ยิ่งแข่ง ยิ่งแพ้ ยิ่งต้องฝึกฝน’ จนความคิดดังกล่าวกลายเป็นคติประจำใจของเทนนิส มาจนทุกวันนี้ ทุกครั้งที่เจ้าตัวแพ้ กลับลงมาจากเวทีก็จะเอาข้อบกพร่องต่าง ๆ มาปรับปรุงแก้ไขอยู่เสมอเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันครั้งต่อไป

 

คุณพ่อคือแรงผลักดันจากเด็กขี้แพ้สู่ชัยชนะ

ในช่วงแรกของการลงสนามแข่งขันเทควันโดนั้น เทนนิส มักจะพบกับความพ่ายแพ้มากกว่าได้รับชัยชนะ แต่เธอไม่เคยหยุดความพยายาม เพราะทุกครั้งที่เทนนิสแพ้ จะมีคุณพ่อสิริชัย อยู่เคียงข้างด้วยกันเสมอ คอยให้กำลัง คอยกระตุ้นและตลอดหลายปีที่ผ่านมาคุณพ่อสิริชัย คนนี้ต้องทำหน้าที่ทั้งการเป็นคุณพ่อและเป็นตัวแทนของคุณแม่วันทนา ที่จากไปยังดินแดนแสนไกล

คุณพ่อสิริชัย ลงทุนลงแรงพยายามส่งเทนนิสไปเข้าร่วมแข่งขันเทควันโดรายการต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะที่กรุงเทพฯ อันเป็นแหล่งรวมตัวกันของนักกีฬายอดฝีมือมากมาย สิ่งที่คุณพ่อสิริชัย ทำไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อต้องการให้เทนนิสมีประสบการณ์ในการพบกับนักกีฬาที่เก่งกว่าและนำเอามาพัฒนาตัวเองต่อไปในอนาคต แม้จะล้มทั้งคู่ก็สู้ไปด้วยกัน

กาลเวลาผ่านไป ความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของทั้งสองพ่อลูกก็กลายเป็นพลังให้กับตัวของเทนนิส เจ้าตัวมีความแข็งแกร่งมากขึ้นและมีประสบการณ์บนเวทีการแข่งขันที่หาตัวจับได้ยาก การฝึกซ้อมหนักหลังจากพบกับความพ่ายแพ้ในแต่ละครั้งก็ได้เปลี่ยนจุดอ่อนของเทนนิสให้กลายเป็นจุดแข็งซึ่งทำให้เจ้าตัวมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดจนสามารถคว้าเหรียญทองกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 ปี 2011 ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ มาครองได้สำเร็จ ความสำเร็จในครั้งนั้นเป็นความสำเร็จแรกของเทนนิส เป็นความสำเร็จที่เป็นดั่งเชื้อไฟชั้นดีให้เจ้าตัวก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นซึ่งนั่นก็คือการติดทีมชาติไทย

 

จากกีฬาเยาวชนแห่งชาติสู่เหรียญเงินซีเกมส์ ความเจ็บช้ำแรกที่เป็นบทเรียน

หลังจากเทนนิสสามารถคว้าเหรียญทองกีฬาเยาวชนแห่งชาติได้แล้ว เจ้าตัวก็ต้องเก็บกระเป๋าจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีมุ่งเข้าสู่แคมป์เก็บตัวทีมชาติไทยในกรุงเทพมหานคร และนั่นก็คือปฐมบทของยอดนักเทควันโดรายนี้ เทนนิสเริ่มสร้างผลงานในระดับเยาวชนในช่วงปี 2013 ด้วยการคว้าเหรียญทองรายการเอเชียน จูเนียร์ แชมเปียนชิพหรือก็คือเทควันโดเยาวชนชิงแชมป์เอเชียนั่นเอง นอกจากนี้ เทนนิสยังคว้าเหรียญเงินในกีฬาเอเชียนยูธเกมส์มาได้อีกด้วย

ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมในระดับเยาวชนของเทนนิส ทำให้ในช่วงปลายปี 2013 เจ้าตัวจึงมีโอกาสติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ไปทำการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ปี 2013 ณ กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ และสามารถคว้าเหรียญเงินในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัมมาครองได้ แต่หากว่ากันตามจริง เทนนิส ควรจะมีโอกาสไปถึงเหรียญทองเสียด้วยซ้ำตามสายตาของผู้ชมการแข่งขันทั่วไป โดยในรอบชิงชนะเลิศ เทนนิส ต้องพบกับนักกีฬาเจ้าภาพ และในช่วง 2 วินาทีสุดท้าย นักกีฬาเมียนมาเหวี่ยงขาเตะไปที่ศรีษะ แม้เทนนิสจะหลบได้ แต่ผู้ตัดสินกลับกดคะแนนให้นักกีฬาเจ้าถิ่นแซงเอาชนะไป 7-5 คะแนนแบบค้านสายตา ถึงจะมีการประท้วงแต่ก็ไม่เป็นผล

“ก่อนหน้านี้ โค้ชและทีมงานก็ได้บอกให้ระมัดระวังตัวเองเวลาอยู่ในสนาม ซึ่งนิส (คำที่ใช้เรียกตัวเอง) คิดว่าจังหวะนั้นยังไงก็ไม่โดนศรีษะแน่เพราะหลบทัน แต่สุดท้าย ผลการแข่งขันก็ออกมาเป็นอีกหน้า นิสรู้สึกผิดหวังมากจนพูดอะไรไม่ถูกเลย”

เทนนิส ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาเพราะเธอต้องพลาดการคว้าเหรียญทองแรกในนามทีมชาติไทยชุดใหญ่ไปแบบน่าเจ็บใจ แต่เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ข้ออ้างของความพ่ายแพ้ เทนนิส กลับมาฝึกซ้อมเพื่อที่จะเอาชนะให้ขาดลอยเป็นการป้องกันปัญหาแบบนี้ในอนาคต

 

เสียน้ำตา พลาดท่าเพียงเสี้ยววินาทีที่เอเชียนเกมส์

ในปี 2014 เทนนิส เริ่มต้นด้วยการคว้าเหรียญทองเทควันโดชิงแชมป์เอเชียรุ่นฟินเวท น้ำหนักไม่เกิน 46 กิโลกรัม จากนั้นก็ตามต่อมาด้วยการคว้าเหรียญทองเทควันโดในกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ เรียกว่าเป็น 2 เหรียญทองที่ทำให้เทนนิส มีความมั่นใจและเป็นหนึ่งในตัวเต็งคว้าเหรียญทองกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ปี 2014 ณ เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้

เมื่อการแข่งขันเอเชียนเกมส์มาถึง แรกเริ่ม เทนนิส ก็สามารถทำผลงานได้ดีตามคาดแต่เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญในรอบรองชนะเลิศกับ ‘หลิน วัน ติง’ จากไต้หวัน เทนนิส ดันพลาดท่าโดนเฉือนไปเพียงแค่คะแนนเดียวจากความผิดพลาดของตัวเองในช่วงปลายยกสุดท้าย ได้เพียงเหรียญทองแดงมาปลอบใจเท่านั้น ภาพที่เจ้าตัวร้องไห้ผิดหวังกับสื่อมวลชนตอนสัมภาษณ์กลับมาอีกครั้ง

 

สร้างผลงานระดับโลก คว้าแชมป์โลกและเหรียญทองแดงโอลิมปิกส์

หลังจากเทนนิส สามารถสร้างผลงานระดับทวีปเอเชียได้แล้วนั้น เจ้าตัวก็เดินหน้าพัฒนาฝีมือเพื่อต้องการสร้างผลงานในระดับโลกและในการแข่งขันเวิลด์ เทควันโด แชมเปียนชิพ 2015 เทนนิส ได้ประกาศศักดาให้ทั่วโลกได้รู้จักเธอในฐานะเจ้าของเหรียญทองเทควันโดชิงแชมป์โลกในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 46 กิโลกรัม โดยในรอบชิงชนะเลิศนั้น เจ้าตัวปราบ ‘อิรีน่า โรมอลดาโนว่า’ จากยูเครนไปได้แบบฉิวฉียดสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลกได้สำเร็จ

น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มใจไหลอาบแก้มของเทนนิส จากนั้นในปีถัดมาเทนนิสก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองเทควันโดชิงแชมป์เอเชียได้อีกครั้ง เพียงแต่ขยับขึ้นมาเป็นรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม ก่อนที่ในช่วงเดือนสิงหาคม 2016 เทนนิส เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่ประเทศบราซิลในฐานะตัวเต็งเหรียญทองคนหนึ่งของรุ่นฟลายเวท 49 กิโลกรัม

และเมื่อถึงวันแข่งขันจริง ความหวังก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีกเมื่อคู่แข่งคนสำคัญอย่าง ‘หวู จิง หยู’ จากประเทศจีนที่มีดีกรีเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัยตกรอบแรกไปอย่างไม่มีใครคาดคิด

เทนนิสฝ่าด่านอรหันต์จนไปถึงรอบควอเตอร์ไฟนอล พบกับ ‘คิม โซ ฮุย’ จากประเทศเกาหลีใต้ เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดีจนทุกคนคิดว่า เส้นทางสู่รอบรองชนะเลิศนั้นเปิดกว้างแน่นอน แต่ภาพแห่งฝันร้ายก็มาฉายซ้ำเหมือนตอนเอเชียนเกมส์ 2014 อีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวพลาดท่าในช่วงปลายยกสุดท้ายโดยเฉือนเอาชนะไป 5-6 คะแนน เป็นความชอกช้ำที่ยากจะทำใจ และแม้จะมีรอบชิงเหรียญทองแดงรออยู่แต่เจ้าตัวเหมือนจะยอมแพ้ไปแล้ว มาได้ ‘โค้ชเช’ เช ยอง ซอก ดึงสติกลับมาจนสามารถคว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2016 มาครองได้สำเร็จเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาไทย

“เหลืออีก 4 วินาที คะแนนหนูนำอยู่ จริง ๆ หนูไม่ควรไปแลกกับเขาจนโดนเตะหัวและแพ้ไปในที่สุด เป็นสิ่งที่หนูเสียดายและเสียใจที่สุดในชีวิต” เทนนิสเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นกับสื่อ Stadium TH

 

ความผิดหวังซ้ำ ๆ สู่การคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์

หลังจากเทนนิสต้องพบกับความผิดหวังแบบซ้ำซาก เจ้าตัวเริ่มที่จะเรียนรู้และฝึกซ้อมให้หนักขึ้น แม้จะมีอาการบาดเจ็บมารบกวนอยู่เสมอ แต่เทนนิส ก็มีวินัย รักษาแต่ละอาการจนสามารถลงสนามแข่งขันได้ ความมุ่งมั่นอดทน มีระเบียบวินัย ยอมรับและแก้ไขในข้อผิดพลาดของตนเองอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้คือจุดเด่นของนักกีฬาคนนี้

สิ่งที่เทนนิสเป็นเริ่มออกดอกผลให้เธอประสบความสำเร็จ ในปี 2017 เจ้าตัวสามารถคว้าเหรียญเงินในรายการเวิลด์ เทควันโด แชมเปียนชิพ รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัมมาครองได้ จากนั้นก็ตามมาด้วยการคว้า 3 เหรียญทองในรายการเวิลด์ เทควันโด กรังด์ปรีซ์ สนามมอสโก ลอนดอน และไฟนอล นอกจากนี้ เทนนิสยังสามารถคว้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์และมหาวิทยาลัยโลกได้เป็นสมัยแรกอีกด้วย

เทนนิส เริ่มเป็นนักเทควันโดที่เล่นได้อย่างครบเครื่องแพ้ยากในปี 2018 เจ้าตัวสามารถคว้าเหรียญทองรายการเวิลด์ เทควันโด กรังด์ปรีซ์ได้ 2 สนามที่เถาหยวนและแมนเชสเตอร์ และที่สำคัญ เทนนิส สามารถคว้าเหรียญทองกีฬาเอเชียนเกมส์ได้เป็นครั้งแรกในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุดันเฉียบขาดเหนือกว่าคู่แข่งตั้งแต่รอบแรกไปจนถึงคว้าเหรียญทอง

โดยรอบแรกเทนนิสเอาชนะ ‘ฮวง ยู่ ติง’ จากไต้หวัน 26-1 คะแนน รอบควอเตอร์ไฟนอลชนะ ‘คัง โบลา’ จากเกาหลีใต้ 27-8 คะแนน สำหรับจอมเตะจากเกาหลีใต้คนนี้ไม่ธรรมดานะครับ เพราะเธอคือแชมป์เอเชียคนล่าสุดที่เขี่ยเทนนิส ตกรอบแรกมาแล้ว รอบรองชนะเลิศเทนนิสเอาชนะ ‘นาฮิต คีอานี่’ จากอิหร่านไป 11-6 คะแนน และในรอบชิงชนะเลิศ เทนนิส ก็โชว์ฟอร์มโหดอีกครั้งเมื่อเอาชนะ ‘มาดิน่าโบนู แมนโนโปว่า’ จากอุซเบกิสถานไปแบบขาดลอย 21-3 คะแนน เป็นการคว้าเหรียญทองแบบเหนือชั้นที่สุดชนิดไม่มีใครสู้ได้

“ขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจนะคะ ทำให้หนูรู้สึกว่า ไม่ได้สู้อยู่คนเดียวในสนาม หนูรู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่วันนี้พวกเราได้ร้องเพลงชาติไทยด้วยกัน ชอบคุณทีมงานทุกคนและสมาคมเทควันโดฯ มากนะคะที่สนับสนุนหนูมาโดยตลอด และเป้าหมายต่อไปของหนูก็คือ เหรียญทองโอลิมปิกที่โตเกียว” เทนนิส ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ได้สำเร็จ

 

เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ จิ๊กซอว์สุดท้ายที่ตามหา

หลังจากคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2018 ได้แล้วนั้น เจ้าตัวสามารถคว้าเหรียญทองได้อีกมากมายหลายรายการทั้งเวิลด์ เทควันโด แชมเปียนชิพ 2019, เวิลด์แกรนด์สแลม 2018 และ 2019, ซีเกมส์ 2019 และกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2019 เรียกได้ว่า เทนนิสคือนักเทควันโดอันดับ 1 ของโลกที่คว้าเหรียญทองมาหมดแล้วเหลือก็แค่เพียงโอลิมปิกเกมส์เท่านั้น

เจ้าตัวเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ในช่วงของวิกฤตการณ์การระบาดของโควิด-19 ในช่วงปี 2019-2020 จนทำให้โอลิมปิกเกมส์ต้องเลื่อนออกไป 1 ปี เทนนิส ยังเตรียมความพร้อม ทั้งร่างกายและจิตใจอยู่เสมอไม่ได้มีอาการท้อแท้หรือวิตกกังวลแต่อย่างใด ในทางกลับกัน เทนนิส กลับคิดว่าการแข่งขันที่เลื่อนออกไปนั้นจะทำให้ตัวเองได้มีเวลาแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ ได้มากขึ้นนับว่าเจ้าตัวเป็นนักกีฬาที่มีทัศนคติดีเยี่ยม

จนการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 มาถึง เทนนิส ก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในรอบชิงชนะเลิศที่เทนนิส สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ ‘อาเดรียนา เซเรโซ อิเกลเซียส’ จากสเปนไปในเสี้ยววินาทีสุดท้าย นั่นแสดงให้เห็นว่า เจ้าตัวนั้นมีสมาธิและมุ่งมั่นตั้งใจเป็นอย่างมาก และในที่สุดเจ้าตัวก็สามารถคว้าเหรียญทองสูงสุด และเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายได้สำเร็จเสียที พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์เหรียญทองแรกของกีฬาเทควันโดในโอลิมปิกเกมส์

 

หางโจวเกมส์ เหรียญทองเอเชียนเกมส์ที่เป็นตำนาน

ล่าสุด ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ เมืองหางโจ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน แข่งขันในปี 2023 ซึ่งจะเป็นการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งสุดท้ายของตัวเทนนิสเอง ดังนั้น การแข่งขันในครั้งนี้จึงมีความหมายกับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก โดยเจ้าตัวนั้นก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ‘กั๊วะ จิง’ นักกีฬาจากเจ้าภาพ

เกมการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นมา เทนนิส ก็ทำผลงานได้เป็นอย่างดี เมื่อยกแรกสามารถเอาชนะ ‘กั๊วะ จิง’ ไปได้ ก่อนที่จะมาพลาดท่าถูกตามตีเสมอในยกถัดมาจนต้องมาตัดสินกันในยกสุดท้าย และแน่นอนว่า โมเมนตัมในขณะนั้นเป็นของนักกีฬาเจ้าภาพ ขณะที่การแข่งขันยกตัดสินเหลือเวลาอีก 1 นาที ‘กั๊วะ จิง’ ขึ้นนำเทนนิสไป 0-6 คะแนน หลายคนมองว่ายากแล้วที่เราจะกลับมาเอาชนะได้ อีกทั้งเทนนิสต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้เสียสมาธิเมื่อคอมพิวเตอร์ที่ให้คะแนนเกิดความผิดพลาด ซึ่งกว่าจะประท้วงกันสำเร็จก็ใช้เวลานานมาก

“ตอนคะแนนขึ้นเป็น 0-23 หนูถอดใจไปแล้ว แต่เพราะมีครอบครัวมาเชียร์และบอกให้เราทำให้เต็มที่ พอประท้วงสำเร็จหนูเลยใส่ให้สุด ๆ ไปเลยไม่สนใจอะไรแล้ว ดีใจที่คว้าเหรียญทองมาให้ประเทศไทยได้สำเร็จ”

เทนนิสให้สัมภาษณ์กับ Main Stand หลังการแข่งขันจบลงและเธอสามารถพลิกจากที่ตามอยู่ 0-6 แซงกลับมาเอาชนะไปได้ 12-9 คะแนน คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ไปครองได้สำเร็จเป็นการส่งท้ายการแข่งขันในมหกรรมนี้เป็นครั้งสุดท้าย

 

โอลิมปิกเกมส์ 2024 เป้าหมายสุดท้ายก่อนอำลาวงการ

หลังจากเทนนิส คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้แล้ว เจ้าตัวยังสามารถคว้าเหรียญทองแดงและเหรียญเงินในรายการเวิลด์ เทควันโด แชมเปียนชิพ 2022 และ 2023 ตามลำดับ รวมทั้งการคว้า 4 เหรียญทองรายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ช่วงปี 2022-2023 และที่สำคัญ เทนนิส สามารถคว้าเหรียญทองซีเกมส์เพิ่มได้อีกในปี 2021 และ 2023 ทำให้เจ้าตัวปิดฉากซีเกมส์ด้วยการคว้าเหรียญทอง 4 สมัยติดต่อกัน (2017, 2019, 2021 และ 2023)

รวมทั้งเทนนิส สามารถคว้าเหรียญทองกีฬามหาวิทยลัยโลกสมัยที่ 3 มาครองได้ด้วยการเอาชนะ ‘แมร์เว ดินเซน’ แชมป์โลกคนล่าสุดจากทูร์เคียไปได้ และล่าสุดคือพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2022 ได้ด้วยการโค่น ‘กั๊วะ จิง’ ความหวังของเจ้าภาพ นั่นเป็นการแสดงให้ทุกคนเห็นว่า เทนนิสยังสู้เพื่อชัยชนะอยู่เสมอ เจ้าตัวยังไม่หมดไฟ และยังคงมุ่งมั่นที่จะทำเป้าหมายที่เหลืออยู่ให้สำเร็จ นั่นคือการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2024 เป็นการส่งท้ายชีวิตการเป็นนักกีฬาของเจ้าตัวให้ได้

ครับ นี่คือเรื่องราวของ ‘เทนนิส’ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดที่คว้ามาได้แล้วทุกความสำเร็จบนโลกใบนี้ พวกเรามาร่วมกันให้กำลังใจเจ้าตัวในเส้นทางที่เหลืออยู่นับจากนี้กันครับ ร่วมกันเชียร์น้องเทนนิสเพื่อให้ธงชาติไทยไปโบกสะบัดบนจุดสูงสุดของโพเดียมระดับโลกอย่างโอลิมปิกเกมส์อีกครั้ง

 

เรื่อง: ธิษณา ธนคลัง - เต้นคุง (The Sportory) แฟนพันธุ์แท้ฮีโร่เอเชียนเกมส์  

ภาพ: Getty Images