27 ก.พ. 2567 | 16:22 น.
- วิงแบ็คมีสองประเภท นั่นคือ ปีกที่เล่นเกมรับกับแบ็คที่เล่นเกมรุก เบรห์เม่มีคาแรคเตอร์อย่างหลัง เขาถือเป็นแบ็คที่คุมเกมรับทางกราบได้เป็นอย่างเหนียวแน่นและพาบอลบุกขึ้นไปทำเกมรุกได้อย่างดุดันและมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากปีกอีกคนหนึ่ง
- สื่อต่างประเทศเรียกเขาว่า ‘แอนดี้’ (Andi) ตามชื่อจริง แต่สื่อไทยเรียกเขาว่า ‘รถถังเลียวพาร์ด II’
- ในทีมชาติ เบรห์เม่คือประจักษ์พยานแห่งความล้มเหลวในช่วงต้น ก่อนจะกลายเป็นผู้ชี้ชะตาความสำเร็จแชมป์โลกให้กับเยอรมนีตะวันตก
เมื่อพูดถึงการคว้าแชมป์โลกของทีมชาติเยอรมนีตะวันตกในฟุตบอลโลกปี 1990 ที่ประเทศอิตาลี หลายคนคงกล่าวถึงความโดดเด่นของ ‘โลธาร์ มัทเธอุส’ กัปตันผู้เป็นทุกอย่างให้กับทีม แต่น้อยคนคงจะรู้ว่าเยอรมนีตะวันตกชุดนั้นยังมีผู้เล่นที่ฉายฟอร์มโดดเด่นไม่แพ้กันและส่งผลสำคัญต่อความสำเร็จของทีม หนึ่งในนั้นคือ ‘อันเดรียส เบรห์เม่’ วิงแบ๊คจอมบุกผู้อำลาจากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2024 ด้วยวัย 63 ปีจากอาการหัวใจหยุดเต้น เขาคือผู้ที่มีคาแรคเตอร์แห่งการขึ้นสุดลงสุดในแทบทุกมิติแห่งชีวิต
เบรห์เม่คือตัวอย่างของวิงแบ็กในยุคปลายศตวรรษที่ 20 ที่มีบทบาทสำคัญในเกมรับและเกมรุกทางกราบของสนาม เกมฟุตบอลในภาคพื้นทวีปยุโรปยุคนั้น มักมอบบทบาทการขึ้นเกมรุกทางกราบซ้ายและขวาให้กับผู้เล่นริมเส้นเพียงคนเดียวซึ่งก็คือวิงแบ็ค (หรือแบ็คกึ่งปีก) ผู้เล่นตำแหน่งนี้จึงต้องปกป้องเกมรับบนเส้นหลังของแดนของตัวเองและเปิดเกมบุกไปจนถึงเส้นหลังของฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งรักษาตำแหน่งอยู่เสมอ
คาแรคเตอร์ขึ้นสุดลงสุดนี้ทำให้ผู้เล่นวิงแบ็คต้องมีทั้งพลัง ความเร็ว และทักษะที่รอบด้านทั้งเกมรับและเกมรุก ไปจนถึงวิสัยทัศน์การอ่านเกม วิงแบ็คมีสองประเภท นั่นคือ ปีกที่เล่นเกมรับกับแบ็คที่เล่นเกมรุก เบรห์เม่มีคาแรคเตอร์อย่างหลัง เขาถือเป็นแบ็คที่คุมเกมรับทางกราบได้เป็นอย่างเหนียวแน่นและพาบอลบุกขึ้นไปทำเกมรุกได้อย่างดุดันและมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากปีกอีกคนหนึ่ง โดยเฉพาะการวางบอลจากกราบที่แม่นยำ การยิงลูกนิ่งที่เฉียบขาด และสามารถเล่นได้ทั้งสองเท้า เขาจึงเล่นทั้งทั้งวิงแบ็คฝั่งซ้ายและขวา
สื่อต่างประเทศเรียกเขาว่า ‘แอนดี้’ (Andi) ตามชื่อจริง แต่สื่อไทยเรียกเขาว่า ‘รถถังเลียวพาร์ด II’ ด้วยคาแรคเตอร์ที่แข็งแกร่ง แต่คล่องแคล่วและแม่นยำในการเล่นบอล ดุจรถถังเลียวพาร์ด II ที่มีความคล่องตัวในการรบและแม่นยำในการทำลายเป้าหมาย
อาชีพนักฟุตบอลของเบรห์เม่ไต่ระดับถึงจุดสูงสุดในช่วงกลางก่อนจะตกต่ำถึงกับตกชั้นในช่วงปลาย เขาเล่นให้กับสโมสร ‘ฮาเอสเฟา บาร์มเบ็ค-อูห์เลนฮอร์สท์’ และ ‘ซาร์บรึคเค่น’ ในลีกระดับล่าง ก่อนจะย้ายมาร่วมสโมสร ‘ไกเซอร์สเลาเทิร์น’ ในปี 1981 โดยใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นเบ็ตเซ่นแบร์กเป็นเวลา 5 ปี เขาพัฒนาฝีเท้าตนเองจนโดดเด่น จนถึงปี 1986 จึงได้ย้ายไปสร้างความสำเร็จกับสโมสร ‘บาเยิร์น มิวนิค’ ถึง 2 ปี คว้าแชมป์บุนเดสลีก้าในปี 1987 และพาทีมเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพในปีเดียวกัน แต่แพ้ให้กับสโมสร ‘เอฟซี ปอร์โต้’ อย่างน่าเสียดาย
พอปี 1988 เขากับ ‘โลธาร์ มัทเธอุส’ ได้ย้ายมาสร้างตำนานให้กับสโมสร ‘อินเตอร์ มิลาน’ ของอิตาลี พาทีมคว้าแชมป์ ‘กัลโช่ เซเรีย อา’ ในฤดูกาลแรก ก่อนจะผนึกกำลังกับ ‘เยอร์เก้น คลิ้นส์มันน์’ เป็นสามทหารเสือด๊อยท์ช (ขณะที่เอซี มิลาน คู่ปรับร่วมเมืองในตอนนั้นก็มีสามทหารเสือดัทช์) คว้าแชมป์ ‘ยูฟ่า คัพ’ (ยูโรป้า ลีกในปัจจุบัน) ในปี 1991 ก่อนเขาจะย้ายไปเล่นให้กับสโมสร ‘เรอัล ซาราโกซ่า’ 1 ปี และกลับมาเล่นให้กับสโมสรไกเซอร์สเลาเทิร์นจนเลิกเล่นในปี 1998
ด้วยสภาพร่างกายที่โรยราในช่วงสุดท้ายในถิ่นเบ็ตเซ่นแบร์ก เขาปรับเปลี่ยนการเล่นมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับและกองหลังตัวสุดท้าย แต่ไม่สามารถประคองทีมให้รอดพ้นจากการตกชั้นในปี 1996 ได้ โดยทีมทำได้แค่เสมอสโมสร ‘ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น’ 1 - 1 ‘รูดี้ เฟิลเลอร์’ กองหน้าของเลเวอร์คูเซ่นและอดีตกองหน้าเพื่อนร่วมทีมชาติเยอรมนีต้องเข้ามาปลอบใจเขาหลังจบเกม นับเป็นฝันร้ายทั้งน้ำตาในนัดสุดท้ายของฤดูกาลแม้ว่าเขาจะได้แชมป์ ‘เดเอฟเบ โพคาล’ ในปีนั้นเป็นรางวัลปลอบใจก็ตาม
อย่างไรก็ดี แบรห์เม่ยังคงอยู่กับทีมต่อไป และช่วยพาทีมเลื่อนชั้นกลับมาเล่นในบุนเดสลีกาได้สำเร็จและยังช่วยให้ได้แชมป์บุนเดสลีกาได้สำเร็จในปีเดียวหลังจากเลื่อนชั้น ถือเป็นสถิติที่ยังไม่มีทีมไหนทำลายได้จนทุกวันนี้
ในทีมชาติ เบรห์เม่คือประจักษ์พยานแห่งความล้มเหลวในช่วงต้น ก่อนจะกลายเป็นผู้ชี้ชะตาความสำเร็จแชมป์โลกให้กับเยอรมนีตะวันตก เขาเล่นให้ทีมชาติเยอรมนีตะวันตกในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1984 เป็นทัวร์นาเมนท์แรกแต่ตกรอบแรกไปอย่างน่าอับอาย หลังจากนั้นเขาพาทีมบินสูงมาตลอด ช่วยให้ทีมเป็นรองแชมป์โลกในปี 1986 แชมป์โลกในปี 1990 รองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 1992 และเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 1994
ทุกประตูของเบรห์เม่ในการเล่นทัวร์นาเมนท์ส่งผลต่อความสำเร็จของทีมไม่ว่าจะเป็นฟรีคิกที่ยิงนำฝรั่งเศสตั้งแต่นาทีที่ 9 ในการเล่นรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 1986 ที่ส่งผลต่อการเข้าชิงชนะเลิศของทีม ลูกฟรีคิกตีเสมออิตาลีในรอบแบ่งกลุ่มในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 1988 ช่วยให้เยอรมนีพบกับงานง่ายขึ้นในสองนัดที่เหลือ ในฟุตบอลโลก 1990 ลูกยิงไซด์โค้งสุดสวยเป็นประตูนำเนเธอร์แลนด์ 2 - 0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายทำให้ทีมสามารถผ่านตัวเต็งอย่างอัศวินสีส้มไปได้
ต่อมาในรอบสี่ทีมสุดท้าย เขาได้ยิงฟรีคิกแฉลบพอล ปาร์คเกอร์ช่วยให้ทีมขึ้นนำอังกฤษ ส่งผลให้อังกฤษพบกับความยากลำบากในการตีเสมอเยอรมนีตะวันตกและแพ้การยิงจุดโทษไป (โดยเบรห์เม่ยิงลูกโทษเข้าไปในช่วงการยิงจุดโทษตัดสิน)
ต่อมานัดชิงชนะเลิศกับอาร์เจนตินา โลธาร์ มัทเธอุส มือสังหารจุดโทษอันดับหนึ่งของทีมไม่คุ้นเคยกับรองเท้าที่เปลี่ยนใหม่ในช่วงพักครึ่งเวลา จึงให้เบรห์เม่ยิงแทน และเขาก็ไม่พลาด แม้ว่าผู้รักษาประตูของอาร์เจนตินาชื่อ ‘อันโดนี่ กอยโคเชีย’ จะพุ่งถูกทาง แต่ด้วยน้ำหนักที่รุนแรงและทิศทางที่แม่นยำ ทำให้บอลเข้าประตูไป ช่วยให้เยอรมนีตะวันตกเป็นแชมป์โลกได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าเขาจะไม่เคยผิดพลาด ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี 1992 ที่เบรห์เม่เป็นกัปตันทีมแทนมัทเธอุสที่ได้รับบาดเจ็บ เขาพลาดปล่อยให้ ‘คิม วิลฟอร์ท’ ของเดนมาร์คแย่งบอลไปได้ และเป็นวิลฟอร์ทที่ยิงประตูให้เดนมาร์คขึ้นนำได้สำเร็จก่อนที่เยอรมนีจะแพ้ไป 0 - 2 พลาดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย
ต่อมา หลังจากเลิกเล่นฟุตบอล แม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นโค้ช แต่ก็ได้ ‘มิโรสลาฟ โคลเซ่’ ขึ้นเป็นกองหน้าตัวจริงของสโมสรไกเซอร์สเลาเทิร์นในช่วงที่เขาคุมทีม ช่วยให้โคลเซ่ได้รับโอกาสติดทีมชาติเยอรมนีและกลายมาเป็นตัวหลักมาตลอดจนคว้าแชมป์โลกปี 2014 ได้สำเร็จ ถือว่าเขาได้ช่วยให้เพชรเม็ดงามได้ส่องประกายอย่างถูกที่ถูกเวลา
แม้ว่าเขาจะหันหลังให้กับการคุมทีมฟุตบอล ชีวิตของเขากลับตกลงไปสู่จุดต่ำสุดในปี 2014 โดยเขากลายเป็นบุคคลล้มละลายจากการมีหนี้สินล้นพ้นตัวถึง 200,000 ยูโรและกำลังจะสูญเสียบ้านจากการถูกบังคับจำนอง ถึงขนาดที่ ‘โอลิเวอร์ สเตราเบ้’ อดีตผู้เล่นภายใต้การคุมทีมของเบรห์เม่ที่ ‘อุนเทอร์ฮัคคิงก์’ ได้เสนอตำแหน่งงานเป็นพนักงานทำความสะอาด อย่างไรก็ตาม เขากลับมาสู้ต่อจนได้ประกอบธุรกิจสนามหญ้าไฮบริด ซึ่งเป็นสนามหญ้าแท้ผสมกับหญ้าสังเคราะห์ในปี 2021 ซึ่งทำให้เขากลับมามีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงชีวิตจนวาระสุดท้าย หลังพบกับมรสุมใหญ่ที่ทำให้ชีวิตต้องดำดิ่งลงไปจนสุด
ฃนี่คือเรื่องราวของอันเดรียส เบรห์เม่ อดีตวิงแบ็คทีมชาติเยอรมนีผู้มีสไตล์การเล่นที่ขึ้นสุดลงสุดจนสร้างตำนานให้กับวงการฟุตบอลเยอรมนีและอิตาลี อีกทั้งยังมีชีวิตที่ขึ้นสุดอย่างยิ่งใหญ่และลงสุดอย่างน่าใจหายสำหรับเหล่าแฟนบอล ทว่าเบรห์เม่จะยังเป็นที่ตราตรึงใจของแฟนบอลเยอรมันไปอีกยาวนานในฐานะผู้ตัดสินแชมป์โลกให้กับเยอรมนีตะวันตกในปี 1990 อันเป็นแชมป์สุดท้ายก่อนการรวมชาติเยอรมนีในปีเดียวกัน
เรื่อง : ณัฐวัฒน์ กฤตยานวัช
ภาพ : Getty Images