โค้ชทีมชาติไทย ‘มาซาทาดะ อิชิอิ’ ไม่ใช่ผู้วิเศษ แต่เป็นผู้ถูกเลือกให้กองเชียร์สมหวัง

โค้ชทีมชาติไทย ‘มาซาทาดะ อิชิอิ’ ไม่ใช่ผู้วิเศษ แต่เป็นผู้ถูกเลือกให้กองเชียร์สมหวัง

เรื่องราวของ ‘มาซาทาดะ อิชิอิ’ โค้ชทีมชาติไทย ที่เรียนรู้สายอาชีพนี้จากการเป็นโค้ชฟิตเนสในทีมฟุตบอล แนวคิด ประสบการณ์ และความเก่งกาจ ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจให้เป็นโค้ชทีมชาติไทยคนใหม่ กุนซือที่ฝันอยากเป็นหนึ่งในฟันเฟืองช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย

  • มาซาทาดะ อิชิอิ โค้ชทีมชาติไทยสัญชาติญี่ปุ่น กูรูที่เคยปั้นฝันทีมฟุตบอลไทยจนถึงฝั่ง 2 ทีม (สมุทรปราการ ซิตี้ และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
  •  อดีตกุนซือทีม คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ชุดรองแชมป์สโมสรโลก ทีมฟุตบอลญี่ปุ่นในระดับเจลีก ดิวิชัน 1
  • ผู้ยึดถืออุดมการณ์ หน้าที่โค้ชที่สำคัญที่สุด คือ พัฒนาฝีเท้านักเตะ ผู้เล่นรายใหม่ ๆ ในวงการฟุตบอล

 

“ผมอยากเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการพัฒนาฟุตบอลไทย แม้จะไม่ได้คุมทีมชาติไทยโดยตรง”

คำกล่าวนี้เป็นของ มาซาทาดะ อิชิอิ (Masatada Ishii) สมัยที่ยังสวมเสื้อน้ำเงินติดตราโลโก้หอชมเมืองในตำแหน่งหัวหน้าโค้ชทีมสมุทรปราการ ซิตี้ ทีมเล็ก ๆ สโมสรแรกในไทยลีกที่เขาคุมบังเหียน ซึ่งเหตุผลที่ทำให้เขายอมข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงประเทศไทย เขามองว่าทีมฟุตบอลไทยเป็นงานที่ท้าทาย เพราะเป็นงานคุมทีมนอกญี่ปุ่นครั้งแรกสำหรับ อิชิอิ

‘อิชิอิซัง’ เห็นว่า สโมสรในไทยมักจะใช้กองหลังเป็นผู้เล่นต่างชาติ รวมถึงใช้กองหน้าเป็นชาวต่างชาติ ทำให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่ขาดนักเตะทั้งสองตำแหน่งนี้

ดังนั้น ตลอดระยะเวลาที่คุมทีม ‘เขี้ยวสมุทร’ เขาจึงพัฒนานักเตะไทยในสองจุดนี้ ด้วยการใช้ผู้เล่นไทยลงสนามในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ อย่างน้อย 1 คน และรวมถึงตำแหน่งกองหน้าด้วย

แต่เมื่อผ่านเวลาช่วงนั้นมา อดีตกุนซือ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส (Kashima Antlers) ชุดรองแชมป์สโมสรโลก ไม่ต้องช่วยทีมช้างศึกในทางอ้อมอีกแล้ว เพราะเขาจะได้รับสิทธิ์นั้นทันที หลังจากเข้ารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทยคนใหม่

เริ่มจากโค้ชฟิตเนส

สมัยเป็นผู้เล่นในเจลีกยุคตั้งไข่ เมื่อปี 1993 ชายหนุ่มจากจังหวัดชิบะ ที่เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ และสามารถเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็คได้เช่นกัน แต่จุดหนึ่งที่น่าจะเป็นหนึ่งในรากฐานความสำเร็จในงานโค้ชคือ หลังจากที่ อิชิอิ แขวนสตั๊ดเมื่อปี 1999 เขาได้รับงานในตำแหน่งทีมงานโค้ชของทีมคาชิม่า แอนท์เลอร์ส ได้รับมอบหมายให้ดูแลนักเตะเรื่องฟิตเนส ความแข็งแกร่งของร่างกาย และสุขภาพเป็นหลัก

อิชิอิ ทำหน้าที่เป็นโค้ชฟิตเนสในทีมกวางเขาเหล็ก 10 ปีพอดี จนไต่เต้าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมือขวาของทีมในปี 2012 ซึ่งตลอดในช่วงเวลานั้นทีมดังแห่งเมืองคาชิม่า ใช้โค้ชชาวบราซิลมาตลอดยาวนานถึง 21 ปี

แต่เมื่อ ‘โตนินโญ่ เซเรโซ่’ กุนซือแซมบ้า โดนไล่ออกในปี 2015 อิชิอิ ที่อยู่กับทีมมายาวนานซึมซับสไตล์การทำงานวิธีเล่นของโค้ชแซมบ้ามาตลอดชีวิต ผนวกกับการเป็นโค้ชฟิตเนสด้วย จึงได้รับการเลื่อนขั้นในตำแหน่งกุนซือใหม่ของทีมอย่างเป็นทางการ พร้อมตกผลึกการเล่นในแบบ ‘อิชิอิเวย์’ ขึ้นมา

เรียกได้ว่า อิชิอิเวย์ แสดงอานุภาพในเจลีก ที่การันตีฝีมือของเขาได้จากการที่ทีม คาชิม่า แอนท์เลอร์ส คว้าแชมป์เจลีกญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้นดวลกับ ‘เรอัล มาดริด’ ของซีเนอดีน ซีดาน แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2015-2016 มาแล้ว ชื่อของเขาโด่งดังไปทั่วโลกจากแมตช์นั้น เพราะ ‘กวางเขาเหล็ก’ สู้กับ เรอัล มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2016 ซึ่งจัดที่สนามกีฬาแห่งชาติ ในโยโกฮาม่า ได้อย่างสูสี

อิชิอิเวย์ ยังสร้างความลำบากใจให้กับ ‘คริสเตียโน โรนัลโด’ เป็นอย่างมาก เพราะราชันชุดขาวเกือบพังพาบ ต้องไล่ตีเสมอแชมป์เจลีก ก่อนจะไปเฉือนชนะได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-2 เถลิงแชมป์สโมสรโลกได้แบบจวนเจียน

ทว่าเรื่องเล่าของ ‘อิชิอิ’ กับ ‘กวางเขาเหล็ก’ โดนตัดจบไวไปนิด เพราะหลังจากได้แชมป์เจลีก และรองแชมป์สโมสรโลกในซีซั่น 2016 ฤดูกาลต่อมามีความคาดหวังที่สูงขึ้น แต่อดีตโค้ชฟิตเนสของทีม กลับพาทีมตกรอบฟุตบอลถ้วยเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เร็วเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น จึงเป็นเหตุในการถูกปลดออกจากตำแหน่ง

 

สร้างตำนานทีมฟุตบอลไทย

นอกเหนือจากศึก ‘ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ’ รายการสร้างชื่อที่ทำให้ทั่วโลกต้องพลิกประวัติดูว่าโค้ชมาดขรึมรายนี้คือใครแล้วนั้น ก่อนจะมาเป็นกุนซือทีมช้างศึก อิชิอิ มีถ้วยรางวัลสะสมเต็มตู้การันตี ไม่ว่าจะเป็นการพาทีมคาชิม่า แอนท์เลอร์ส ได้แชมป์เจลีก 2016, รองแชมป์สโมสรโลก 2016, แชมป์เอ็มเพอเรอร์ส คัพ 2016, แชมป์เจลีก คัพ 2015 และแชมป์เจแปนนีส ซูเปอร์คัพ 2017 อีกทั้งยังเคยได้รับตำแหน่งกุนซือยอดเยี่ยมเจลีกในฤดูกาล 2016 อีกด้วย

เมื่อครั้งที่ อิชิอิ ดูแลเป็นโค้ชของทีมสมุทรปราการ ซิตี้ (ปัจจุบันอยู่ในไทยลีก 2) เขาทำให้ทัพเขี้ยวสมุทร สามารถทะยานขึ้นไปจบที่อันดับ 6 ของไทยลีกฤดูกาล 2020-2021

ทั้งยังสร้างนักแตะที่เก่งกาจขึ้น ซึ่งเป็นจุดเด่นและเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของโค้ช อิชิอิ ยกระดับฝีเท้าของลูกทีม โดยปั้นให้ผู้เล่นโนเนมในทีมสมุทปราการ ซิตี้ พาเหรดกันติดทีมชาติไทยชุดใหญ่จนกลายเป็นขาประจำทั้ง ศุภนันท์ บุรีรัตน์, จักพัน ไพรสุวรรณ, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, ปฏิวัติ คำไหม, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, เอร์เนสโต้ ภูมิภา, ธีระพล เยาะเย้ย และ ชญาวัต ศรีนาวงศ์ ถือเป็นศิษย์เอกของอิชิอิทั้งสิ้น

แม้แต่สมัยที่เขาคุมทีมโอมิยะ อาร์ดิจา ในลีกญี่ปุ่น ก็เคยปั้นให้ ‘เกนกิ โอมาเอะ’ ที่มีปัญหาเรื่องการทำประตูฝืดเคือง กลายเป็นเครื่องจักรถล่มประตูมาแล้ว

เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แนวรุกดีกรีทีมชาติไทย อดีตปีกของทีมเขี้ยวสมุทรแสดงความเห็นสมัยที่เขายังโลดแล่นทางกราบขวาให้กับทีมสมุทรปราการ ซิตี้ ได้พูดถึงอิชิอิ ว่า “ผมกับเพื่อน ๆ คุยกัน ก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับที่สมุทรปราการ ได้โค้ชระดับนี้มาเป็นหัวหน้าโค้ช”

ส่วนผลงานที่อิชิอิ สร้างมากับมือหลังจากที่ย้ายไปเป็นเฮดโค้ชของ ‘บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด’ ยักษ์ใหญ่แห่งไทยลีก จนเกิดเป็นตำนานบทใหม่ให้กับ ‘ปราสาทสายฟ้า’ เขาเป็นหัวหน้าโค้ชคนแรกในประวัติศาสตร์เมืองไทย ที่พาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ไทยลีก, เอฟเอคัพ และลีกคัพ ได้ถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกันในปี 2021-2022 และ2022-2023 พ่วงด้วยตำแหน่งโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีของไทยลีก 2 ฤดูกาลซ้อน พร้อมสไตล์การเล่นที่มีประสิทธิภาพ มีเอกลักษณ์ วูบวาบ โดยเฉพาะเกมโต้กลับแบบสายฟ้าฟาด ทำกันไม่กี่จังหวะด้วยความเร็วถึงหน้าประตู ชอบใช้เกมเพรสซิ่งสูง เกมรุกริมเส้นจี๊ดจ๊าดผ่านระบบการเล่น  4-4-2 หรือ 4-2-3-1 รวมถึงการทำงานที่ละเอียดยิบแบบญี่ปุ่น

ทั้งนี้ อิชิอิ กับการเป็นหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย มีกระแสเรียกร้องมาอย่างน้อยแล้ว 2 ครั้ง รอบแรกตั้งแต่สมัย เขายังคุมทีมสมุทรปราการ ซิตี้ และพาทีมรองบ่อน และผู้เล่นยังบลัด จบซีซั่นอันดับ 6 ในฤดูกาล 2020-2021 เพียงแต่ในช่วงเวลานั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ ‘มาดามแป้ง’ หรือ นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมเลือกตั้ง โค้ช มาโน่ โพลกิ้ง มาคุมทีมในระยะสั้นก่อน เพื่อลุยศึกชิงแชมป์อาเซียน 2020 ซึ่งหลังจากที่มาโน่ พาทีมคว้าแชมป์ได้ เขาได้รับการต่อสัญญาเรื่อยมา จนได้ถ้วยอีกครั้งในปี 2022 จึงยังไม่มีเหตุผล และน้ำหนักมากพอ ที่จะดึงกุนซือเยอรมนี-บราซิล ลงจากเก้าอี้

ความพยายามในการแต่งตั้ง อิชิอิ ให้เข้ามารับงานกุนซือทีมชาติไทยเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อ ‘เนวิน ชิดชอบ’ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกาศส่ง อิชิอิ เข้าไปรับงานผู้ช่วยมาโน่ ในตำแหน่งประธานเทคนิคทีมชาติไทย เพื่อเตรียมเข้ารับตำแหน่งกุนซือช้างศึกทันทีหลังจบคิงส์คัพในเดือนกันยายน

แต่ มาดามแป้ง ยังคงมอบหมาย และเชื่อใจ มาโน่ ให้ทำทีมต่อในเกมคัดฟุตบอลโลก 2026 อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้ต่อจีนคาบ้าน 1-2 ตั้งแต่แมตช์แรกที่แทบจะทำให้เส้นทางสู่เวิลด์คัพจบลง แม้ว่า ช้างศึก และมาโน่ จะมาฟื้นด้วยการชนะสิงคโปร์ 3-1 ก็ไม่อาจต้านทานกระแสความฉงนสงสัยในแทคติกวิธีการเล่น รวมถึงการจัดตัวจากเกมแพ้จีน จนเป็นเหตุผลในการปลดมาโน่ทันทีเมื่อลงเครื่องถึงไทย เพื่อให้อิชิอิ ได้เริ่มงานเร็วที่สุด

 

ไม่ใช่ผู้วิเศษ แต่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

‘มาดามแป้ง’ ในฐานะผู้จัดการทีมชาติไทยชุดใหญ่ แคนดิเดต และเต็งหนึ่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คนใหม่ อธิบายเหตุผลที่เลือก อิชิอิ เข้ามารับงานในช่วงเวลานี้ว่า ได้มีการพิจารณาอย่างดีที่สุด เพราะด้วยเงื่อนไขเวลาที่จำกัด

“มีฟุตบอลเอเชียน คัพ รอบสุดท้ายที่กาตาร์ในเดือน มกราคม 2024 รออยู่ และเกมคัดฟุตบอลโลกที่เหลืออีก 4 นัด เราต้องเลือกโค้ชที่รู้จัก คุ้นเคย และมีข้อมูลผู้เล่นทีมชาติไทยมากที่สุด รวมถึงโค้ชอิชิอิ ยังมีประสบการณ์ และผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ในระดับเจลีก ไทยลีก รวมถึงบนเวทีฟุตบอลระดับชิงแชมป์สโมสรโลกด้วย และที่สำคัญ ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศต้นแบบในเชิงฟุตบอลของเอเชีย และอยู่ในอันดับท็อป 20 ของโลก ดังนั้น เชื่อว่าโค้ชอิชิอิ คือบุคคลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเราในตอนนี้ และแป้งพร้อมสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่”

การกลับมาไทยครั้งนี้ของอิชิอิ ต่างไปจากที่เคย เมื่อปี 2019 ตอนที่มาคุมทีมสมุทรปราการ ซิตี้ และก็ต่างจากช่วงปลายปี 2021 ที่เขาโยกจากสมุทปราการไปอีสาน เพราะครั้งนี้กุนซือวัย 56 ปีได้รับงานที่ใหญ่กว่าเดิม เป็นครั้งแรกที่เขารับหน้าที่คุมทีมชาติ ซึ่งก็มาพร้อมกับความคาดหวังที่สูง เปรียบเทียบก็คงจะเป็นผู้ที่รับเผือกร้อนในสถานการณ์ที่ฝุ่นตลบ ทั้งการบริหารงานภายในสมาคมฟุตบอลเองที่ค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องการเงิน และกำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่การมีนายกสมาคมคนใหม่ในช่วงต้นปีหน้า

รวมถึงงานหินกับ อีก 4 นัดที่้เหลือในเกมคัดบอลโลกรอบที่ 2 กับการพบกับทีมชาติเกาหลีใต้ อันดับที่ 24 ของโลก 2 นัด ไปเยือนจีน และกลับมาเล่นในบ้านกับสิงคโปร์ ซึ่งเกมสำคัญสุดคงจะหนีไม่พ้นการเยือนทีมมังกร ที่จะตัดสินว่าไทยจะได้เข้ารอบ 3 หรือไม่ อีกทั้งยังมีโปรแกรมสำคัญในการอุ่นเครื่องกับญี่ปุ่น และเอเชียนคัพ 2023 รอบสุดท้ายรออยู่ในเดือนมกราคมปีหน้าด้วย

ต้องยอมรับว่า อิชิอิเอง คงไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะเสกความสำเร็จพาทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ในเร็ววันทันที หากโครงสร้างของสมาคมฟุตบอลโดยรวมยังไม่เอื้อ ทั้งเรื่องแผนระยะยาว, ลีก, สโมสร หรือ การพัฒนาเยาวชน แต่ด้วยความสามารถในการดึงศักยภาพผู้เล่นในทีม การวางแท็กติก การคุมทีมในระดับสูง ที่เคยพิสูจน์มาแล้ว ทำให้กุนซือมาดนิ่งจากแดนอาทิตย์อุทัยกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ และเป็นผู้ถูกเลือกเพื่อทำให้กองเชียร์ช้างศึกสมหวัง ด้วยการพาทีมชาติไทยต่อกรกับชาติในเอเชียให้ทัดเทียมได้มากยิ่งขึ้นในทัวร์นาเม้นต์เอเชียนคัพ 2023 และเกมคัดฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก อีก 4 แมตช์ที่รออยู่ ในแบบเดียวกับที่เขาเคยทำ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ต่อกรกับสโมสรอันดับ 1 ของโลกอย่างเรอัล มาดริด ได้แบบมีโอกาสชนะมาแล้ว

 

ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:

En.as

Transfermarkt

Reuters