โจนาธาน เข็มดี : ปราการโคนมผสมพันธุ์อีสานใต้

โจนาธาน เข็มดี : ปราการโคนมผสมพันธุ์อีสานใต้

โจนาธาน เข็มดี นักเตะลูกครึ่งไทย-เดนมาร์กทีมชาติไทย โคนมผสมพันธุ์อีสานใต้ ผู้เป็นความหวังแห่งอนาคตของฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่

KEY

POINTS

  • โจนาธาน เข็มดี เริ่มลงทีมชาติครั้งแรกในวัย 19 ปี ในฐานะนักเตะไทีมชาติไทยชุด U23 ให้มาลงแข่งศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2022 ที่ประเทศมองโกเลีย 
  • ก่อนที่ความเลือดร้อนจะทำให้เขาต้องพักการเตะไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเล่นให้กับราชบุรี เอฟซี และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ
  • แล้วถูกเรียกมาแข่งทีมชาติใน AFF Suzuki Cup 2020  แต่ก็ต้องโบกมือลาด้วยปัญหาสุขภาพ และกลับมาติดชื่อทีมชาติลุยศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย

ในทุ่งหญ้ากว้างของย่านอีสานใต้ มีฝูงโคนมที่มีลักษณะพิเศษไม่ใช่โคพันธุ์แท้ทั่วไป แต่เป็นโคนมผสมพันธุ์ที่รวมเอาจุดเด่นของโคพันธุ์พื้นเมืองและโคนมต่างประเทศเข้าด้วยกัน ‘โจนาธาน เข็มดี’ เองก็เป็นผลผลิตของการผสมผสานระหว่างสองวัฒนธรรมไทย-เดนมาร์ก นำมาซึ่งความแข็งแกร่งและทัศนคติที่โดดเด่นฉายแสงสว่างให้กับวงการฟุตบอลไทย ณ​ ปัจจุบัน 

ทุ่งหญ้าแห่งโอกาสพื้นเพเชื้อชาติ(ผสม)นิยม

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเวียดนาม ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตกอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม หรือแม้แต่กีฬา ประเทศไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้มีการเข้ามาของกองทัพและเจ้าหน้าที่จากชาติตะวันตกจำนวนมาก ซึ่งหลายคนได้สร้างครอบครัวกับชาวไทย ส่งผลให้เกิดลูกหลานที่มีเชื้อสายผสมในยุคต่อมา

ถ้าพูดถึง นักฟุตบอลลูกครึ่งในยุคแรกเริ่มนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมไทยมากนัก จากด้วยกรอบความคิดชาตินิยมของผู้บริหารส่วนใหญ่ยุคเก่า ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของคนไทยแท้ ๆ และการมีนักเตะที่มีเชื้อสายผสมเข้ามาในทีมถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ ในอดีตทีมชาติไทยเคยมีเหล่าลูกครึ่งที่ทำผลงานและมีชื่อเสียงเป็นที่จดจำอย่าง ดาวยศ ดารา  (ไทย-เวียดนาม), กัมปนาท อั้งสูงเนิน (ไทย-สหรัสอเมริกา), เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ (ไทย-ฝรั่งเศส) หรือแม้แต่ ธีรยุทธ เจฟฟรีย์ พรหมมายนต์ (ไทย-เนเธอร์แลนด์) อดีตผู้เล่นพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ที่ถึงแม้จะไม่เคยติดทีมชาติไทยแต่ก็ถูกพูดถึงอยู่ตลอดเวลาในช่วงนั้น

แต่อาจไม่มีที่ไหนเห็นได้ชัดเจนเท่ากับในวงการกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลช่วงปลายทศวรรษ 1990 และต้นปี 2000 เห็นการปรากฏตัวของนักฟุตบอลลูกครึ่งเชื้อชาติ ผู้ที่เติบโตในต่างประเทศ ได้รับการฝึกฝนในอคาเดมีของยุโรป หนึ่งในผู้บุกเบิกการเคลื่อนไหวนี้คือ ‘ชาริล ชัปปุยส์’ ผู้เคยเป็นแชมป์โลก U17 กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนที่จะตัดสินใจมาเล่นให้ทีมชาติไทย ในปี 2013 ทำให้เกิดคลื่นทางความคิดชุดใหม่กับกระแสสังคมเกิดการยอมรับในความสำเร็จ เเละเป็นประตูบานแรกให้เหล่าลูกครึ่งรุ่นต่อ ๆ มาเข้ามามีบทบาทในฟุตบอลไทย ไม่ว่าจะเป็น ทริสตอง โด (ไทย-ฝรั่งเศส) ,มานูเอล ทอม เบียร์ (ไทย-เยอรมัน), ฟิลิป โรลเลอร์ (ไทย-เยอรมัน), เควิน ดีรมรัมย์ (ไทย-สวีเดน), เอเลียส ดอเลาะ(ไทย-สวีเดน), นิโคลัส มิคเกลสัน (ไทย-เดนมาร์ก), วิลเลี่ยม ไวเดอร์เฌอ (ไทย-เบลเยียม), พาตริก กุสตาฟส์สัน (ไทย-สวีเดน)

นักเตะเหล่านี้ไม่ได้นำเพียงแค่ทักษะที่ได้รับการฝึกฝนจากอคาเดมีในยุโรปมาเท่านั้น แต่ยังนำมุมมองใหม่ ๆ และความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะยกระดับโอกาสพัฒนาฟุตบอลไทยสู่จุดสูงใหม่

ลูกโคจอมเกรี้ยวกราด

ท่ามกลางนักเตะลูกครึ่งเหล่านี้ ‘โจนาธาน เข็มดี’ หรือ ‘ส้มเช้ง’ กลายเป็นผู้ที่โดดเด่นในฐานะตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ‘ส้มเช้ง’ เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2545 ที่จังหวัดสุรินทร์ แม่ของเขาเป็นชาวไทย พ่อเป็นชาวเดนมาร์ก

โจนาธานเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย โดยได้รับการฝึกฝนจากสโมสรเยาวชน ‘สเวนบอร์ก เอฟบี’ และ ‘โอบี โอเดนเซ’ ในลีกเดนมาร์ก และมีโอกาสลงสนามครั้งแรกกับทีมชุดใหญ่ของ โอบี โอเดนเซ ในการแข่งขัน Danish Cup ฤดูกาล 2020–21

จุดเริ่มต้นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟร่างยักษ์จากเดนมาร์กวัย 19 ปี ได้รับการทาบทามจากทีมชาติไทยชุด U23 ให้มาร่วมทีมในปี 2021 ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2022 ที่ประเทศมองโกเลีย ด้วยความเป็นวัยรุ่นหัวร้อนที่มีแพสชั่นพลังงานสูง ก่อนจะก่อวีรกรรมก่อนนัดชิงชนะเลิศซีเกมส์ที่กัมพูชาในปี 2023 ด้วยการให้ประกาศเลิกเล่นทีมชาติไทย หลังจบศึกซีเกมส์ พร้อมบอกว่าเกมส์นัดนี้จะเป็นการคว้าเหรียญทองในนัดสุดท้ายของทีมชาติไทยของเขา แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถตามที่หวังได้ทีมชาติไทยได้เพียงเหรียญเงิน หลังจากแพ้อินโดนีเซีย 5-2 จากช่วงต่อเวลาพิเศษ

แต่ก็เกิดดราม่าในช่วงการรับเหรียญรางวัล โดยที่เจ้าตัวรับเหรียญ แล้วเดินไปหยิบตุ๊กตา ขว้างทั้งสองอย่างขึ้นไปบนอัฒจันทร์ จนเป็นเรื่องราวยาวบานปลายไปถึงสื่อออนไลน์ในกัมพูชาวิจารณ์เรื่องนี้อย่างรุนแรง ก่อนที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยจะออกมาขอโทษกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยบอกว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนและลงโทษเจ้าหน้าที่ในสนามที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างรุนแรง

และสุดท้ายเขาเองต้องออกมาขอโทษกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาบน instagram ของตนเองว่า

“สวัสดีครับทุกคน ผมให้เหรียญเงินและตุ๊กตาให้กับแฟนคลับเพราะอยากจะขอบคุณแฟนบอลที่มาให้กำลังใจผมเช่นเดียวกับการแข่งขันซีเกมส์ในครั้งที่ผ่านมา และผมไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ให้เกียรติกับการแข่งขันและเหรียญรางวัลที่ผมได้รับ สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกๆที่คอยสนับสนุนผมตลอดมา”

เหมือนชีวิตเขาก็เริ่มเจอพายุเข้ามาอีกครั้ง ปี 2022 สโมสร โอบี โอเดนเซ ออกมาแถลงการณ์ยกเลิกสัญญา โจนาธาร เข็มดี ด้วยความยินยอมทั้งสองฝ่าย ทำให้เขาเป็นนักเตะไร้สังกัดอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะย้ายมาอยู่สโมสร ราชบุรี เอฟซี ในปี 2023

ในวัย 22 ปี เขาลงเล่นให้กับราชบุรี เอฟซี ในไทยลีก 1 มาเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง และประสบความสำเร็จอย่างมากจากสถิติทั้งฤดูกาล ด้วยนำบอลกลับคืน 111 ครั้ง เข้าปะทะสำเร็จ 78.57% เคลียร์ 73 ครั้ง ตัดบอล 24 ครั้ง จนได้รับการยอมรับจากแฟนบอลไทยว่าเป็น หนึ่งในนักเตะแนวรับยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2023/24 โดยผลโหวตมาจากเพจ Facebook และ Youtube อย่างเป็นทางการของไทยลีก

ซึ่งเจ้าตัวภาคภูมิใจกับผลลัพธ์ในการตัดสินใจและการทำงานหนักของตนเอง ได้บอกกับสำนักข่าว Tipsbladet จากเดนมาร์กไว้ว่า

"มันเป็นเกียรติอย่างมากและยิ่งใหญ่มาก ตอนแรกมันค่อนข้างยากลำบาก เพราะผมไม่ได้ลงเล่นมากนักที่ OB และถูกปล่อยยืมตัวไปเนสท์เวด ผมเลือกที่จะมาประเทศไทยเพื่อลองอะไรใหม่ๆ และทุกอย่างก็ราบรื่นมาตลอดตั้งแต่นั้น มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก"

เขาก็ยอมรับว่า เหตุการณ์ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ยากลำบากกับการปรับตัว

 "ช่วงแรกที่ผมต้องย้ายจากเดนมาร์กมาประเทศไทย มันค่อนข้างยาก ผมต้องจากสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยในเดนมาร์ก ซึ่งผมมีแม่ ครอบครัว และเพื่อน ๆ อยู่ที่นั่นแล้วผมก็ย้ายมาประเทศไทยและต้องอยู่คนเดียวกะทันหัน มันยากมากในตอนแรก"

เรียนรู้และเติบโตกลับเข้าสู่ขุนพล

ก่อนหน้านี้ ‘โจนาธาน เข็มดี’ เคยมีโอกาสมาแล้วจากการถูก ‘มาโน โพลกิ้ง’ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยในขณะนั้น เรียกติดทีมชาติไทยในรายการ AFF Suzuki Cup 2020 แต่สุดท้ายต้องถอนตัวออกไปด้วยอาการท้องผูก รวมไปถึงกระแสข่าวลือไปต่าง ๆ นานากับเรื่องการปรับตัวเข้ากับรุ่นพี่ในทีมไม่ได้ เลยทำให้เขาหายไปจากสารบบทีมชาติไทย

อีกทั้งก่อนหน้านี้กองหลังลูกครึ่ง ไทย-เดนมาร์ก เคยออกมาแสดงความผิดหวังถึงโอกาสในการกลับมาติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ผ่านสตอรี่บนอินสตราแกรมส่วนตัวชื่อ jkhemdee17 ด้วยการโพสต์รูปตนเองสวมชุดแข่งราชบุรี เอฟซี พร้อมใส่อิโมจิเป็นรูปหัวใจแตกสลาย หลังมาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ประกาศรายชื่อ 27 นักเตะทีมชาติไทย ลุยศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม ซี พบกับ จีน และสิงคโปร์ ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 

จนกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง เมื่อเขาให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘คุยนอกสนาม’ รายการฟุตบอล 108 ของ “ปูเป้” สมฤกษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยาว่า วิถีการทำงานของตนเองพร้อมที่อาจจะต้องเรียนรู้ และปรับทัศนคติจากสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของทีม และยอมรับว่า เขาอยากกลับไปเล่นทีมชาติไทยชุดใหญ่ ด้วยความรู้สึกคิดถึงบรรยากาศแฟนบอลไทยและมั่นใจตนเองว่าสามารถพัฒนาไปถึงจุดนั้นได้

ล่าสุด ‘โจนาธาน เข็มดี’ ปราการหลัง ‘ราชันมังกร’ ราชบุรี เอฟซี  ได้กลับมาสวมเสื้อทีมชาติอีกครั้งในรายการ LPBANK CUP 2024 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนกันยายนปี 2567 โดยเกมแรกในชีวิตของเขากับทีมชาติไทยชุดใหญ่ กำชัยชนะเหนือทีมชาติเวียดนามด้วยสกอร์ 2-1 นับว่าเป็นการเปิดตัวที่น่าประทับใจ และได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากโค้ชและแฟนบอลอย่างมาก 

แม้ว่านัดที่สองทีมชาติไทยจะไม่สามารถแข่งขันตามกำหนดการเดิมในการพบกับทีมชาติรัสเซียได้เนื่องจาก ‘พายุไต้ฝุ่นยางิ’ เข้ามากลางเมือง ก็ไม่ได้ทำให้โอกาสของเจ้า ‘ส้มเช้ง’ หลุดลอยไปอีกครั้ง เนื่องจากเขากลับมามีชื่อทีมชาติไทยในรายการศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 50 ที่สงขลา ตามปฏิทินฟีฟ่าเดย์ ในวันที่ 11 และ 14 ตุลาคม 2567 

โดยเขาเปิดใจก่อนการแข่งขันข้างหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า "คิงส์ คัพครั้งแรกของตัวผม ผมดีใจมากที่ได้มีโอกาสได้มาคิงส์ คัพ ครั้งนี้ ผมอยากได้แชมป์กับทีม กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีความกดดันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราอยากเก่ง ก็ต้องเล่นภายใต้ความกดดันให้ได้"

จากผลงานในฟุตบอลอาชีพเขาเคยลงเล่นให้ โอบี โอเดนเซ 1 นัด และราชบุรี เอฟซี 44 นัด และทำได้ 2 ประตู ก็ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นความหวังแห่งอนาคตของทีมชาติชุดใหญ่ 

สำหรับ ‘โจนาธาน เข็มดี’ ถ้าเปรียบความแข็งแกร่งดั่งโค อาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีของ "โคนมผสมอีสานใต้" ที่นำเอาจุดแข็งของทั้งสองวัฒนธรรมมาผสมผสานกัน สร้างการเปลี่ยนแปลงและยกระดับคุณภาพฝูงโคในทุ่งหญ้าแห่งฟุตบอลไทย เขาไม่เพียงแต่เป็นโคนมที่ให้ผลผลิตสูง แต่ยังเป็นผู้นำฝูงที่มีวิสัยทัศน์ มุ่งหวังที่จะพัฒนาทุ่งหญ้าแห่งนี้ให้อุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้นสำหรับโคทุกตัวในอนาคต

ภาพ : ช้างศึก - ฟุตบอลทีมชาติไทย
 

อ้างอิง
Jonathan Khemdee / transfermarkt 

โจนาธาร เข็มดี อยากพาทีมชาติไทย คว้าแชมป์ฟุตบอล คิงส์ คัพ ครั้งที่ 50 / bugaboo

Dansker bekræfter: Klubberne er enige / tipsbladet

คุยนอกสนาม EP. 32 "ความจริงจาก" โจนาธาร เข็มดี / ฟุตบอล 108

“ดีใจมากที่มีโอกาสมาเล่นคิงส์คัพ ส่วนเป้าหมายอยากเป็นแชมป์“ / ช้างศึก - ฟุตบอลทีมชาติไทย