JAS 10,000 ล้าน ปรากฏการณ์ ‘ล้มยักษ์’ สู่ยุคใหม่การดูบอล

JAS 10,000 ล้าน ปรากฏการณ์ ‘ล้มยักษ์’ สู่ยุคใหม่การดูบอล

JAS กับการสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ ด้วยการคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มูลค่า 10,000 ล้านบาท เปลี่ยนโฉมการรับชมจากเคเบิลทีวีสู่ระบบสตรีมมิ่งเต็มรูปแบบ นำไปสู่ยุคใหม่ของการดูบอลที่เปลี่ยนแปลงวงการ Content ไทย พร้อมท้าทายตำแหน่งเจ้าตลาดเดิมอย่าง true vision

KEY

POINTS

  • JAS คว้าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก: คว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดยาว 6 ฤดูกาล (2025/2026 - 2030/2031) เปลี่ยนจาก true vision ที่ครองตลาดมายาวนาน
  • การเปลี่ยนแปลงรูปแบบรับชม: ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะถ่ายทอดสดผ่านระบบสตรีมมิ่งบน MONOMAX และ Smart TV เป็นครั้งแรกในไทย
  • ความหมายต่อวงการ Content: การชนะลิขสิทธิ์นี้ช่วยให้ JAS ขยายธุรกิจ Sport Entertainment และปฏิวัติวงการ Content ไทย
  • ผลกระทบต่อ true vision: การสูญเสียลิขสิทธิ์สำคัญสร้างความท้าทายอย่างหนักให้กับธุรกิจในอนาคต
     

แฟนพันธุ์แท้ ‘พรีเมียร์ ลีก’ ที่ติดตามการถ่ายทอดสดเป็นประจำ คงจะเคยเห็น และอาจสับสน เวลามีการสัมภาษณ์นักเตะ และผู้จัดการทีม หลังเกมการแข่งขัน

เพราะบางครั้ง ‘หัวไมค์’ หรือสัญลักษณ์ของช่องที่ถ่ายทอดสด เป็น ‘หัวไมค์’ SKY และบางครั้งก็เป็น ‘หัวไมค์’ BT (TNT)

SKY คือ SKY Sports ส่วน BT คือ BT Sports หรือ TNT (TNT Sports) สื่อใหญ่ 2 เจ้าในวงการกีฬาเกาะอังกฤษ ผู้ดำเนินธุรกิจถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกอังกฤษ หรือ ‘พรีเมียร์ ลีก’

โดยในฤดูกาล 2025/2026 SKY ประมูลได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขัน ‘พรีเมียร์ ลีก’ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ภายใต้สัญญาใหม่ 4 ปี

ซึ่ง SKY Sports ถือสิทธิ์ 4 แพ็กเกจ จาก 5 แพ็กเกจ โดยอีกแพ็กเกจหนึ่งยังคงอยู่กับ TNT Sports คู่รักคู่แค้น ที่กลายมาเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ

ในส่วนของไทยเรา ในฤดูกาล 2025/2026 เป็นต้นไปรวม 6 ฤดูกาลข้างหน้า ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดจะเปลี่ยนมือจาก ‘true vision’ มาเป็น ‘JAS’

เปลี่ยนจาก true ที่เรียกได้ว่าผูกขาดการถ่ายทอด ‘พรีเมียร์ ลีก’ จนกลายเป็นเครื่องหมายการค้า และเป็น ‘เรือธง’ ทางธุรกิจมาอย่างยาวนาน มาเป็น JAS ที่ก็ไม่ใช่น้องใหม่ป้ายแดงในวงการโทรทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถ่ายทอดสดกีฬา แต่เป็นน้องใหม่ในวงการ ‘พรีเมียร์ ลีก’ อย่างแน่นอน

เพราะก่อนหน้า JAS มีเพียง true vision (UBC และ IBC) beIN SPORTS และ CTH ที่เคยคว้าลิขสิทธิ์ ‘พรีเมียร์ ลีก’ จึงถือว่า JAS เป็นน้องใหม่อย่างแท้จริง

JAS น้องใหม่ ที่ไม่ใหม่
 

JAS ชื่อย่อหลักทรัพย์ที่ใช้ในการเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET (The Stock Exchange of Thailand) ของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

ก่อตั้งโดย ‘อดิศัย โพธารามิก’ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงในหลายรัฐบาล ผู้ได้รับสัมปทานภาครัฐจากการประมูลโครงการติดตั้งโทรศัพท์บ้านในเขตภูมิภาคจำนวน 1.5 ล้านเลขหมาย 

โครงการสื่อสารภายในประเทศด้วยดาวเทียม (TDMA) ระบบสื่อสารเพื่อบริการธุรกิจผ่านดาวเทียม (ISBN) และเคเบิลใยแก้วใต้น้ำ ภายใต้ TT&T (ชื่อคล้าย AT&T สหรัฐอเมริกา)

โดยปัจจุบัน JAS อยู่ภายใต้การบริหารของ CEO ที่ชื่อ ‘พิชญ์ โพาธารามิก’ บุตรชาย ‘อดิศัย โพธารามิก’ ดำเนินธุรกิจอินเทอร์เน็ตทีวี สินทรัพย์ดิจิทัล และเทคโนโลยี โซลูชั่น

โดยมีบริษัทย่อยคือ ‘แจส ทีวี’ (ทรี บีบี ทีวี) ให้บริการแฟลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตทีวี มีลูกค้ากว่า 600,000 ราย ภายใต้ชื่อ 3BB GIGATV โดยมีจัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ เป็นผู้นำเสนอ Content MONO29 MONOMAX

การประมูล ‘พรีเมียร์ ลีก’ ถือเป็นก้าวสำคัญของ JAS ในการขยายธุรกิจ หลังจากขาย 3BB ให้ AIS เป็นการกระจายพอร์ตครอบคลุมธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ภายใต้บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS และบริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด หรือ JASTEL

ย้อนอดีต ‘ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ ลีก’

ประวัติศาสตร์การถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกอังกฤษ ก่อนหน้าจะเป็น ‘พรีเมียร์ลีก’ คือ ‘ฟุตบอลดิวิชั่น 1 อังกฤษ’ มีเพียงการนำเสนอเทปไฮไลท์การแข่งขันคู่ใหญ่ ๆ ในรายการ ‘เจาะสนาม’ ทางช่อง 7 ก่อนขยายเป็นเทปการแข่งขันเต็มคู่ และพัฒนาสู่การถ่ายทอดสดในเวลาต่อมา
 

เมื่อฟุตบอลดิวิชั่น 1 อังกฤษ เปลี่ยนเป็น ‘พรีเมียร์ลีก’ เคเบิลทีวีชื่อ ‘Thai Sky’ คือเจ้าของลิขสิทธิ์ ‘พรีเมียร์ลีก’ รายแรก โดยได้คู่ถ่ายทอดสดทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ โดยเคเบิลทีวีอีกเจ้าหนึ่งคือ IBC ได้คู่ถ่ายทอดสดวันจันทร์ และวันศุกร์ในบางแมทช์

ต่อมา IBC เริ่มได้ลิขสิทธิ์ ‘พรีเมียร์ลีก’ ถ่ายทอดสดคู่ใหญ่ หรือ ‘บิ๊กแมทช์’ ก่อนที่คู่แข่งตัวฉกาจของ IBC หรือ UTV จะควบรวมกิจการกันกลายเป็น UBC  ถ่ายทอด ‘พรีเมียร์ลีก’ แบบเต็มฤดูกาลถ่ายทอดทั้งศุกร์-เสาร์-อาทิตย์-จันทร์ ก่อนจะกลายมาเป็น true vision ในปัจจุบัน

ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า true vision เป็นผู้ชนะการประมูลการถ่ายทอดสดฟุตบอล ‘พรีเมียร์ลีก’ ที่ถือเป็นกีฬามหาชนอันดับ 1 ซึ่งมีแฟนบอลติดตามทั่วทุกมุมโลก หลายสมัย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ และเป็น ‘เรือธง’ ทางธุรกิจของกลุ่ม CP

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ครั้งแรกที่ true vision แพ้ประมูล ‘พรีเมียร์ลีก’ เพราะในฤดูกาล 2013/2014 - ฤดูกาล 2015/2016 true vision เคยพ่ายให้กับ CTH บริษัทร่วมทุนเคเบิลทีวีคนไทยด้วยมาแล้ว และต่อเนื่องกับ 2016/2017 - ฤดูกาล 2018/2019 ที่แพ้ให้แก่ beIN SPORTS กลุ่มทุนระดับโลกจากประเทศกาตาร์

และล่าสุด true vision พ่ายการประมูล JAS ที่คว้าลิขสิทธิ์ ‘พรีเมียร์ลีก’ โดยคราวนี้ JAS จะลากยาวถ่ายทอดสด ‘พรีเมียร์ลีก’ ยาวถึง 6 ฤดูกาลด้วยกัน
JAS 10,000 ล้าน ปรากฏการณ์ ‘ล้มยักษ์’ สู่ยุคใหม่การดูบอล

ต้องยอมรับว่า ปรากฏการณ์ ‘ล้มยักษ์’ true vision เจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ‘พรีเมียร์ลีก’ โดย JAS ในครั้งนี้ หาใช่เพียงปรากฏการณ์ด้านเม็ดเงินประมูลที่แตะ 10,000 ล้านเท่านั้น

หากแต่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ในการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกประเทศอังกฤษ ภายใต้ Brand ‘พรีเมียร์ลีก’ ที่จะไม่มีการถ่ายทอดสดผ่านระบบโทรทัศน์ หรือเคเบิลทีวีที่คุ้นเคยอีกต่อไป

เพราะการรับชม ‘พรีเมียร์ลีก’ ใน 6 ฤดูกาลข้างหน้า คือตั้งแต่ฤดูกาล 2025/2026 - ฤดูกาล 2030/2031 ต้องดูผ่านระบบ Streaming ช่องทาง MONOMAX เป็นหลักเท่านั้น โดยอะลุ่มอล่วยให้ดูผ่าน Smart TV ได้หากแฟนบอลรุ่นเก่ายังไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี Streaming

ถือเป็นครั้งแรกที่การถ่ายทอดสด ‘พรีเมียร์ลีก’ จะย้ายไปอยู่บน ‘ออนไลน์’ 100% ล้วน

แต่ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอน สำหรับคอกีฬาระดับโลก ที่หลายคนเริ่มคุ้นเคยกับการดูการถ่ายทอดสดกีฬาผ่านระบบ Streaming มาแล้วก่อนหน้านี้ผ่าน Platform ที่หลากหลาย อาทิ beIN SPORTS หรือ DAZN

รวมถึง FIFA และ UEFA ก็มีการถ่ายทอดสดรายการแข่งขันบางรายการผ่าน Application ของตัวเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Netflix ที่เคยถ่ายทอดสดเทนนิสแกรนด์สแลมภายใต้แบรนด์ ‘Netflix Slam กอล์ฟ Netflix Cup’ มวยคู่หยุดโลกระหว่าง ‘เจค พอล’ กับ ‘ไมค์ ไทสัน’ เมื่อไม่นานมานี้

ซึ่งทาง ‘พรีเมียร์ลีก’ เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริงจากเกาะอังกฤษเองก็มีแผนที่จะถ่ายทอดสดฟุตบอล ‘พรีเมียร์ลีก’ เองผ่าน Platform ที่ตั้งชื่อไว้ว่า ‘Premflix’ มาแล้ว

บทสรุป JAS กับยุคใหม่ของการดูพรีเมียร์ลีก

การที่ JAS ได้ลิขสิทธิ์ ‘พรีเมียร์ลีก’ ก็เหมือนกับการช่วงชิงมงกุฏ ‘จ้าวแห่ง Content’ ไปโดยปริยาย ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการต่อยอดธุรกิจในเครือ JAS
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Platform ภายใต้แบรนด์ MONOMAX ในบริการระบบบอกรับสมาชิก หรือ Subscription Channel

ที่ต้องยอมรับในเวลานี้ว่า ค่าย JASMIN ได้ใช้โอกาสในการชนะการประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกอังกฤษ ภายใต้ Brand ‘พรีเมียร์ลีก’ ในการทะลวงโลกธุรกิจ Sport Entertainment ถึง 2 ดอกด้วยกัน

หนึ่งคือล้ม true vision เจ้าของลิขสิทธิ์ ‘พรีเมียร์ลีก’ เดิม ทำให้ในอีก 6 ฤดูกาลข้างหน้า หรืออย่างน้อยอีก 6 ปีข้างหน้า true vision ประสบกับสภาวการณ์ที่ยากลำบากแน่ ๆ

เพราะในปัจจุบัน Content ภาพยนตร์ที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับ true vision อย่าง HBO ได้ทำ Platform เอง หรือ Disney, Apple, Amazon โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Netflix หรือที่เรียกว่า ทุกวันนี้ Content หนัง ได้กระจายไปเป็น Platform ใคร Platform มันกันไปหมดแล้ว

ก็เหลือแต่ ‘กีฬา’ ที่ความนิยมหลัก ๆ ในเมืองไทยก็คือ ‘พรีเมียร์ลีก’ ซึ่งตอนนี้หลุดลอยไปอยู่ในมือ JAS นานถึง 6 ปีด้วยกัน อีกทั้ง ‘เทนนิส’ ก็นาน ๆ ทีถึงจะมีรายการใหญ่ ๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่า true vision จะถ่ายครบทุกรายการ ส่วน ‘กอล์ฟ’ ก็มีคนดูแค่เฉพาะกลุ่ม

สรุปตรงนี้ว่า เรื่อง Content ‘พรีเมียร์ลีก’ นั้น ถือว่า JAS ‘ล้มยักษ์’ อย่างชัดเจน
ส่วนเรื่องวิธีการดู ก็ถือเป็นการปฏิวัติการดูโทรทัศน์แบบเดิม เป็นการรับชมการถ่ายทอดสด ‘พรีเมียร์ลีก’ ผ่าน Platform เหมือนกับ Netflix และ Platform ระดับโลกอื่น ๆ ดังได้กล่าวไป

ดังนั้น ปรากฏการณ์ JAS กับ ‘พรีเมียร์ลีก’ หรือ JAS 10,000 ล้าน จึงเป็นปรากฏการณ์ ‘ล้มยักษ์’ สู่ยุคใหม่การดูบอล พร้อม ๆ กับการก้าวสู่ยุคใหม่ของการเสพ Content อย่างแท้จริงครับ

 

เรื่อง: จักรกฤษณ์ สิริริน