13 พ.ค. 2567 | 17:18 น.
ชีวิตนี้ใครจะคิดว่า จะมีโอกาสได้เห็นศิลปินเพลงต่างค่ายมาร่วมเวทีกันกว่า 24 ชีวิต
ในช่วงเย็นของวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 17.20 ตำนานได้จารึกไว้นับแต่นั้น หลังจากที่เฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) ตัดสินใจร่วมมือกับค่าย GRAMMY เพื่อจัดคอนเสิร์ตร่วมกันสักครั้งหนึ่ง โดยการเอาศิลปินจากทั้งสองค่ายมาร้องเพลงด้วยกัน
นับเป็นศักราชใหม่ของ GRAMMY และ RS ที่ร่วมยินดีขึ้นร้องเพลงพร้อมเพรียงกัน ในชื่อคอนเสิร์ต HIT100 VOL2 ที่ชวนกันมาร้องเพลงอย่างต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว
เริ่มเปิดประตูความสุขกันตั้งแต่ 16.00 ต้อนรับคนที่คิดถึงบทเพลงในตำนานมากมาย ปูบรรยากาศกันด้วยฮอลล์ใหญ่แต่แสนอบอุ่นเพราะจำนวนคนนับแสนที่มาเจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย ฉากและไฟสุดอลังการ ประสานกันกับเวทีที่ออกแบบมาให้ทอดยาวไปถึงคนดูกลางฮอลล์ ยิ่งชวนให้บรรยากาศดูใกล้ชิดอบอุ่นยิ่งกว่าเดิม
ก่อนถึง 5 ช่วงหลักจากคอนเสิร์ตครั้งนี้ ศิลปินทั้ง 24 คน ร่วมกันร้องเพลง ‘นักเดินทาง’ (สุรักษ์ สุขเสวี) โดยวรรคทองกินใจคนดูและทำให้เริ่มปล่อยเสียงพึมพำออกมาบ้าง
“ผ่านไปเร็ว ดูราวเหมือนฝัน ภาพความหลัง ครั้งนั้นไม่เคยเก่า” จนตัวโน้ตสุดท้ายของท่อน “ย้ำและเตือนในหัวใจเรา ตลอดเวลา” จบลง เสียงกีตาร์คุ้นหูส่องสว่างขึ้น และศิลปินคนแรกที่เปล่งเสียงร้องในช่วง ‘ROCK 90’s’ ก็คือ อิงค์ อชิตะ ในเพลงคนใกล้ตัว เสียงกรี๊สสนั่นฮอลล์ พัดพาอารมณ์ซึ้ง ๆ กลับมาอีกครั้งในรอบ 9 ปี จากนั้นปิดท้ายเพลงที่ 2 คือ ฉันยังอยู่
จากนั้นก็ผลัดกันขึ้นมาร่ายรำและบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองผ่านเสียงเพลง คนละ 2-3 เพลง ตั้งแต่ อ่ำ อัมรินทร์, เสือ ธนพล, เจี๊ยบ พิสุทธิ์, แมว จิรศักดิ์ เริ่มไล่สเกลความเดือดขึ้นเรื่อย ๆ จาก เป้ ไฮ-ร็อก, ปู BLACKHEAD, โป่ง หิน เหล็ก ไฟ ซึ่งกวาดสายตาไปจับจ้องแต่ละโซนที่นั่ง เรียกว่าแทบไม่มีใครนั่งติดเก้าอี้กันเลย จวบจนศิลปินคนสุดท้ายก็คือ เหน่ง ‘Y NOT 7’ ในเพลงส่งท้ายช่วงแรก ‘ทิ้งรักลงแม่น้ำ’ ที่ปลุกความเป็นร็อกในหลายคนออกมา และจบช่วงของ ROCK 90’s
ก่อนจะเริ่มช่วงที่ 2 ‘ROCK SO BAD SAD SO HIT’ ร็อกสตาร์ขาโจ๋ และเพลงในจำนวนยุค 2K ประเดิมคนแรกผู้ชายสายอบอุ่นอย่าง ‘พลพล’ มาด้วย วิด – ไฮเปอร์, ฝ้าย AM FINE, พั้นช์ วรกาญจน์, โจ๊ก โซคูล และ ฟลุ๊ค ไอ..น้ำ ซึ่งเพลงสุดท้ายของแต่ละคนค่อย ๆ เผยเซอร์ไพรส์ให้คนในฮอลล์กรี๊สจนตัวสั่นไปหลายเพลง เช่น รักน้องปีหนึ่ง ที่ฟลุค ร้องเพลงนี้ร่วมกับ โจ๊ะ โซคูล หรือจะเป็นการหยิบเรื่องเล่าของคนแพ้ภูมิกรุงเทพ อย่างเพลงภูมิแพ้กรุงเทพ ที่ร้องโดยวิด – ไฮเปอร์ และ ฝ่าย AM FINE ซึ่งก็เรียกเสียงปรบมือลั่นสนั่นเวทีไม่ต่างกับคู่อื่น ๆ เลย
คอนเสิร์ตครั้งนี้ ยังเพิ่มช่วง ‘FIRE FEATURING’ ที่ส่งตัวแทนศิลปินจากทั้ง 2 ค่ายมาพ่นไฟใส่กันแบบไม่ยั้ง อย่าง DIVO GRAMMY ‘อ๊อฟ ปองศักดิ์’ และ DIVA RS ‘หวาย ปัญญ์ธิษา’ ปล่อยกันคนละหมัดน็อคไป 4 เพลงที่ร้องร่วมกัน และยังร้องปิดท้ายด้วยเพลงของตัวเองอีกคนละ 2 เพลง ต้องพูดว่าอิ่มความสุขเติมพลังจนขนลุกกันทั้งฮอลล์
ต่อเนื่องกันแบบไม่พัก ในช่วง ‘90’s GENTLEMEN’ ศูนย์รวมผู้ชายเสียงอบอุ่น นักร้องเพลงรักสุดโรแมนติกที่สร้างความหวั่นไหวจนใจเจ็บ นำทีมโดย ‘กบ ทรงสิทธิ์’ ต่อด้วย ฟอร์ด สบชัย, จั๊ก ชวิน และ บอย พีซเมคเกอร์ ในลุค smart casual ซึ่งไฮไลต์ของทั้ง 4 คนนี้ต้องยกให้เพลงสุดท้ายที่จะไม่มีวันลืมคือเพลง ‘รักเราไม่เก่าเลย’ ร้องร่วมกันทั้ง 4 คน เหมือนบอยแบนด์เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เรียกเสียงกรี๊สและปรบมือตลอดทั้งเพลง
เวทีมืดลง...จากนั้นแสงก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น พร้อมกับชื่อโชว์ ‘MOTHER BATTLE’ ตัวแม่ ตัวมัม ที่ใคร ๆ รอคอย ปาน ธนพร, โบ สุนิตา และ ปนัดดา เรืองวุฒิ แม้จะเริ่มร้องจากเพลงเบา ๆ ช้า ๆ เว้นระยะให้ผู้ชมได้วอร์มเสียงกันอีกครั้ง จบไป 9 เพลงก่อนที่จะปล่อยพลังตัวมารดาทั้งสาม ในเพลงหมากเกมนี้ และบาปกรรมมีจริง ซึ่งผู้ชมในฮอลล์ หลายคนยังเสียงดังไม่มีแผ่ว สมกับที่รอคอยศิลปินทั้งสามมานาน
ผ่านมาครึ่งทาง 4 ชั่วโมงเต็มกับการปล่อยหมัดน็อคคนละหมัด 2 หมัด แต่นั่นเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความมันส์เหล่านั้น เพราะอีก 2 ชั่วโมงที่รออยู่ข้างหน้า นี่คือช่วงเวลาแห่งการเซอร์ไพรส์!
เวลา 3 ทุ่มกว่า ๆ ตำนานเพลงมากมาย และห้วงอารมณ์แบบเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวเริ่มขึ้นอีกครั้ง เซอร์ไพรส์แรกที่เชื่อว่า คนดูของคืนวันเสาร์น่าจะยังตราตรึงไม่เจือจางก็คือ การไล่เพลงที่เป็นตำนานย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2530 กับเพลงแรกที่ได้ ‘เจี๊ยบ – พิสุทธิ์’ มาขับร้องคือ เพลงยิ่งสูงยิ่งหนาว
ตามด้วยเพลงยินยอม จากโป่ง หิน เหล็ก ไฟ, อยากหยุดเวลา จากหวาย ปัญญ์ธิษา, ใจไม่ด้านพอ จาก กบ – ทรงสิทธิ์ ผลัดเวียนกันสร้างความสุขจากเพลงของค่ายตรงข้าม และขับร้องในสไตล์ของเรา จนถึงช่วงเวลาของเพลงปิดท้ายจาก เสือ – ธนพล และศิลปินคนอื่น ๆ มาร่วมกันร้องอีกเสียง ในเพลงนะหน้าทอง ที่เปิดตัวปี 2565
นอกจากนี้ ยังพาทุกคนไปย้อนวันวานเพลงที่แต่งขึ้นโดย เสือ – ธนพล ที่ขับร้องโดยศิลปินหลายคน ซึ่งเซอร์ไพรส์คนดูบางกลุ่มที่ไม่รู้ว่าเพลงใดที่ เสือ – ธนพล เป็นคนแต่ง เช่น เพลงคำว่าเพื่อน, ถ่านไฟเก่า และคนไม่มีแฟน ของเบิร์ด ธงไชย
ความสนุกของคอนเสิร์ตนี้อีกช่วงหนึ่ง คงต้องยกให้กับไฮไลต์ของเพลงแดนซ์ อย่าง UFO, ลื่น, บอดี้การ์ด และ เกรงใจ ที่ทำเอาหลายคนหัวเราะกระจายกับท่าเต้นน่ารัก ๆ และดูเก้ ๆ กัง ๆ จากเหล่าศิลปินชาวร็อก เป้ –ไฮร็อก, อ่ำ อัมรินทร์, ปู BLACKHEAD - เหน่ง Y NOT 7 - เจี๊ยบ พิสุทธิ์ และ อิงค์ อชิตะ ตลอดเพลงที่ร้อง เป็นภาพที่หาชมได้ยากมาก ๆ ทีเดียว
แต่ก็ยังมีอีกภาพขบขันที่ศิลปินหลายคนมาร่วมร้องเพลงลูกทุ่ง อย่างเพลงเรี่ยมเร้เรไร, รักคุณยิ่งกว่าใคร หรือ ขอใจแลกเบอร์โทร ที่มาร่วมเล่นสนุกด้วยกัน
จนกระทั่งปิดท้ายคอนเสิร์ตแบบซึ้ง ๆ ก่อนเวลาเที่ยงคืน ด้วยเพลงลงเอย (อัสนี วสันต์) ซึ่งศิลปินทั้งหมดได้ร่วมกันร้องและเดินมาหาผู้ชม ทักทาย และพูดคุย ภาพที่อยู่ตรงหน้าของผู้เขียน ผสมกับบรรยากาศไม่ว่าจะเป็นเพลง แสงไฟ visual effect อะไรก็ตามแต่...สิ่งเหล่านั้นเมื่อรวมกันแล้วมันกลายเป็น ‘น้ำตาแห่งความสุข’ ที่เชื่อว่าหลายคนสัมผัสมันได้
คำทิ้งท้ายของศิลปินหลายคนเรียบง่ายอย่างบอกไม่ถูก “กลับบ้านดี ๆ นะ” และ “นอนหลับฝันดีนะ” คืนนั้นมันช่างสวยงามเหลือเกิน
ภาพ: Grammy RS Concerts/ Facebook Page