‘เฌอเอม’ ชญาธนุส ศรทัตต์ กับเส้นทางที่ท้าทายขนบนางงาม

‘เฌอเอม’ ชญาธนุส ศรทัตต์ กับเส้นทางที่ท้าทายขนบนางงาม

‘เฌอเอม’ ชญาธนุส ศรทัตต์ รองชนะเลิศอันดับหนึ่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 กับคำตอบที่สั่นสะเทือนวงการนางงามและเส้นทางการต่อสู้ที่ท้าทายขนบธรรมเนียมเดิม

KEY

POINTS

  • จากนางแบบสู่นางงามนักเคลื่อนไหวทางสังคม เฌอเอมสร้างปรากฏการณ์นำวงการนางงามก้าวข้ามสู่ประเด็นการเมืองและสังคม
  • คำตอบรอบสุดท้ายเรื่องแผ่นดินไหวกลายเป็นไวรัลและถูกยกให้เป็นหนึ่งในคำตอบที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์นางงามไทย
  • ผลการตัดสินสะท้อนว่าธุรกิจและความบันเทิงอาจมีน้ำหนักมากกว่าความสามารถในการนำเสนอประเด็นสังคม ตั้งคำถามถึงทิศทางของวงการนางงามในอนาคต 

แม้ว่าการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ปี 2025 จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผลการตัดสินก็ยังคงเป็นประเด็นที่แฟน ๆ นางงามหลายคนถกเถียงกันอย่างเข้มข้น อย่างไรก็ดี ยังมีอีกสิ่งที่เป็นที่พูดถึงไม่แพ้กัน คือคำตอบในรอบสุดท้ายของ ‘เฌอเอม’ หรือ ‘ชญาธนุส ศรทัตต์’ ตัวแทนจากจังหวัดขอนแก่น ผู้คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งไปในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในคำตอบที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การประกวดนางงามไทย

บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรีวิวชีวิตบนเส้นทางสายนางงามของเธอ รวมถึงเจาะลึกว่าเหตุใดคำตอบอันน่าประทับใจนี้จึงไม่อาจส่งเธอถึงมงฯ และทำไมเราจึงควรเสียดายที่เธอไม่ถึงมงฯ 

จากนางแบบมืออาชีพสู่นางงามนักเคลื่อนไหวทางสังคม

เรื่องราวของเฌอเอมอาจเคยผ่านหูผ่านตาคุณมาแล้วบ้าง ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะในบทบาทของนางแบบ นางงาม หรือดาราที่ออกมาเรียกร้องความไม่เท่าเทียมทางสังคม

เฌอเอมแจ้งเกิดในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ประจำปี 2020 โดยจุดที่ทำให้เรื่องราวของเธอกลายเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากคือ ในรอบออดิชัน เธอเปิดตัวด้วยการเล่าว่ามีคนจำนวนไม่น้อยวิจารณ์เธอว่าพูดไม่ชัด ไม่น่าฟัง ไม่มีเสน่ห์ แต่ความจริงแล้วเสียงพูดที่ไม่ชัดนั้นเกิดจากรูปปากที่ไม่ปกติซึ่งเป็นมาตั้งแต่กำเนิด อีกทั้งเธอเคยเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เธอเสียฟันหน้าถาวร ทำเอาหลายคนถึงกับอึ้งไปตาม ๆ กัน แต่สิ่งกินใจแฟนๆ นางงามมากกว่านั้น คือทักษะการตอบคำถามและการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองที่ฉลาดหลักแหลม 

คงต้องเล่าก่อนว่า ตอนที่มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 จัดการประกวด เป็นช่วงเดียวกับที่มีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์โดยม็อบเยาวชน เฌอเอมเป็นคนหนึ่งที่ส่งเสียงเรียกร้องของเธอผ่านการประกวดฯ ในครั้งนั้น ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเผด็จการอย่างเฉียบคมและกล้าหาญ ซึ่งในช่วงนั้น เป็นเรื่องยากที่บุคคลสาธารณะสักคนจะออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมาและเผ็ดร้อน ซึ่งนั่นเองที่ทำให้เฌอเอมเรียกกระแสสังคมเข้ามาหนุนให้เธอทยานกลายเป็นปรากฏการณ์ นำพาวงการนางงามข้ามไปสู่ปริมณฑลของการเมือง 

แต่เธอกลับต้องมาสะดุด เพราะเธอถูกกองประกวดตั้งข้อสงสัยว่าพี่เลี้ยงของเธอแฝงตัวมาเป็นทีมงานเบื้องหลัง ซึ่งถือว่าผิดกฏ กองประกวดจึงตัดสินใจถอดเฌอเอมออกจากการประกวดไปกลางคัน

แม้เฌอเอมจะไม่ได้ไปต่อในเส้นทางนางงาม แต่เธอสานต่อเจตนารมย์ของเธอในด้านการเมือง เธอปรากฏตัวอยู่บ่อยครั้งบนเวทีเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะ การเรียกร้องสิทธิให้แก่กลุ่มคนชาติพันธุ์ นักโทษการเมือง คนชายขอบ ฯลฯ ภาพลักษณ์ของเธอกลายเป็นที่จดจำในฐานะของนางงามกระบอกเสียง แม้จะไร้มงกุฎก็ตาม

จุดเริ่มต้นเส้นทางสู่มิสแกรนด์ฯ 

แฟน ๆ นางงามหลายคนที่ยังคงชอบบทบาทของเฌอเอมมักจะเชียร์ให้เธอลองลงประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ เพราะเป็นเวทีที่น่าจะเหมาะกับเธอ เนื่องจากองค์กรมิสแกรนด์ฯ ออกตัวว่าสนับสนุนประชาธิปไตย และให้อิสระกับนางงามผู้เข้าประกวดได้แสดงความคิดเห็นในด้านการเมืองอย่างเต็มที่ 

เธอกึ่งปฏิเสธกึ่งตอบรับอยู่สักพัก จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจลงประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 ในฐานะของตัวแทนจังหวัดลำพูน

การกลับมาครั้งนี้ของเฌอเอมดึงดูดความสนใจในบรรดาแฟน ๆ นางงามไม่น้อย เธอถูกจัดให้เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่มีโอกาสคว้ามงฯ สูงสุด อย่างไรก็ดี เวทีมิสแกรนด์ฯ ในยุคนั้นก็ยังคงต้องการนางงามที่มีความสวยงามตามขนบ เน้นเรือนร่าง อก เอว สะโพกชัดเจน ซึ่งแตกต่างกับรูปร่างของเฌอเอมที่มีลักษณะเป็นนางแบบโดยสิ้นเชิง

ก่อนการประกวดเริ่มขึ้น เฌอเอมยอมตัดสินใจศัลยกรรมหน้าอกและออกกำลังกายกระชับหุ่นเพื่อให้ดูเป็น ‘นางงาม’ ปรับตัวให้ตรงกับโจทย์ของกองประกวดมากขึ้น แต่แทนที่จะมีเสียงชื่นชม กลับก็มีกระแสตีกลับ ว่าเหตุใดเธอจึงจะสมาทานตัวเองกับความงามตามมาตรฐานแบบขนบ ทั้งที่ต่อสู้เพื่อสิทธิความเท่าเทียม เรียกร้องการเคารพความแตกต่าง 

เธออธิบายว่า เธออยากให้ทุกคนมองการประกวดนางงามของผู้หญิงเป็นเหมือนการแข่งขันกีฬาเพาะกายของผู้ชาย กล่าวคือ ไม่มีใครมองการโชว์เรือนร่างในกีฬาเพาะกายว่าเป็นวัตถุทางเพศ ฉันใดก็ฉะนั้น สังคมควรมองเรือนร่างของผู้หญิงที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อการประกวดนางงามด้วยมุมมองเดียวกัน 

ตลอดช่วงการเก็บตัว เฌอเอมรักษามาตรฐานได้ดีเสมอมา เราเห็นความพยายามของเธอที่จะนำเสนอมิสแกรนด์ฯ ในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่เพียงด้านความบันเทิง แต่เธอยังสอดแทรกประเด็นทางการเมืองและสังคม นำเสนอสินค้าพื้นเมืองของเมืองลำพูนที่เธอเป็นตัวแทน สถานที่ท่องเที่ยวของลำพูน ฯลฯ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเฉดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเวทีมิสแกรนด์ฯ ซึ่งดูตอบสนองอุดมคติของเจ้าของเวที ‘คุณณวัตน์ อิสระไกรศีล’ ในช่วงนั้น ผู้พยายามผลักดันธุรกิจของคนตัวเล็กตัวน้อย ของดีตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อขัดง้างกับธุรกิจของบรรดานายทุนใหญ่

จนกระทั่งถึงอีเวนท์รอบดูดวงด้วยไพ่ยิบซี เฌอเอมได้ปฏิเสธการเข้าร่วมดูดวง เนื่องจากเธออ้างว่ามันขัดต่อหลักศาสนาคริสต์ที่เธอนับถือ ซึ่งนั้นทำให้เจ้าของเวทีไม่พอใจ เป็นสาเหตุที่ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว เธอต้องตกรอบแรกไปในการประกวดปีนั้น

เฌอเอมบอกเสมอว่าเธอไม่เคยติดใจเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งแสดงสปีริตร่วมงานกับองค์กรมิสแกรนด์ฯ เสมอมา จนดูเหมือนว่ารอยร้าวระหว่างเธอกับเจ้าของเวทีดูจะสมานแล้วอย่างสมบูรณ์ 

แฟน ๆ นางงามหลายคนยังคงยุให้เฌอเอมกลับมาประกวดอยู่เนือง ๆ แต่เธอตอบเสมอมาว่า เธอคงพอแล้วกับเส้นทางการประกวดนางงาม แล้วขอทำหน้าที่ที่มีอยู่และปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุด 

แต่จนแล้วจนเล่า เธอก็ตัดสินใจกลับมาประกวดอีกครั้งปีนี้ ในนามของตัวแทนจากจังหวัดขอนแก่น ซึ่งครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายกับเวทีมิสแกรนด์ฯ เนื่องจากเงื่อนไขเรื่องอายุ ของเธอ 

การกลับมาของเฌอเอมในมิสแกรนด์ 2025

เฌอเอมเปิดตัวมาเป็นอย่างดี เธอสวยขึ้น สง่าขึ้น แสดงออกว่าเข้าใจธรรมชาติของวงการนางงามมากขึ้น หลายคนเชื่อว่านี่คือเวอร์ชันที่ดีที่สุดแล้วของเฌอเอม 

ความแตกต่างทำให้ชะเอมโดดเด่น แฟน ๆ นางงามไม่เคยผิดหวังกับสิ่งที่เฌอเอมนำเสนอ เช่น ในการประกวดชุดท้องถิ่น รอบขวัญใจสงขลา นางงามคนอื่นใส่ชุดไทยประจำภาคใต้ แต่เฌอเอมเลือกที่จะใส่ชุดมาสคอตปลาโลมาอิรวดี ซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลสาบสงขลาและมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ หรือในการประกวดรอบชุดชาติพันธุ์ เฌอเอมเลือกสวมใส่ชุดของกลุ่มชาติพันธุ์มอแกน เรียกร้องสิทธิความเป็นพลเมืองของคนกลุ่มน้อย พร้อมกับชูป้าย “ชาติพันธุ์ก็คือคน มนุษย์ควรเป็นคนเท่ากัน” สื่อต่าง ๆ พากันให้ความสนใจและเผยแพร่ข่าวเธอหลายอยู่สำนัก กระแสดูจะเทหนักไปที่เธอ 

แต่พอการประกวดเดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย กชเบลกลับตีตื้นขึ้นมาได้ เนื่องจากเธอสามารถขายสินค้าขององค์กรได้เป็นมหาศาล จนเธอชนะแคมเปญ ‘Best Seller Award’ นั่นทำให้แฟน ๆ เริ่มพอจะมองออกว่า คู่จับมือของปีนี้น่าจะเป็นกชเบลแล้วเฌอเอม

รอบไฟนอล เฌอเอมสามารถประคองเพอร์ฟอแมนซ์ของเธอได้เป็นอย่างดี มีเดินสะดุดรอบชุดราตรีนิดหน่อย แต่เธอก็พาพาตัวเองทะลุมาถึงรอบตอบคำถาม ซึ่งหลายคนเชื่อว่าในรอบนี้ เฌอเอมจะปล่อยหมัดน็อคและคว้าชัยชนะไปในที่สุด 

และนี่คือคำตอบของเฌอเอมถึงเรื่องการจัดการของภาครัฐต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

“ก่อนอื่น เอมขอให้ทุกคนร่วมไว้อาลัยกับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และข้อต่อมาคือเอมต้องการให้แบล็คลิสต์บริษัทที่มีผลเกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วกับประเทศของเรา คือการสอดไส้สัมปทาน เอมรู้ว่ามันอาจจะเป็นคำตอบที่ดูไร้เดียงสาที่ตัวเองต้องการให้จำคุกตลอดชีวิตกับใครก็ตามที่เป็นต้นเหตุของการที่ทำให้ตึกถล่มนี้ เพราะว่าอิสรภาพของคุณที่ถูกพรากไป ไม่อาจเทียบได้กับลมหายใจเดียวของบุคคลผู้เป็นที่รักในครอบครัว และที่สำคัญคือเราควรทำให้เป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้ประเทศของเราเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลกที่จะเข้ามาโกงกินประเทศของเราได้อีก สุดท้ายนี้นะคะเอมอยากจะบอกว่าภาษีที่จะสร้างใหม่เอาไปตรวจสอบทำระบบแจ้งเตือนเพื่อคนไทยทุกคนด้วยค่ะ”

คำตอบนี้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมากจนเรียกเสียงปรบมือได้อย่างล้นหลาม กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลฯ ต่อมา แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้เธอฝืนชะตาที่ถูกกำหนดล่วงหน้าเอาไว้แล้วได้ เฌอเอมปิดฉากเส้นทางนางงามของเธอด้วยรางวัล รองชนะเลิศอันดับหนึ่งของมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ประจำปี 2025

เหตุผลที่เฌอเอมไม่ถึงมงฯ 

หลังจบการประกวด คุณณวัตน์อธิบายผลการตัดสินผ่านไลฟ์ ว่าเหตุผลที่ทำให้กชเบลเป็นผู้ชนะ คือสปอนเซอร์ส่วนมากเลือกเธอ แถมเธอยังขยันและตั้งใจ อีกทั้ง คอนเซปท์ในปีนี้คือ ‘Star Is Born’ ที่มุ่งเน้นการหาดาวสู่สื่อบันเทิง ในแง่นี้ กชเบลจึงถือว่าตอบโจทย์มากกว่าเฌอเอม

แต่คำอธิบายข้างต้นก็ชวนเกิดความสงสัยไม่น้อยว่า หากเป็นเช่นนั้นแล้ว การประกวดรอบไฟนอลจัดขึ้นเพื่ออะไรหากผลการตัดสินถูกกำหนดไว้ก่อนแล้วอย่างค่อนข้างแน่นอนจากการเลือกของสปอนเซอร์ หรือการประกวดมิสแกรนด์ฯ จะมีรอบตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บ้านเมืองไว้ทำไม หรือ สโลแกน #มิสแกรนด์เพื่อประชาธิปไตย ยังคงศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่ ในเมื่อท้ายที่สุดแล้วเวทีมุ้งเน้นหาแสงในสื่อบันเทิงและผลประโยชน์ทางธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการประกวดจะจบลงแล้ว แต่ก็ยังชวนให้อดคิดไม่ได้ว่า หากเฌอเอมเป็นผู้ชนะ เธอจะนำพามิสแกรนด์ฯ หรือวงการนางงามทั้งวงการไปได้ไกลแค่ไหน ในอนาคต เรายังพอมีโอกาสได้เห็นนางงามที่มีศักยภาพพาการประกวดนางงามไปปะทะสังสรรค์กับปริมณฑลอื่น ๆ อย่างเช่นเรื่องการเมือง สังคม และวัฒนธรรมได้อยู่อีกหรือไม่ หรือนับจากนี้ไป เราควรต้องทำใจว่าวงการนางงามเลือกแล้วว่าจะนิยามตัวเองเป็นสื่อบันเทิงที่มุ่งเน้นผลกำไรเชิงธุรกิจเป็นหลัก และการเชิดชูคุณค่าในทางสังคมเรื่องอื่น ๆ เป็นเรื่องรอง… ซึ่งน่าเสียดายเหลือเกิน

แม้ว่าวันนี้เฌอเอมไม่ได้เป็นผู้ชนะอันดับหนึ่ง แต่อย่างน้อย ๆ เรื่องราวของเธอก็คงได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่น ๆ ไม่มากก็น้อย ขอให้บทความนี้เป็นเสมือนบันทึกการเดินทางบนเส้นทางนางงามของเฌอเอมผู้เคยสร้างปรากฏการณ์ที่สะเทือนไปทั้งสังคมไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้มีโอกาสเขียนถึงเธอในบทบาทใหม่ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันในอนาคต  

 

เรื่อง: ณัฐ วิไลลักษณ์
ภาพ: เพจเฟซบุ๊ก Miss Grand Thailand