Godzilla Minus One : ภาพสะท้อนความยากลำบากและเลวร้ายของสงครามในญี่ปุ่น

Godzilla Minus One : ภาพสะท้อนความยากลำบากและเลวร้ายของสงครามในญี่ปุ่น

‘Godzilla Minus One’ ก็อดซิลล่าที่จะมาทำให้ประเทศญี่ปุ่นติดลบ ภาพสะท้อนช่วงเวลาที่ยากลำบากของประชนญี่ปุ่นและความเลวร้ายของสงคราม ผ่านสิ่งมีชีวิตที่กำเนิดมาจากเศษซากของสงครามที่มนุษยชาติได้ก่อขึ้นมา

Godzilla Minus One’ เป็นภาคใหม่ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับภาคใด ๆ ของตระกูลก็อดซิลล่าแบบที่เคยฉายมา  หลายคนคงอาจจะคาดหวังถึงความอลังการที่แบบว่า สัตว์ประหลาดถล่มบ้านเมือง แอคชั่นถล่มถลาย แต่ภาคนี้มันแตกต่างออกไป Minus One มีจดหมายที่ต้องการส่งหรือสื่อถึงผู้รับชมอย่างมี ‘นัยยะ’ สำคัญจากตลอดทั้งเรื่อง เกิดภาพสะท้อนที่ทำให้คนดูได้รับรู้ถึงสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อ

Minus One ต่างจากภาคอื่น ๆ ที่แม้ว่าไม่ใช่แฟนหนัง ก็อดซิลล่าก็สามารถดูได้อย่างสนุกและพอเข้าใจได้ เพราะภาคนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ก็อดซิลล่าออกมาแสดงความพิโรธต่อไคจูตัวอื่นหรือมวลมนุษย์ชาติเพียงอย่างเดียว แต่ยังแฝงนัยยะสำคัญ ๆ ที่อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงอีกด้วย

เหตุการณ์ของภาคนี้จะอยู่ในช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นฝ่ายที่พ้ายแพ้สงคราม เราต่างทราบผลกระทบของสงครามในข้อที่ว่า ‘สงครามไม่มีชัยชนะที่แท้จริง’ หากมีแต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ที่อยู่อาศัย สิ่งของที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต หรือแม้แต่คนที่รัก ก็มิอาจนำคืนมาได้จากสงคราม

แต่ใครเล่าจะรู้ว่าผลกระทบจากสงครามนั้นมันดันไปให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดพลังทำลายล้างระดับ ‘พระเจ้า’ ซึ่งในภาคนี้เจ้า ‘โกจิร่า’ (Gojira) หรือ ‘ก็อดซิลล่า’ (Godzilla) ก็ได้มีความแตกต่างกับภาคอื่น ๆ เรื่องหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เพราะก็อดซิลล่าภาคนี้มันเหมือนกับว่ามันต้องการจะสื่อความหมายอะไรสักอย่างกับผู้ชม ทั้งประชาชนในเรื่องที่มีความหลังและวัตถุประสงค์ของเจ้าก็อดซิลล่า ความเกรี้ยวกราด ของมันทั้งหมดนั้นมาจากไหนกัน ทำไปเพื่ออะไร

การันตีคุณภาพโดยได้รับรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม ทั้งที่ใช้งบการสร้างไปเพียง 15 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น พร้อมกับผู้กำกับระดับเซียนอย่าง ทาคาชิ ยามาซากิ ผู้อยู่เบื้องหลังผู้อยู่เบื้องหลังผลงานเรื่องเยี่ยมอย่าง ภาพยนตร์ชุด Always: Sunset on Third Street และ STAND BY ME Doraemon (2014)

จึงได้เกิดเป็นภาพยนตร์อย่าง Godzilla Minus One ที่เป็นมากกว่าหนังสัตว์ประหลาดมาสู้กัน มีความแตกต่างถึงวิธีการเล่าเรื่องและใจความสำคัญของเรื่อง โดยภาค Minus One จะเป็นการบอกเล่ามุมมองของ ‘ประชาชน’ ในช่วงยุคเวลาที่เลวร้ายอย่างแสนสาหัส และยังเป็นเหมือน ‘ภาพสะท้อน’ ที่หนังต้องการจะบอกเล่าผ่านเจ้าก็อดซิลล่าอีกด้วย 

เนื้อหาต่อไปนี้มีการเปิดเผยเนื้อเรื่อง GODZILLA MINUS One 

ขอคลายความสงสัยของคนที่ยังไม่รู้ถึงที่มาของชื่อภาคที่ว่า Minus One ที่แปลเป็นไทยว่า ลบหนึ่งนั้นทำไมถึงเอามาตั้งชื่อภาค 

ผู้กำกับของ Minus One ได้เหตุผลว่า ช่วงไทมไลน์ของหนังจะอยู่ในช่วงสุดท้ายของสงคามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเวลาประมาณปี 1945-1947 เราต่างทราบว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นอ่อนแอแค่ไหน เราพ้ายแพ้สงคราม บ้านเมืองเราโดนนิวเคลียร์ เป็นถือเป็นช่วงเวลาที่แสนสาหัส ในเวลาเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ดั่งคำศัพท์ว่า Set Zero เริ่มต้นใหม่จากศูนย์

แต่การมาของเจ้าสัตว์ประหลาดระดับพระเจ้าตัวนี้มันมาทำให้ประเทศญี่ปุ่นนั้นถอยหลังลงไปอีก ก็เลยเอา Minus One เป็นชื่อภาคเสียเลย  เราจะได้เห็นถึงความคิด มุมมอง ของประชาชนญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น ความเศร้าโศก การเอาตัวรอด และการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งแตกต่างจากภาคอื่น ๆ ที่ตั้งชื่อแบบตรงไปตรงมาจะมีความลึกซึ้งกว่า

 

ประชาชนในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง

ภาคนี้จะบอกเล่ามุมมองของประชาชนในช่วงเวลาที่เป็นผู้ประสบภัย ช่วงยุคเวลาที่เปรียบเสมือนฝันร้ายของคนญี่ปุ่น โดยเฉพาะประชาชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับสงคราม มุมมองของเรื่องจะนี้ถูกถ่ายทอดผ่าน โคอิจิ สึคิชิมะ (รับบทโดย ริวโนซูเกะ คามิกิ) 

Godzilla Minus One : ภาพสะท้อนความยากลำบากและเลวร้ายของสงครามในญี่ปุ่น

สึกิชิมะ เป็นทหารในหน่วยบินรบพิเศษ ชื่อของหน่วยชื่อว่า คามิกาเซ่ (แปลว่าสายลมของพระเจ้า) หน่วยนักบินพลีชีพ ที่ได้ ‘ละทิ้งหน้าที่’ เพราะว่ารักตัวกลัวตาย ได้หนีจากพื้นที่สู้รบไป การกระทำของเขานั้นทำให้อีกหลายชีวิตต้องมาจบสิ้นลง มันจึงทำให้เขาเป็นเหมือนมีอาการจิตหลอนอยู่ตลอดเวลา วนเวียนคิดได้แต่ความผิดพลาดที่ตัวเองก่อ เป็นอาการทางใจที่หายไปไม่ได้ง่าย ๆ ที่เรียกว่าอาการ PTSD (Post-traumatic Stress Disorder)

จุดนี้ของหนังนั้นได้บอกเล่าถึงเรื่องจริงยิ่งกว่าในนิยายของผู้ประสบภัยในสมัยนั้น ที่ว่ามีผู้ประสบภัยหลายคนทั้งประชากรหรือทหารก็มีอาการหลอนจากภาพจำที่โหดร้ายนี้เยอะมาก 

แล้วยิ่งไปกว่านั้นอีกก็จะขอเขียนถึงหน่วยบิน Kamikaze ที่ในเรื่องคือตัวเอกเป็นนักบิน ในความเป็นจริงและความโหดร้ายของสงครามนั้น ในช่วงสุดท้ายประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากประเทศอื่นได้ และด้วยทรัพยากรที่ลดน้อยลงไปทุกทีทำให้ทุกการโจมตีหรือป้องกันทุกอย่างจะต้องคุ้มค่าอย่างที่สุด ในกรณีของนักบินเครื่องบินรบนั้น ตามเฉลี่ยคือ เครื่องบินรบ 5 ลำนั้น จะมี 4 ลำโดนยิงตกไปก่อนโดยที่จะทำลายเรือรบเป้าหมายได้สำเร็จ ฉะนั้นด้วยทรัพยากรที่เหลือน้อย หากจะสูญเสียเครื่องบินก็ขอให้ทำความเสียหายให้ได้มากที่สุดการสละชีพครั้งนี้จะถือเป็นเกียรติสูงสุด การบรรทุกระเบิดตรงเข้าพุ่งชนเป้าหมายถือเป็นวิธีที่บ้าบิ่นแต่หวังผลได้มากกว่าที่สุด อายุพวกเขาจะเฉลี่ยแล้วประมาณ 20 ปีในการปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติในครั้งนี้

การสละชีพในช่วงเวลาสุดท้ายของนักบินไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลก แต่ที่แปลกแล้วเป็นเรื่องขย่มขวัญของฝ่ายศัตรูก็คือพวกเขาไม่คิดว่าชาวญี่ปุ่นจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องที่นักบินรบช่วงสงครามทราบกันว่า หากเครื่องบินเกิดเหตุขัดข้องจนคนขับพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถกลับฐานหรือต่อสู้ต่อไปได้ ฉะนั้นแล้ววิธีการสุดท้ายที่ถือเป็นประโยชน์สูงสุดนั้นคือการขับเครื่องบินเข้าไปชนเรือรบเองเลย

หลายคนคงอาจจะคิดถึงความจงรักภักดีของคนญี่ปุ่นที่มีต่อประเทศชาติ เพราะด้วยภาพจำของประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ยึดถือเรื่องกฏระเบียบและวินัยที่เคร่งครัดกันและความจงรักภักดีมาอย่างยาวนานหลายพันปี  แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่ ‘ทุกคน’ แน่นอนที่จะยอมเห็นด้วยกับทุกสิ่งทุกอย่าง นั้นคือชีวิตของ สึกิชิมะ ที่หนีทหารออกมาทำให้เขามี ‘สงครามของตนเอง’ อยู่ตลอดและยากที่จะจบมัน

Godzilla Minus One : ภาพสะท้อนความยากลำบากและเลวร้ายของสงครามในญี่ปุ่น

นอกจากนี้ยังมีโนริโกะ (รับบทโดย มินามิ ฮามาเบะ)และหนูน้อยอากิโกะ ที่พลัดหลงมาเจอกับสึกึชิมะโดยที่ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย เป็นเหตุให้พวกเขาได้มาอยู่ด้วยกัน ภายใต้บ้านที่ถล่มหายไปจนเหลือแค่ห้องเดียว เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนอย่างมากของผู้ประสบภัยทั้งของสงครามและของก็อดซิลล่า พวกเขาเป็นบุคคลธรรมดา สามัญชนอย่างแท้จริง ที่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวใด ๆ เลย หากแต่ในวิทยุและคนบอกเล่า จนมาพบเจอความเลวร้ายเหล่านั้นด้วยตนเองอย่างฉับพลัน ไม่ทันตั้งตัว ทำได้เพียงแค่เอาชีวิตรอดหากยังไม่สิ้นลมหายใจ

 

สิ่งที่บ่งบอกผ่านสัตว์ประหลาด

จนมาถึงเจ้าก็อดซิลล่าตัวนี้ มันกำเนิดมาจากปริมาณรังสีที่มากไปในช่วงเวลาสงครามโลกที่มีการทิ้งระเบิดกันเป็นปริมาณ ‘มหาศาล’ ซึ่งในภาคนี้ ได้พาเราย้อนเวลากลับไป มันจุดสังเกตหรือเปรียบได้ว่าเป็นก็อดซิลล่าตัวแรก ๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นมาในโลกภาพยนต์ ที่เคยฉายครั้งแรกเมื่อปี 1954 เป็นภาพจำของการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ

ที่นอกเหนือจากมันจะเป็นตัวแทนของหายนะแล้วนั้น รูปลักษณ์ของมันในภาคนี้ยังแสดงถึงความไม่สมบูรณ์อยู่ ลำตัวของมันจะมีแต่แผลเป็น จะว่ามีการฟื้นฟูที่สุดยอดก็ไม่เชิงนัก มันเป็นตัวแทนของความโกรธเกรี้ยวต่อมนุษยชาติอย่างแท้จริง เป้าหมายมันไม่มีอย่างอื่นนอกจากทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปอีกดั่งชื่อภาค

Atommic Breathe ของมันภาคนี้ถือได้ว่าทรงพลังมาก พลังนี้ของมันสะท้อนถึงอาวุธของมนุษย์เลยนั้นก็คือ ระเบิดนิวเคลียร์ มันทำลาย ‘ทุกอย่าง’ บริเวณใกล้เคียง ผู้เสียชีวิตมากจนทำได้เพียงแค่ประมาณการ สิ่งก่อสร้างหลงเหลือไว้เพียงแต่ซากและสารเคมีที่หลงเหลือจะกัดกินทุกอย่างไปอีกไม่รู้นานเท่าไหร่ การปรากฏตัวของก็อดซิลล่าแต่ละครั้งจะมีความเสียหายอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้นทุกครั้ง ไม่ว่ามันจะอยู่ในทะเล เดินขึ้นมาพังบ้านเมืองบนผืนแผ่นดิน หรือจะปล่อยพลังทำลายสิ่งที่อยู่บนอากาศได้หมด

มันคือตัวแทนของหายนะอย่างแท้จริง ถึงแม้พลังมันอาจจะไม่ได้รุนแรงที่สุดหากเทียบกับความอลังการณ์ของก็อดซิลล่าภาคอื่น ๆ แต่แน่นอนว่าพลังของมันทรงพลังมากอย่างแน่นอนอย่างที่ทุกคนได้ดู จะเห็นสเกลการทำลายล้างของมันนั้นสูงมาก ฉากที่มันได้ขึ้นมาถล่มใจกลางเมืองถือเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดถึงความรุนแรงของระเบิดนิวเคลียร์ เสียงที่เดินทางช้ากว่าแสง แรงอัดอย่างมหาศาลกวาดล้างทุกชีวิตในบริเวณนั้น 

จนสุดท้ายตอนที่ปราบเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ลงได้? แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกันของมนุษย์ภายใต้ทรัพยากรและเทคโนโลยีที่จำกัด มีการแก้ปัญหาโดยใช้วิธีการที่เป็นไปได้มากที่สุดถึงแม้จะมีโอกาศที่ล้มเหลวแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เพราะการรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นไปไม่ได้เลยในช่วงเวลานั้น

 

เหตุการณ์หรือประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง

ถือเป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ การที่มีการแทรกทั้งเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์และจักรวาลมอนสเตอร์เวิร์สที่เป็น Easter Egg มีหลายเหตุการณ์ที่น่าสนใจ 
เรื่องเช่นเกาะที่พระเอกลงจอดนั้นคือเกาะโอโดะ ที่ไม่มีในแผนที่ญี่ปุ่นกาะโอโดะไม่ใช่ผืนดินที่แท้จริงในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่เคยปรากฏในภาพยนตร์ก็อดซิลล่ามาก่อน ใน Godzilla ในปี 1954 เกาะ Odo ปรากฏตัวในช่วงแรกด้วยความสามารถที่คล้ายคลึงกัน

ยังมีนามสกุลของโคอิจิ ชิกิชิมะ ยังมีบทบาทสำคัญต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ในภาพยนตร์อีกด้วย ชื่อของฝูงบินทางอากาศชุดแรกที่ทำการโจมตีกามิกาเซ่ในสงครามโลกครั้งที่สองเป็นที่รู้จักในนามฝูงบิน "ชิกิชิมะ" ที่จมเรือ USS St. Lo ในปี 1944 อีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีหน่วยอื่นนำไปก่อนแต่การโจมตีไม่สำเร็จ

เรือรบหลายลำที่ปรากฏในเรื่องมีชื่อเรียกและประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นจริงทั้งนั้น เช่น‘เรือทาคาโอะ’ กับการมาสมทบช่วยเหลือกลุ่มตัวเอกในพาทแรก ๆ ตอนที่เห็นเรือทาคาโอะนั้นพวกเขาดีใจและมีความหวังอย่างมาก มันมีเหตุผลอยู่ว่าเรือทาคาโอะเป็นเรือลาดตระวันหนัก ที่เคยได้รับภารกิจสำคัญมาหลายครั้งในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 2 ยกตัวอย่างคือทาคาโอะได้เข้าร่วมในการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ เเละ สนับสนุนการยกพลขึ้นบกที่อ่าว Lingayen บริเวณเกาะ Luzon ประเทศฟิลิปปินส์ แต่สุดท้ายก็ถูกจมลงโดยฝีมือของศัตรูแต่ถือว่าเป็นเรือที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากในช่วงเวลาที่อยู่ประจำการ

มีการกล่าวแทรกถึงสถารณ์การณ์บ้านเมืองของประเทศญีปุ่นในขณะนั้น ถึงภาวะยอมแพ้สงครามอย่างไม่มีเงื่อนไข มีการบ่งบอกว่ากองทัพสหรัฐอเมริกาไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในการปกป้องญี่ปุ่นจากก็อดซิลล่า เมื่อตอนที่สิ่งมีชีวิตนี้ขึ้นจากน้ำทะเล ปล่อยให้ประชากรปลอดทหารต้องดำเนินการตามแผนของตนเอง 

สุดท้ายนี้ขอพูดถึงความคุ้มค่าแก่การดู Godzilla Minus One เป็นหนังสัตว์ประหลาดที่ดูสนุกมาก ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนก็อดซิลล่าภาคอื่น ๆ มาก่อนก็สามารถที่จะเข้าใจได้ อาจเป็นเพราะการสอดแทรกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เรียกได้ว่า เป็นช่วงเวลาที่คนไม่เคยลืมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนคนณี่ปุ่นเอง เราจะได้เห็น ‘ประชาชน’ ในช่วงยุคสมัยที่ยากลำบาก ความโหดร้ายของสงครามไม่ได้มีแต่ความสูญเสีย แต่ยังคงค้างไว้ซึ่งบาดแผลในใจที่ยากจะลบเลือนไปได้

เช่นเดียวกับหน่วยรบ คามิกาเซ่ ที่เขียนไปข้างต้นว่าไม่ใช่ทุกคนที่คิกถึงการสละชีพเพื่อชาติเป็นเรื่องที่ตัวเองอยากทำ ภายหลังจากสงครามสิ้นสุดลง ก็ได้มีการเก็บรวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองก้ได้พบว่ามีนักบิน(เด็กวัยรุ่น) หลายคนที่ไม่ได้เต็มใจสละชีพไปเป็นหน่วยบินพิเศษนี้ แต่จำใจต้องทำ

เราจะได้เห็นถึงสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ในช่วงเวลานั้น อารมณ์และความคิดที่แปลกและแตกต่างจนบางทีคนดูอาจจะหงุดหงิดหรือคล้อยตามก็ได้ มันสิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่อให้คนดูเข้าใจ มีการบอกเล่าในฝั่งประชาชนดูเหมือรจะมากกว่าก็อดซิลล่าด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่ก็อดซิลล่าออกมามันก็คุ้มค่าเป็นอย่างมาก มีพลังและผลกระทบต่อคนดูเช่นเดียวกัน

สงครามไม่มีคำว่าชนะอย่างแท้จริง ก่อนที่หนังจะตัดจบนั้นเราผู้ชมคงจะดีใจถึงการมีชีวิตรอดของโนริโกะ แต่ทางหนังก็ยังคงแฝงบางอย่างที่เหมือน ‘บาดแผล’ ที่คอของเธอ อาจจะเป็นสิ่งที่หลงเหลือจาก ‘รังสี’ ก็เป็นได้ หรืออาจจะเป็นพลังที่เกิดให้ก่อการฟื้นฟูที่มีรุปแบบคล้ายพลังของก็อดซิลล่าเอง ก็เป็นประเด็นที่ทางหนังได้ให้ผู้ชมได้ไปคิด วิเคราะห์ ถกเถียงกันเอาเอง แต่ถ้ามันเป็นรังสี ก็จะเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนอีกว่า ถึงแม้สงครามจะจบไปแล้วแต่สิ่งที่คงเหลือไว้จากสงครามก็เลวร้ายไม่แพ้กัน

 

ภาพ : Godzilla Minus One