18 พ.ย. 2567 | 16:28 น.
KEY
POINTS
การประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 73 จบลงอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่มิสยูนิเวิร์สถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยถึงผลการตัดสินและการจัดการประกวด
อย่างไรก็ตาม เราได้สาวงามผู้ชนะมาแล้ว เธอคือตัวแทนจากประเทศเดนมาร์ก… ‘วิกตอเรีย เคียร์ เธลวิก’ (Victoria Kjær Theilvig) หนึ่งในตัวเต็งที่เป็นที่จับตามองตลอดการประกวด
บทความนี้จึงอยากชวนผู้อ่านร่วมกันวิเคราะห์ภาพรวมของการประกวดในปีนี้ ตลอดจนทำความรู้จักกับประวัติชีวิตของนางงามจักรวาลคนล่าสุด และรีวิวผลงานของตัวแทนสาวไทยของเรา โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี ที่ชวดมงกุฎไปอย่างน่าเสียดาย
ถือเป็นปีที่สามแล้วหลังจากที่การประกวดมิสยูนิเวิร์สพ้นจาก WME-IMG หนึ่งในบริษัทธุรกิจบันเทิงเจ้ายักษ์ของสหรัฐอเมริกา (ต่อมาเปลี่ยนเป็น Endeavor Group Holdings, Inc.) มาเป็นของ JKN ภายใต้การดูแลของ คุณแอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ร่วมกับ มหาเศรษฐีชาวเม็กซิกัน ราอูล โรชา คานตู (Raul Rocha Cantu) และยังเป็นปีแรกที่การประกวดไม่ได้อยู่ในการควบคุมดูแลของประธานกองประกวดคนเก่า ‘พอลล่า ชูการ์ต’ (Paula Shugart) ผู้คุมบังเหียนมิสยูเวิร์สมานานกว่า 23 ปี ปัจจัยทั้งหมดนี้ถือเป็นความท้าทายไม่น้อยสำหรับองค์กรมิสยูนิเวิร์สที่ว่า จะทำอย่างไรให้โลกรับรู้และเข้าใจว่านี่คือยุคใหม่หรือแนวทางใหม่ของการประกวดมิสยูนิเวิร์ส
ย้อนความกลับไปในยุค ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ชัดเจนว่าผลการประกวดอาจมีผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่างประเทศและธุรกิจเข้ามาเป็นปัจจัยอยู่บ้าง แต่คุณสมบัติของสาวงามที่เป็นที่รู้กันดีว่ากองประกวดในยุคนั้นมองหาคือผู้มีความมั่นใจสูงปรี๊ด ผ่านการแสดงออกหรือ performance บนเวที เดินสับกระฉับกระเฉงแบบนางแบบมืออาชีพ รูปร่างผอมบางถึงขั้นมีซิกแพ็ค ซึ่งก็มักจะถูกวิจารณ์ไม่น้อยว่าลดทอนคุณค่าของผู้หญิง และสร้างมาตรฐานความงามแบบเดียว
ถัดมาสู่ยุคของ WME-IMG คุณสมบัติของผู้ชนะในยุคนี้ฉีกออกไปจากยุคเดิมชัดเจน เธอต้องเป็นผู้หญิงพูดจาน่าฟัง มีพลัง เชิดชูสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย โอบรับความแตกต่างหลากหลาย กล้าหาญและฉลาดที่จะพูดเรื่องการเมืองทั้งในและระหว่างประเทศ นำเสนอคุณค่าความเป็นผู้หญิงและสตรีนิยม ถือเป็นยุคหินที่คนดูนางงามจะรู้กันว่า สวยอย่างเดียวไม่พอ ต้องสนใจเรื่องรอบตัว ทันโลก และหลักแหลม
แต่สำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์สในยุคปัจจุบัน แม้ว่าจะผ่านมาถึง 3 ครั้งแล้ว ก็ยังดูเป็นเรื่องยากเกินจะคาดเดาว่าองค์กรฯ กำลังมองหาสาวงามแบบไหน หรืออะไรคืออุดมคติสูงสุดของการประกวด
ผิวเผิน ดูเหมือนมิสยูนิเวิร์สยุคใหม่นี้ยังคงมีความพยายามสานต่อการส่งเสริมคุณค่าของความเป็นผู้หญิงแบบยุค WME-IMG ไว้ กล่าวคือ มีการขยายอายุผู้เข้าร่วมประกวดแบบไร้เพดาน หรือคำถามรอบตัดสินที่จากเดิมจะมุ่งเน้นการเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กสาว สู่ผู้หญิงในทุกยุคทุกวัย โดยเฉพาะการประกวดในครั้งนี้ เราเห็นพยายามดันประเทศใหม่ ๆ หรือประเทศที่แทบจะถูกลืมไปแล้วกลับมาเข้ารอบเพื่อให้โลกมองเห็นความสวยงามและชาติพันธุ์ที่หลากหลายมากขึ้น (หรือส่วนหนึ่งก็อาจมีปัจจัยด้านการตลาด)
แต่นอกจากนั้นแล้ว เราแทบไม่เห็นประเด็นสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ หรือประเด็นการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกเลยตลอดการประกวด ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะในช่วงนี้ที่สงครามหรือความขัดแย้งระดับนานาชาติปะทุขึ้นอย่างรุนแรงแทบจะในทุกทวีปทั่วโลก คงเป็นเรื่องดีไม่น้อยหากเราจะเห็นได้ผู้หญิงที่เป็นตัวแทนของแต่ละประเทศแสดงความคิดเห็นถึงวิกฤติดังกล่าวนั้น
กลับกัน คำถามที่เอามาใช้ทดสอบนางงามดูเป็นเรื่องทัศนคติการใช้ชีวิตทั่วไป จิตวิทยาขั้นพื้นฐานที่ผู้ชมคาดเดาได้อยู่แล้วว่าจะได้ยินอะไร
ภาพการประกวดที่ออกมานั้นจึงดูเป็นสื่อบันเทิงแบบเต็มขั้น ตัดขาดจากบริบทโลก หมุนกลับไปเป็นการประกวดความงามตามขนบ คาดเดาได้ ไร้ความท้าทาย
จนชวนให้ตั้งคำถามว่า เหตุใดมิสยูนิเวิร์สจึงดึงตัวเองออกจากบริบทการเมืองโลกในวันที่สังคมโลกตระหนักรู้แล้วว่าการประกวดนางงามเป็นได้มากกว่าเพียงการประกวดความงาม แต่ยังสามารถขับเคลื่อนประเด็นปัญหาต่าง ๆ ในโลกได้?
ในแง่การจัดการการประกวด ตั้งแต่เรื่องความยิ่งใหญ่และสวยงามของโปรดักชั่นจนถึงการมอบรางวัล คงต้องยอมรับว่าไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นักในหมู่แฟน ๆ โดยเฉพาะรางวัลควีนทวีปที่โผล่มาหลังการประกวดจบโดยไม่ได้อิงแม้แต่ผลคะแนนจากการผ่านเข้ารอบของผู้เข้าประกวด
โดยภาพรวมแล้ว นี่จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่มิสยูนิเวิร์สกำลังเผชิญกับวิกฤตศรัทธาของบรรดาแฟนๆ คงต้องดูกันต่อไปว่าทิศทางอนาคตของมิสยูนิเวิร์สจะเป็นอย่างไร จะยังคงอันดับหนึ่งไว้ได้จริงหรือไม่ในท่ามกลางบริบทที่แต่ละเวทีการประกวดนานาชาติแข่งขันฟาดฟันกันขึ้นมาช่วงชิงฐานแฟนคลับ
ต่อกันด้วยประเด็นของตัวแทนสาวไทย โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี
หลังจากที่ได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ไป โอปอลไม่หยุดพัฒนาตัวเอง แฟน ๆ ที่ติดตามให้กำลังใจเธอจะเห็นว่า เธอตั้งใจฝึกซ้อมและมีพัฒนาการให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ แต่กระนั้น เธอก็ยังถูกตั้งข้อกังขาว่า ความอ่อนน้อมของเธอจะไปใช้สู้กับตัวแทนจากประเทศอื่น ๆ ได้หรือ โดยเฉพาะพวกสาวงามแถบลาตินอเมริกา
แต่เมื่อโอปอลเข้ากองประกวดและร่วมทำกิจกรรมกับผู้เข้าร่วมประกวดจากชาติอื่น ๆ เธอกลับยิ่งโดดเด่นขึ้นเรื่อย ๆ ความนุ่มนวลของเธอที่คนอื่นกังขาว่าอาจจะทำให้เธอดูเนือย กลายเป็นสเน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้แตกต่าง เธอกลายเป็นตัวเต็งอันดับต้น ๆ ของโพลหลาย ๆ สำนัก และกูรูหลายคนก็มักจะวางเธอไว้ใน Top 5 ของสาวงามที่น่าจะคว้ามงกุฎในปีนี้
หนึ่งเรื่องที่ต้องชื่นชมโอปอลและทีมเบื้องหลังของเธอเป็นอย่างมากคือการเตรียมตัวที่ดี นอกจากเสื้อผ้าหน้าผมที่พร้อมในทุก ๆ วันแล้ว ในหลาย ๆ กิจกรรม เรายังได้เห็นว่าโอปอลมีลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอใช้เรียกความสนใจของคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การร้องเพลง เล่นดนตรี หรือแม้แต่การเตรียมพวงมาลัยไปให้ผู้ใหญ่ของกองประกวดเพื่อแสดงมารยาทแบบไทย ทำเอาแฟน ๆ ชาวไทยใจฟูและยิ่งส่งแรงใจให้เธออย่างล้นหลาม
โอปอลรักษาผลงานได้ดีเสมอมา จนกระทั่งรอบ preliminary หลายคนติว่าเธอเดินแบบเบาเกินไปในรอบชุดว่ายน้ำ ชุดราตรีที่เธอเลือกมาใส่ก็ไม่ส่งเสริมเธอเท่าไหร่ แถมในการประกวดรอบชุดประจำชาติ เธอยังทำชฎาและอุปกรณ์ประกอบการแสดงหลุดร่วงขณะแสดงโชว์ แต่ก็มีกระแสตีกลับว่าข้อผิดพลาดต่าง ๆ เหล่านั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่จนทำให้เธอตกรอบได้
พอวันประกวดจริง โอปอลกลับมาโชนแสงอีกครั้ง ในทุก ๆ รอบของการแข่งขัน เราแทบจะไม่เห็นข้อผิดพลาดใด ๆ เลย โดยเฉพาะรอบตอบคำถาม คำตอบของโอปอลทั้งสองรอบถือว่าดี โครงคำตอบเป็นระบบ เป็นแนวทางเดียวกันกับผู้ชนะในปีก่อน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประกวดยุค WME-IMG คือ ตอบให้ตรงคำถาม มีส่วนขยาย และขายตัวเอง… ซึ่งถ้านี่คือยุค WME-IMG ป่านนี้โอปอลก็น่าจะมงลงไปแล้ว
แต่ในยุคนี้ อาจมีข้อสังเกตนิดหน่อยตรงที่ว่า หากจะรู้ว่าคำตอบแบบไหนจะถูกใจกรรมการ ก็ต้องดูว่ากรรมการเป็นคนอย่างไร ซึ่งวิเคราะห์แบบง่ายและไวที่สุด ก็ย้อนกลับไปที่คำถามที่พวกเขาถาม มันเป็นคำถามที่กระชับ เรียบง่าย พื้นฐาน ไม่ได้ต้องการความหวือหวา ไม่ได้ต้องการบริบทหรือคำขยายอะไรมากมาย เพราะฉะนั้น อาจเป็นไปได้ว่าคำตอบที่เป็นระบบที่เรามักจะคุ้นชินกันในยุค WME-IMG (ที่เห็นในคำตอบของโอปอล) จึงอาจจะไม่ได้ถูกจริตของกรรมการในยุคนี้ เท่ากับลักษณะการตอบผู้ชนะ (เดนมาร์ก) หรือรองอันดับหนึ่ง (ไนจีเรีย) ที่เพียงตอบให้เสียงดังฟังชัด มั่นใจ ตรงประเด็น เน้นเรียกกำลังใจและเสียงปรบมือ
แต่ถึงกระนั้น แฟน ๆ ชาวไทยและชาวต่างชาติก็ยังรู้สึกว่าอย่างน้อย ๆ โอปอลควรจะไปไกลถึง Top3 หรือไปได้ถึงเป็นคู่จับมือชิงมงฯ มากเสียกว่าจอดที่รองชนะเลิศอันดับที่ 3
นี่จึงเป็นอีกครั้งที่แฟน ๆ นางงามชาวไทยเจ็บช้ำที่สุดครั้งหนึ่งกับผลการตัดสิน อย่างไรก็ตาม ถือเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของกองประกวดไทยต่อไปว่าจะหาใครไปชิงมงกุฎนางงามจักรวาลในการประกวดครั้งถัดไปให้ตรงโจทย์และตรงใจกองประกวดฯ
แต่ถ้าจะให้พูดถึงความสวยประจักษ์ เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘วิกตอเรีย เคียร์ เธลวิก’ (Victoria Kjær Theilvig) เป็นผู้เข้าประกวดที่โดดเด่นมากในเรื่องของใบหน้าที่สวยงาม
วิกตอเรียอายุ 21 ปี จบการศึกษาเกี่ยวกับด้านการตลาด เธอเป็นทั้งนักเต้น ครูสอนเต้น และเจ้าของกิจการ
วิกตอเรียไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการนางงาม เธอเคยเข้าร่วมประกวด Miss Denmark 2021 และได้รับรางวัลรองอันดับ 2 ต่อมาในปี 2022 เธอคว้าตำแหน่ง Miss Grand Denmark และเป็นตัวแทนเข้าร่วมประกวด Miss Grand International 2022 เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย และเข้าประกวด Miss Universe Denmark 2024 จนกลายเป็นนางงามจักรวาลคนล่าสุดของโลก
ในช่วงระหว่างการประกวด อย่างที่ได้กล่าวไว้ วิกตอเรียถูกจัดเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่มีโอกาสคว้ามงฯ แต่คนคงคิดว่าโอกาสน่าจะเป็นไปได้น้อยเพราะว่าประเทศของเธอไม่ใช่ประเทศที่แกร่งในวงการนางงาม
แต่จนแล้วจนเล่า เธอก็ทะลุเข้ามาจนถึงรอบตอบคำถาม และคำตอบที่คาดว่าน่าจะเรียกคะแนนได้มากคือคำตอบของเธอต่อคำถามที่ว่า “มิสยูนิเวิร์สสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงมาหลายยุคหลายสมัย คุณจะบอกอะไรกับคนที่ดูอยู่ตอนนี้?”
“ฉันอยากบอกทุกคนว่า ไม่ว่าคุณจะมาจากไหน อดีตเป็นอย่างไร เราเลือกได้ที่จะเปลี่ยนเป็นพลังความเข้มแข็ง ต่อสู้ต่อไปเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง สร้างประวัติศาสตร์ เหมือนที่ฉันกำลังทำอยู่คืนนี้ อย่ายอมแพ้ เชื่อในตัวเอง ในความฝัน นั่นคือสิ่งที่คุณควรทำมากที่สุด”
หลายคนอาจมองว่าเนื้อหาของคำตอบไม่ได้ดูหนักแน่นเมื่อเทียบกับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับโอปอล แต่คงต้องยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่เราประเมินค่าวิกตอเรียต่ำไปคือความมั่นใจของเธอในขณะตอบที่แสดงออกผ่านทาง สายตา น้ำเสียง และท่าทาง
และวิกตอเรียก็ได้สร้างประวัติศาสตร์สมใจเธอจริง ๆ เธอไม่ใช่เพียงนางงามจักรวาลคนล่าสุดของโลก แต่เธอคือสาวงามคนแรกมงกุุฎมิสยูนิเวิร์สให้แก่ประเทศเดนมาร์ก
เรื่อง: ณัฐ วิไลลักษณ์
ภาพ: เพจเฟซบุ๊ก Miss Universe