26 มี.ค. 2568 | 15:05 น.
KEY
POINTS
ครอบครัวคือคนที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด แต่ก็เป็นกลุ่มคนที่เราลืมใส่ใจมากที่สุดเช่นกัน
‘When Your Life Gives You Tangerine’ (폭싹 속았수다) ออริจินัลซีรีส์จาก Netflix ก็ชวนเราดูเรื่องความรักและสัมผัสรสชาติชีวิตที่แตกต่างหลากหลายผ่านคำว่า ‘ครอบครัว’
การดิ้นรนของรุ่นตายาย การตั้งรากฐานครอบครัวของคนรุ่นพ่อแม่ และการไขว่คว้าความฝันของรุ่นลูก นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้กำกับเรื่องนี้ตั้งชื่อเรื่องว่า When your life gives you Tangerine ซึ่งเป็นการประยุกต์จากสุภาษิตเกาหลีที่มีความหมายว่า ‘คุณทำงานหนักแล้ว’ เพื่อสื่อถึงการมองโลกในแง่ดีและความเข้มแข็งเมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรค
นอกจากนี้ เหตุผลที่น่าจับตามอง นอกจากเส้นเรื่องและบทละครที่กินใจที่เป็นเหมือนภาพสะท้อนคนเกาหลีในยุคหลังสงครามที่ต้องดิ้นรนและไขว่คว้าโอกาส นักแสดงเรื่องนี้ก็เป็นการคัมแบคเล่นซีรีส์ในรอบหลายปีของ ‘ไอยู’ และ ‘พัคโบกอม’ สมทบด้วยนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง ‘มุนโซรี’ และ ‘พัคแจฮุน’
เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเวลาจะพาเราไปไกลแค่ไหน ครอบครัวก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นและจุดหมายของเราเสมอ
แม้แอซุนจะต้องสูญเสียแม่แต่เด็ก ถูกไล่ออกจากโรงเรียน ถูกต่อว่า ถูกดูถูก เพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง แต่คนที่รักและเชื่อมั่นให้ผู้หญิงคนนี้จนสุดใจ นอกจากแม่ ก็มีเพียงกวานชิกเพียงคนเดียว
กวานชิกยอมให้แอซุนเป็นหัวหน้าครอบครัว ยอมให้เธอเป็นประธานาธิบดี และเขาจะเป็นสุภาพบุรุษหมายเลข 1 เอง ยอมที่จะขายผักกาดหวาน ๆ คอยวางเก้าอี้ ดูแลผู้หญิงที่ชอบแบบยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม
จากคนหนุ่มสาวที่วิ่งหาความฝัน เด็กสาวที่ฝันอยากเป็นนักกวี เด็กหนุ่มที่อยากเป็นกีฬา ต้องกลายเป็นพ่อแม่มือใหม่ แล้วพยายามอย่างสุดวิถีทางเพื่อให้ลูกมีชีวิตที่สบายและเติบโตให้ดีที่สุด
การเลี้ยงลูก บ้าน และการสร้างครอบครัว ทุก ๆ อย่างต่างเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
“ฉันมีบ้านครั้งแรกเลย กะอีแค่บ้าน ทั้งหอยสังข์ ทั้งปูทะเล ก็มีบ้านเป็นของตัวเองกันหมด มีแค่ฉันคนเดียว ฉันคนเดียวไม่เคยมีบ้าน ทั้งบ้านแม่ บ้านของอา บ้านของลุงยอมบยองชอลหรือบ้านที่โดดงรี ไม่เคยเป็นบ้านฉันเลย แต่นี่เป็นบ้านฉัน บ้านฉันจริง ๆ” แอซุนพูดกับกวานชิกหลังจากซื้อบ้านหลังแรก"
หลังจากนั้นพวกเขาก็มีเรือลำแรก เรือที่เป็นมรดกจากย่าและเป็นเรือที่ทำให้ครอบครัวของพวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น
กวางชิกกับแอซุนตั้งชื่อเรือว่า ‘กึมอึนดง’ มาจากชื่อพยางค์แรกของลูก ๆ ทั้ง 3 คน คือ กึมมยอง อึนมยอง และดงมยอง เพื่อเป็นหลักฐานอย่างรูปธรรมว่า พวกเขาได้สร้างรากฐานให้ลูกไว้อย่างดีที่สุดแล้ว
“เรามีทั้งบ้าน มีทั้งเรือเลยนะ พวกเราคงบ้าไปแล้วแน่ ๆ… ดีใจมาก ชอบมากเลย” แอซุนบอก
ถึงชีวิตมันจะยาก แต่พอลูกโต แอซุนก็ยอมรับกับลูกสาวคนโตตรง ๆ ว่า ถึงจะน่าละอายที่ทำให้ลูกหิว แต่ทุกอย่างมันคือครั้งแรก
“พอใช้ชีวิตมาเรื่อย ๆ ก็รู้ว่าสิ่งที่ทำให้เสียศักดิ์ศรีคืออะไร ครอบครัวสามคนนอนท้องร้องจ๊อก ๆ ในห้อง แล้วแกล้งหลับทำเป็นไม่ได้ยินต่างหาก คือ เรื่องน่าละอายจริง ๆ แต่ตอนนั้นทุกอย่างคือครั้งแรกของแม่”
เพราะทุกอย่างมันคือครั้งแรก แต่มันคือครั้งแรกที่ทำให้พ่อแม่ของกึมมยองที่ยังคงเป็นวัยหนุ่มสาวเติบโตด้วยเช่นกัน
สำหรับพ่อแม่ กล่องดวงใจที่สำคัญ ก็คือ ลูก
และสำหรับลูก ที่พึ่งทางใจเพียงไม่กี่คน ก็คือ พ่อแม่
แต่สำหรับแอซุน ที่พึ่งพิงของเธอจากไปตั้งแต่เธอยังเด็ก นั่นคือ ‘แม่’ แม่ที่เชื่อมั่นในตัวลูกสาวสุดใจ แม่ที่อยากให้ลูกเป็นที่หนึ่ง และแม่ที่ภูมิใจในตัวลูกสาวเสมอมา
ใช่… มันยาก เธอถูกกีดกันออกจากบ้าน ไม่มีบ้านไหนที่ต้อนรับเธอ แต่แอซุนก็ผ่านมาได้ด้วยการดูแลของป้า ๆ แฮนยอ เพื่อนของแม่ และกวานชิกที่ติดสอยห้อยตามเด็กหญิงคนนี้ไปทุกที่ และเติบโตมาเป็นคนที่รักตัวเองสุดหัวใจ
แต่ชีวิตของแอซุนไม่เคยง่าย เพราะฤดูกาลแห่งความสูญเสียก็กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้ แอซุนสูญเสีย ‘ดงมยอง’ ลูกชายคนเล็กไป
หัวใจของแอซุนและกวานชิกแตกสลาย พวกเขาไม่มีแรงแม้แต่จะยืน แต่เพราะเป็น ‘พ่อแม่’ พวกเขาต้องอยู่ให้ได้ อย่างน้อยก็เพื่อลูกอีกสองคน
กวานชิกตอบกลับว่า “เราต้องช่วยให้ลูก ๆ อยู่ต่อสิ”
เราเชื่อว่า ในวันที่เราอยากตายก็คงมีหลายร้องเหตุผลให้เรามีชีวิตอยู่ แต่สำหรับกวานชิกและแอซุน เหตุผลของพวกเขา คือ ‘ลูก’ เด็กชายและเด็กหญิงในวันนั้นที่ชุบชีวิตและจิตใจของพวกเขาให้กลับมาแข็งแกร่งและใช้ชีวิตต่อให้ได้
“ฉันอยากให้กึมมยองได้ทำทุกอย่าง ได้มีทุกอย่าง ได้เป็นทุกอย่าง ได้ทำทุกสิ่งอย่างบนโลกเลย ไม่ให้กึมมยองต้องเป็นคนจัดโต๊ะอาหาร แต่อยากให้เป็นคนคว่ำโต๊ะไปเลย”
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา แอซุนใช้ทั้งชีวิตในการเป็นแม่บ้านและเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด เธอไม่ยอมให้ลูกเป็นแฮนยอ ไม่ต้องจัดโต๊ะอาหาร ไม่ต้องทำงานบ้าน ลูก ๆ มีหน้าที่อย่างเดียว คือ ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ ‘กึมมยอง’ การจากบ้านมาอยู่เมืองหลวงคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงจะกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่คงเหมือนที่กึมมยองบอกไว้ เพราะเราอยู่ใกล้กันเกินไป เราจึงหลงลืมความรู้สึกของกันและกัน
“เพียงแค่คนอื่นทำดีกับเราเพียงครั้งเดียว เขาจะกลายเป็นผู้มีพระคุณที่หาจากไหนไม่ได้อีก แต่กับผู้มีพระคุณที่ขอบคุณเท่าไหร่ก็ไม่พอนั้น กลับปฏิบัติราวกับเขียนในสมุดวาดเล่น พ่นโดยไม่เลือกสรรคำพูดและความรู้สึกใด ๆ”
แล้วถึงทะเลาะกับแม่อยู่ตลอด แต่เธอก็รักแม่มากกว่าใคร และรับรู้ถึงความห่วงใยในการกระทำของพ่อ
ตอนที่พ่อมาเมืองหลวงแทนที่จะไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ๆ ตามประสาคนวัยเกษียณ พ่อก็เลือกที่จะนั่งรถมาหาลูกสาว ถึงจะมาในจังหวะที่แย่ที่สุด แต่ปลายสายจากแม่ก็ทำให้กึมมยองใจอ่อนลง
“ถ้าเจอพ่อแล้ว อย่าหงุดหงิดใส่ ยิ้มใจดีกับพ่อหน่อยนะลูก พ่อรักของเขามาตั้ง 20 ปี”
ทุกครั้งที่ฝันร้าย แอซุนจะโทรศัพท์หากึมมยอง เธอโทรศัพท์หาลูกบ่อยจนลูกแอบรำคาญ แต่ในวันที่กึมมยองเผลอดมก๊าซถ่าน เสียงโทรศัพท์จากแม่จากเกาะเชจูก็ทำให้กึมมยองถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา
“ความหวั่นใจของแม่รำคาญใจนัก ถึงกระนั้นความหวั่นใจนั้นกลับช่วยชีวิตฉันไว้ ทำให้ฉันรอดชีวิตอยู่หลายสิบครั้ง เนิ่นนานหลังจากนั้น ตอนที่ไม่สามารถรับโทรศัพท์จากแม่ได้แล้ว ความหวั่นใจเหล่านั้นก็ยิ่งฝังลึกลงไปข้างใน หัวใจของแม่ที่เต้นโครมครามนับครั้งไม่ถ้วน ฉันน่าจะรับรู้ให้มากกว่านี้ ได้แต่นึกเสียใจในวันที่สายอีกครั้ง”
รวมถึงวันที่ความรักล้มเหลวไม่เป็นท่า รสมือของแม่ที่ขุนเธอจนน้ำหนักขึ้นและการไปนั่งดูพระอาทิตย์กับพ่อก็ทำให้กึมมยองฮึดสู้ กลับไปสู้ชีวิตในเมืองหลวงได้อีกครั้ง
“พ่อกับแม่แล่นเรืออยู่ข้างลูกเสมอนะ ถ้าหิวเมื่อไหร่ก็กลับมาได้เลย ไม่ต้องลังเล” กวางชิกบอกกับลูกสาว
เพราะสุดท้าย ต่อให้ชีวิตของลูกจะเจอพายุฝนหรือแสงแดดแสนอบอุ่น พ่อแม่ก็จะอยู่เคียงข้าง อย่างน้อย ๆ ขอแค่หันมาก็จะค้นพบว่าลูกไม่ได้อยู่คนเดียว
กึมมยองรู้ว่าพ่อแม่ต้องทำงานหนักเพื่อให้เธอและน้องมีชีวิตที่ดี ยอมขายบ้านเพื่อให้เธอได้ไปเรียนต่อ และคอยเวียนมาหาเธอที่โซลอยู่ตลอด ดังนั้นเป้าหมายของเธอ คือ การดูแลตัวเองให้ได้
“พวกเราไม่เคยดูแลตัวเองได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เข้ามหาลัย เรียนจบ กระทั่งทำความรู้จักญาติผู้ใหญ่ ชีวิตคือการเรียกหาพ่อแม่ตลอดไป”
ขณะที่ฝั่งพ่อแม่ ถึงจะทะเลาะกันอยู่บ่อย ๆ ตามประสาแม่กับลูกสาว แต่แอซุนก็ไม่เคยปิดกั้นความฝัน ปล่อยให้ลูกได้เล่นอิสระ ส่วนหนึ่งเพราะเธอคงเชื่อว่า ชีวิตของลูกก็คือของลูก
หากลองเปรียบเทียบกับครอบครัวยองบอมที่บอกว่าลูกเป็นความภาคภูมิใจ แต่แอซุน ลูกเป็นความภาคภุมิใจก็จริง แต่เธอสอนให้ลูกรักตัวเอง
ยองบอมไม่เคยมีความสุขที่ถูกแม่คุมชีวิตจนหายใจไม่ออก อึดอัดตลอดเวลาแม่พูดจาไม่ดีใส่คนที่เขารัก สุดท้ายความรักของกึมมยองกับยองบอมก็จบลง เพราะ ‘แม่’ ที่รักลูกชายมากเกินไป
รักจนคิดว่าชีวิตของลูก คือ ชีวิตของแม่…
“ชีวิตแก 80 เปอร์เซนต์เป็นของฉัน แกคือความภูมิใจของฉัน! คือ ชีวิตของฉันนะ” แม่ยองบอมตะโกนใส่หน้าลูกชาย
กึมมยองที่ยืนอยู่ตรงนั้น พูดแทรกขึ้นมาว่า “นั่นเป็นของยองบอมค่ะ ชีวิตที่คุณแม่กำลังใช้อยู่ตอนนี้เป็นของยองบอมค่ะ”
When your life gives you Tangerine เป็นซีรีส์เกาหลีอีกหนึ่งเรื่องที่ชวนเราสำรวจแง่งามและนิยามความรักของครอบครัว
ครอบครัวที่อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ ครอบครัวที่ทำผิดกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง และใช้การกระทำมากกว่าคำพูด แต่สุดท้ายก็ทำให้เรารู้ว่า ในวันที่เราเหนื่อยล้า ล้มเหลว หรือมีความสุข ครอบครัวจะอยู่เคียงข้างเสมอ
ซีรีส์เรื่องนี้จึงเชื้อชวนให้เรากลับมาสำรวจความรักของครอบครัวที่ถึงจะไม่สวยงาม แต่ทุกคนต่างใช้ชีวิตนี้กันเป็นครั้งแรกกันทั้งนั้น
เช่นเดียวกับครอบครัวที่เราก็ต่างเป็นพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย พี่สาว น้องชาย ปู่ ยา ตา ยาย กันครั้งแรกเช่นกัน
เพราะบางครั้งรสชาติของชีวิตอาจขมไปบ้าง เปรี้ยวไปหน่อย หรือหวานไม่เท่าที่หวัง แต่สุดท้ายแล้ว มันคือรสชาติที่เราต้องลิ้มลองเอง เพื่อเข้าใจว่าความรักของครอบครัว ไม่ได้อยู่ที่ความสมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่การเลือกจะอยู่ข้างกัน แม้ในวันที่ส้มไม่หวานก็ตาม
ภาพ : Netflix