Gyeongseong Creature : ความเป็นมนุษย์ที่หายไปในวันที่ซากุระผลิบานจนร่วงโรย

Gyeongseong Creature : ความเป็นมนุษย์ที่หายไปในวันที่ซากุระผลิบานจนร่วงโรย

Gyeongseong Creature ออริจินัลคอนเทนต์ของเน็ตฟลิกซ์ที่มีฉากหลังเป็นฤดูใบไม้ผลิปี 1945 ที่มีเรื่องราวน่าติดตามของคนที่ต้องเอาตัวรอดจากภาวะวิกฤตในชีวิต

  • 1910 - 1945 คือ ช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดแผนที่เกาหลี
  • และปี 1945 คือ ฉากหลังของเรื่องราวสุดระทึกของ Gyeongseong Creature ออริจินัลคอนเทนต์เรื่องใหม่จากเน็ตฟลิกซ์
  • ความยาวร่วม 10 ชั่วโมง สะท้อนว่า Gyeongseong Creature เป็นหนึ่งในความอาจหาญของเกาหลีในการเสนอเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ ในวันที่อุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศแข็งแกร่งกว่ากองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น

/บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์เกาหลีเรื่อง Gyeongseong Creature (2023)/

“ผมแค่จริงจังกับการเอาชีวิตรอด”

คือคำตอบของจางแทซัง เจ้าของคลังมหาสมบัติ ตัวละครหลักของ  Gyeongseong Creature เมื่อถูกถามว่า เขาเป็นคนดีหรือเลว เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยยืนเคียงใคร ตัวเขาคือสิ่งสำคัญที่สุด

ถ้าพูดถึงการดำเนินเรื่อง Gyeongseong Creature พูดถึงเรื่องของคนที่ลุกขึ้นสู้กับอสุรกายที่เมือง ‘กยองซอง’ (ชื่อเดิมของกรุงโซล) ในฤดูใบไม้ผลิปี 1945 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของเกาหลีใต้ เพราะปีสุดท้ายก่อนที่เกาหลีจะหลุดพ้นจากอาณานิคมของญี่ปุ่นที่ได้สองนักแสดงแถวหน้าของเกาหลีใต้อย่าง ‘พัคซอจุน’ พระเอกอิแทวอนคลาส (Itaewon Class) และ ‘ฮันโซฮี’ นางเอกจาก Nevertheless มารับบทนำ พร้อมกับได้ ‘จองดงยุน’ มานั่งแท่นผู้กำกับ

บทความนี้ชวนทุกคนย้อนกลับไปสู่ยุคมืดเกาหลีใต้ สำรวจชีวิตของผู้คน ความเจ็บปวดที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สำคัญครั้งหนึ่งของโลก

ช่วงเวลาอันมืดมิดในฤดูใบไม้ผลิ

ถ้าดูกันตามหน้าประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 9 มีนาคม 1945 สหรัฐอเมริกาวางระเบิดที่โตเกียวจริง อีกทั้งแรงระเบิดครั้งนั้นคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 80,000 คน 

และเรื่องราวอันลึกลับซับซ้อน เต็มไปด้วยปริศนาในเมืองกยองซองก็เริ่มต้นจากเหตุการณ์นั้นและวันที่ซากุระกำลังจะผลิบาน เพราะในวันที่โตเกียวโดนถล่ม สำหรับชาวโชซอน คือ ความหวัง

เพราะตลอด 35 ปีที่พวกเขาต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของคนญี่ปุ่นเป็นความทุกข์ ความอึดอัด และความไม่สบายใจมาตลอด คนเกาหลี ผู้เป็นเจ้าของประเทศ ถูกห้ามพูด ห้ามเถียง ห้ามพูดภาษาบ้านเกิด และยังถูกทรมานในฐานะผู้กระทำความผิด

ผู้ชายเกาหลีใต้ถูกเกณฑ์เป็นทหาร ส่วนผู้หญิงบางกลุ่มถูกจับเป็นหญิงบำเรอ (Comfort Women) บำบัดความใคร่ให้ทหารญี่ปุ่นในช่วงสงคราม

สิ่งเหล่านี้สะท้อนอยู่ในตอนแรกของเรื่อง ชายหนุ่มที่ดำเนินชีวิตตามถนนถูกจับเป็นทหารตามที่ประวัติศาสตร์พูดถึงไว้จริง ๆ 

“จงมาเป็นทหารไร้พ่ายแห่งมหาจักรวรรดิญี่ปุ่น และเข้าสู่ศาลเจ้ายาคุสุนิ จะยอมถูกลากไปตายในห้องทรมานกรมตำรวจ หรือจะรับเกียรติแห่งกองทัพญี่ปุ่น เลือกเอา”  คือคำพูดของทหารญี่ปุ่นที่ต้องการให้คนเกาหลีมาร่วมกองทัพญี่ปุ่นเพื่อขยายอำนาจของตัวเอง

แม้แต่จะเป็นคนเกาหลีที่ร่ำรวย แต่ในสายตาคนญี่ปุ่น พวกเขาเป็นเพียงพลเมืองชั้นล่างที่ไร้อำนาจ และมีสถานะต่ำกว่า เหมือนที่จางแทซัง เจ้าของคลังสมบัติทอง โรงรับจำนำที่ใหญ่ที่สุดในคยองซอง ถูกคนญี่ปุ่นดูถูก เพราะไม่ยอมเสนอราคาจำนำที่สูงตามที่ตัวเองหวังไว้

“นี่แหละโชซอนที่แกกำลังมีชีวิตอยู่ ส่วนแกก็เป็นแค่เศษสวะที่ร่ำรวย ไร้ค่า โสโครก โจเซ็นจิน ไอ้สวะ” คนญี่ปุ่นพูดใส่หน้าจางแทซัง

ขณะเดียวกัน ระหว่างที่ซีรีส์กำลังพาผู้ชมอย่างเราติดขอบจอ หาคำตอบเรื่องราวในชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลลองซอง (สถานที่ทดลองมนุษย์) เราก็เชื่อว่า ณ เวลานั้น ชีวิตของพลเมืองโชซอนที่ซ่อนอยู่ในกองทัพและคนธรรมดาในเมือง พวกเขาอาจเผชิญกับความทุกข์ระทม แผลฝังใจ มองหาแสงสว่าง เพื่อก้าวเดินต่อไปในอนาคต ก็เป็นได้

 

ในภาวะวิกฤต เราต้องรอด 

ปี 1945 จางแทซังอายุ 35 ปี หมายความว่า ตั้งแต่เขาเกิดมา บ้านเกิดของเขาก็อยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่นแล้ว

การเข้ามาปักหมุด ยึดแผ่นดินเกาหลี ประเทศมหาอำนาจแห่งเอเชียอย่างญี่ปุ่นในเวลานั้น พรากแม่ออกจากอกของแทซัง เขาต้องกลายเป็นเด็กชายตัวน้อยที่นั่งรอแม่ข้างคุกชาวญี่ปุ่น

อาจพูดได้ว่า หลาย ๆ สถานการณ์ แทซังคือคนอยู่เป็น ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ยืนเคียงข้างใคร แต่ทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด มีชีวิตอยู่ และปกป้องสิ่งที่เป็นของเขาอย่างถึงที่สุด

เพราะชีวิตของแทซังในวัย 30 กลาง ๆ  ไม่มีอะไรมาฉุดรั้งตัวเขาได้ นอกจากตัวเขาเอง ต่อให้เจอสัตว์ประหลาด โดนทรยศ โดนดูถูก โดนชีวิตสู้กลับ เขาก็ยังรอดและใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปก็เท่านั้นเอง

ในวันที่ถูกถามว่า เขาเป็นคนดีหรือเลว คำตอบของแทซังจึงเป็นคำตอบสั้น ๆ แสนเรียบง่ายว่า “ผมก็แค่เป็นคนจริงจังกับการเอาชีวิตรอด”

หากจะพูดถึงคำจำกัดความของคำว่า ‘เอาตัวรอด’ ในสไตล์แทซัง มันคือประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไว้ให้คนรุ่นหลัง

“ถึงจะอับอาย ถึงจะต่ำต้อย แต่ก็ต้องมีชีวิตอยู่ เพราะถ้าเราไม่มีชีวิตอยู่ ก็จะไม่มีใครมาคอยจดจำว่าเราโดนกระทำอะไรบ้าง”

 

ตาสว่าง เพราะเราเป็นมนุษย์เหมือนกัน

ถ้ามองผิวเผิน ช่วงต้นเรื่อง เราจะเห็นว่า ชีวิตแทซังสมบูรณ์แบบกว่าใคร ๆ  

ชายหนุ่มที่ร่ำรวย เจ้าของคลังมหาสมบัติทอง แหล่งข่าวที่สุดในกยองซอง มีสาว ๆ รายล้อมรอบตัว 

เพราะชีวิตดีมาก เขาจึงไม่เคยมองเห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ใต้พรม ถึงจะเห็นเขาก็แค่สยบยอม ปิดตาข้างหนึ่งแล้วใช้ชีวิตต่อไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

การดำเนินเรื่องตลอด 8 ตอนค่อย ๆ เปลี่ยนแทซังจากหนุ่มสังคมที่เพิกเฉยต่อเรื่องเล็กน้อย มุมมองของเขาก็เปลี่ยนไป ในสังคมก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ก้มหน้า ไม่เพิกเฉย แต่สู้เพื่อตัวเองและคนอื่น 

“ถ้าผมหลับหูหลับตา แสร้งทำไม่รู้ มองว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง สักวันหนึ่งเรื่องแบบนี้ มันจะเกิดขึ้นกับเราทุกคน”

การเห็นคนจริง ๆ ที่ถูกกักขังและถูกทำร้ายต่อหน้า ทำให้เขาตาสว่าง เต็มไปด้วยความโกรธและคับแค้นใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นแทซังหรือใครก็ตาม ทุกคนคือมนุษย์เหมือนกัน

และมนุษย์ไม่ควรทำกับมนุษย์ด้วยกันแบบนี้…

การที่บ้านเมืองตกอยู่ในภาพนี้ไม่ใช่ความผิดผม ที่ชาวบ้านถูกขัง ถูกกระทำแบบนั้น ก็ไม่ใช่ความผิดผม แต่พอเห็นเข้ากับตาจริง ๆ ผมก็โกรธขึ้นมา แค้นใจด้วย” แทซังบอกกับท่านหญิงมาเอดะที่ช่วยเหลือเขาออกมา

ผู้หญิงตรงหน้าตอบว่า “เพราะเป็นคนโชซอนด้วยกัน เลยทนไม่ได้เหรอคะ”

คำตอบของแทซัง คือ “เพราะเป็นคนเหมือนกัน เลยทนไม่ได้” 

เพราะมนุษย์ คือ สิ่งมีชีวิต จิตใจ และความรู้สึก เรื่องราวที่กระทบใจหรือความทรมานทางร่างกายเพียงเล็กน้อยอาจเป็นบาดแผลที่ไม่มีวันรักษาหายได้ในเร็ววัน

 

การวาดฝันถึงชีวิตธรรมดาเพื่อพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

อาจเป็นเรื่องปกติที่เวลาเจอกับความมืดมน เราก็จมปลักอยู่กับสิ่งนั้น ไม่กล้าที่จะเดินออก หรือฉุดตัวเองขึ้นจากความทุกข์ระทมที่อบอวลอยู่ในส่วนลึกของใจ

คิดว่ายุนแชอ๊กคงรู้สึกไม่ต่างกัน เธอใช้เวลา 10 ปีรับบทนักแกะรอยมือฉมังตามหาคนที่หายไปทั้งคนเป็นและคนตาย แต่คนที่เธอต้องการตามหาจริง ๆ คือ ‘แม่’

แม่ที่อบอุ่นและคอยอยู่เคียงข้างเธอ แต่ต้องพลัดพรากกันไปนานหลายปี ความฝันของเธอจึงไม่ใช่การมีเงินทองมากมาย แต่ฝันถึงชีวิตธรรมดา ไม่ต้องหลบซ่อน แต่ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุข

“ฉันแค่ฝันถึงชีวิตธรรมดา ๆ ตกเย็นมาครอบครัวพร้อมหน้า” แชอ๊กพูดถึงความฝันของตัวเองไว้แบบนั้น

นอกจากแชอ๊ก อีกคนหนึ่งที่ต้องการชีวิตแสนสงบ คือ ‘ชเวยองกวัน’  พลทหารชั้นผู้น้อยญี่ปุ่นเลือดเกาหลี ที่ร่วมมือกับแทซังเพื่อหยุดการพัฒนามนุษย์ของหน่วยลึกลับชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลลองซอง เขาเองก็วาดฝันถึงชีวิตธรรมดาไม่ต่างกัน

ในบทบาททหาร ยองกวันทำได้ดี น้อมรับคำสั่ง มองข้ามความรุนแรงและโหดร้ายที่มองเห็น แต่อีกมุมหนึ่งก็เต็มไปด้วยความฝันและความหวัง รอวันที่เขาจะหลุดพ้นจากชั้นใต้ดินนี้ ก้าวเท้าออกสู่สังคม และตามหาแม่ที่รัก

สำหรับคนธรรมดา ก็ต้องการชีวิตธรรมดาที่จะพาพวกเขาไปเจอเศษเสี้ยวคำตอบในชีวิต แล้วเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้สักวัน

ความยาวของ Gyeongseong Creature ร่วม 10 ชั่วโมง ที่ได้ชมการแสดงคุณภาพจากนักแสดงมากฝีมือ ส่วนการดำเนินเรื่องที่น่าตื่นเต้น ลุ้นระทึก แฝงแง่คิด และแอบน่าเบื่ออยู่บ้าง แต่สิ่งที่สะท้อนอย่างชัดเจน คือ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นความอาจหาญของเกาหลีในการนำเสนอเรื่องราวจริงในประวัติศาสตร์ ในวันที่อุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศแข็งแกร่งกว่ากองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น

แล้วคุณล่ะ คิดอย่างไร?

 

เรื่อง : ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์

ภาพ : Netflix