11 ม.ค. 2562 | 17:24 น.
แม็กเคนซี เบซอส (MacKenzie Bezos) วัย 48 ปี นักเขียนนวนิยายชาวอเมริกัน อาจกลายเป็นผู้หญิงที่รวยอันดับต้น ๆ ของโลก หลังจากที่เธอและ เจฟฟ์ เบซอส (Jeff Bezos) วัย 54 ปี ซีอีโอของ Amazon แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซชื่อดังของโลก ตัดสินใจหย่าขาดจากกัน เจฟฟ์คือมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.37 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ตามการประเมินของ Bloomberg Billionaire Index มากกว่า บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft อยู่ถึง 4.5 หมื่นล้านเหรียญ ทรัพย์สินของเจฟฟ์มีเช่นคฤหาสน์ที่กระจายตัวอยู่หลายแห่งในสหรัฐฯ เช่น เมดินา, วอชิงตัน, เบเวอร์ลี ฮิลส์, แคลิฟอร์เนีย ซึ่งแต่ละหลังมีมูลค่าราว 25 ล้านเหรียญ แต่รวม ๆ แล้ว ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเจฟฟ์คือหุ้นใน Amazon ที่เขาถืออยู่ราว 80 ล้านหุ้น ตามกฎหมายของรัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นรัฐที่ทั้งคู่อาศัยและเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Amazon ระบุว่า สินทรัพย์ทั้งหมดที่อยู่ในความครอบครองระหว่างชีวิตการแต่งงานสามารถแบ่งออกเท่า ๆ กัน เมื่อเกิดการหย่าร้าง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าหลังการหย่าครั้งนี้ แม็กเคนซีจะมีสิทธิในทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของเจฟฟ์ หรือคิดเป็นมูลค่าราว 6.6 หมื่นล้านเหรียญ หลังการประกาศการหย่าบันลือโลกผ่านไปได้ราว 3 เดือน ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2019 เบซอสก็ประกาศว่าเขาจะโอนหุ้น 4% ใน Amazon ให้แม็กเคนซีช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งหุ้นจำนวนดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่า 3.5 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งจะทำให้เธอขึ้นแท่นเป็น ผู้หญิงที่รวยอันดับ 3 ของโลก ตามหลัง ฟรังซัวส์ เบตเตนคอร์ท เมเยอร์ส (Francoise Bettencourt Meyers) แห่ง L’Oréal ที่มีมูลค่าทรัพย์สินโดยประมาณที่ 5.29 หมื่นล้านเหรียญ และ อลิซ วอลตัน (Alice Walton) ทายาทห้างสรรพสินค้า Walmart ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 4.5 หมื่นล้านเหรียญ และด้วยมูลค่าหุ้นนี้ ก็มีแนวโน้มที่จะส่งให้แม็กเคนซีรั้งตำแหน่ง มหาเศรษฐีอันดับที่ 26 ของโลก เบียด ฟิล ไนท์ (Phil Knight) ผู้ก่อตั้ง Nike ที่ ณ วันที่เบซอสประกาศโอนหุ้นให้อดีตภรรยา ไนท์มีมูลค่าทรัพย์สินราว 3.44 หมื่นล้านเหรียญ ใครคือแม็กเคนซี? ก่อนหน้านี้เราอาจเห็นภาพแม็กเคนซีออกงานสังคมคู่กับเจฟฟ์ผู้เป็นอดีตสามีอยู่หลายครั้ง แต่จริง ๆ แล้ว แม็กเคนซีเป็นคนขี้อาย เธอเติบโตในซานฟรานซิสโก พ่อของเธอเป็นนักวางแผนการเงิน ส่วนแม่เป็นแม่บ้านที่มีความสุขกับการทำอาหารและตกแต่งบ้าน แม็กเคนซีเป็นคนที่รักการอ่านหนังสือและสามารถหมกตัวอยู่ในห้องนอนได้เป็นชั่วโมง ๆ เพื่ออยู่กับการเขียนหนังสือที่เธอรัก การอ่านและการเขียนนี่เองที่เป็นแรงผลักให้แม็กเคนซีเลือกเรียนด้านวรรณกรรมที่ Princeton University และได้เรียนในชั้นเรียนของ โทนี มอร์ริสัน (Toni Morrison) นักเขียนเจ้าของรางวัลโนเบล ซึ่งมอร์ริสันเคยกล่าวว่าแม็กเคนซี “เป็นหนึ่งในนักเรียนที่เยี่ยมยอดที่สุดในคลาสการเขียนเชิงสร้างสรรค์” เธอจบการศึกษาในปี 1992 ซึ่งเป็นเวลาราว 6 ปีหลังจากที่เจฟฟ์จบด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ปีเดียวกันนั้น แม็กเคนซีย้ายไปนิวยอร์กซิตีเพื่อหางาน เธอสมัครงานตำแหน่งผู้ช่วยนักวิจัยในบริษัทกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อ D.E. Shaw ซึ่งเจฟฟ์ทำงานอยู่ และเป็นเจฟฟ์ที่เป็นคนสัมภาษณ์แม็กเคนซี เมื่อบริษัทตัดสินใจรับเธอเข้าทำงาน ห้องทำงานของเธอก็อยู่ใกล้กับเจฟฟ์ แล้วกามเทพก็แผลงศร ทั้งคู่เริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน “ฉันได้ยินเสียงหัวเราะแสนวิเศษของเขาตลอดทั้งวัน” เธอบอกนิตยสาร Vogue ในปี 2013 “แล้วคุณจะไม่ตกหลุมรักเสียงหัวเราะนั้นได้ยังไงล่ะ?” กระทั่งวันหนึ่ง แม็กเคนซีรวบรวมความกล้าชวนเจฟฟ์ออกไปรับประทานมื้อเที่ยง และหลังจากออกเดทได้ 3 เดือน ทั้งคู่ก็ตกลงหมั้นหมาย จากนั้นอีก 3 เดือนทั้งคู่ก็แต่งงานกันในปี 1993 ตอนนั้นแม็กเคนซีอายุ 23 ปี ส่วนเจฟฟ์อายุ 29 ปี “ผมคิดว่าภรรยาของผมเป็นผู้หญิงที่มีความคิดริเริ่มและแก้ปัญหาได้ดี เธอฉลาด มีหัวคิด และฮ็อตด้วย” เจฟฟ์บอก ไม่นาน เจฟฟ์ก็มีไอเดียอยากทำธุรกิจของตัวเอง แม็กเคนซีเข้าใจและอยู่เคียงข้างคอยสนับสนุน เจฟฟ์ตัดสินใจลาออกจากงาน แล้วทั้งสองก็ย้ายจากนิวยอร์กซิตีไปซีแอทเทิล แล้วเจฟฟ์ก็เริ่มต้น Amazon จากโรงรถของเขาในฤดูร้อนปีนั้นเอง “ฉันเหมือนคนที่ถูกล็อตเตอรีเลยค่ะ” แม็กเคนซีเคยให้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จของเจฟฟ์ เพราะ Amazon เติบโตเกินกว่าที่ใครจะคาดการณ์ “นั่นทำให้ชีวิตของฉันมีความพิเศษหลายอย่าง แต่ไม่ใช่เพราะความสำเร็จของเขาเท่านั้นนะคะ เพราะฉันมีครอบครัวที่แสนพิเศษที่เชื่อในการศึกษาและไม่เคยตั้งคำถามกับฉันเลยว่าฉันจะเป็นนักเขียนได้หรือไม่ รวมถึงความจริงที่ว่าฉันมีคนรักที่ฉันก็รักเขามาก ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่นิยามตัวฉันค่ะ” ควบคู่กับการเป็นคุณแม่ลูก 4 แม็กเคนซียังคงไม่ละทิ้งความฝันในการเป็นนักเขียน ในปี 2005 เธอออกนวนิยายเล่มแรก “The Testing of Luther Albright” เป็นนวนิยายเชิงจิตวิทยา เล่าถึง ลูเธอร์ อัลไบรท์ ชายที่พยายามออกแบบครอบครัวให้เป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็น แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่วาดไว้ แม็กเคนซีเคยกล่าวว่าต้องใช้เวลาถึง 10 ปี เพราะต้องดูแลครอบครัว และต้อง “เสียน้ำตาจำนวนมาก” ระหว่างการเขียนนวนิยายเล่มนี้ แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้เธออิ่มใจ เพราะนวนิยายเล่มแรกของเธอสามารถคว้ารางวัล American Book Award ไปครองได้ในปี 2006 ส่วนเล่มที่ 2 คือ “Traps” ออกมาในปี 2013 ว่าด้วยเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงที่แตกต่างกัน 4 คน ใน 4 วัน ใช้ฉากหลักเป็นลอสแอนเจลิส “เจฟฟ์เป็นนักอ่านที่ดีที่สุดของฉัน” แม็กเคนซีเล่า แล้วบอกว่าเจฟฟ์จะเคลียร์ตารางนัดหมายของเขาเพื่ออ่านนิยายของเธออย่างเดียว และให้ความเห็นที่มีประโยชน์อยู่เสมอ และเพื่อทุ่มเทให้กับการทำงานเขียนซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรักมาก ในปี 2013 เธอตัดสินใจซื้ออพาร์ตเมนต์ขนาด 1 ห้องนอน ใกล้กับบ้านของเจฟฟ์ในวอชิงตัน เพื่อเอาไว้เป็นสถานที่เขียนงานแบบที่จะไม่มีใครหรืออะไรมารบกวน แม็กเคนซียังก่อตั้งองค์กรต่อต้านการกลั่นแกล้งชื่อ Bystander Revolution ในปี 2014 โดยเธอนั่งเป็นกรรมการบริหารขององค์กร ซึ่งให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อถูกกลั่นแกล้ง รวมถึงมีคลิปวิดีโอของคนดังที่มาแชร์ประสบการณ์การถูกกลั่นแกล้งและวิธีรับมือกับเรื่องพวกนี้ ซึ่งคนดังที่มาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านคลิปวิดีโอก็มีทั้ง ซัลมา ฆาเยก และ เชลีน วูดลีย์ นักแสดงฮอลลีวูด, เจสัน มราซ นักร้องและนักแต่งเพลง, ทอม แบรดี นักกีฬาอเมริกันฟุตบอล เป็นต้น ส่วนปีที่แล้ว (2018) เจฟฟ์และแม็กเคนซีก็ประกาศว่าจะบริจาคเงิน 2 พันล้านเหรียญให้กับ Day One Fund ที่องค์กรการกุศลที่มีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือครอบครัวคนไร้บ้านและเด็กก่อนวัยเรียนในชุมชนด้อยโอกาส ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากที่เจฟฟ์ถูกวิพาษ์วิจารณ์ว่าทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมน้อยเกินไป และแม้ทั้งคู่จะแยกทางกันแล้ว แต่ก็จะช่วยกันทำกิจกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับความรักในงานเขียนของแม็กเคนซีก็จะยังดำเนินต่อไปเช่นกัน แม้ไม่มีเจฟฟ์อยู่เคียงข้างคอยให้คำแนะนำแล้วก็ตาม ที่มา https://www.cnbc.com/2019/01/09/mackenzie-bezos-could-become-one-of-the-richest-women-in-the-world.html https://www.bbc.com/news/world-us-canada-46814557 https://www.vogue.com/article/a-novel-perspective-mackenzie-bezos https://www.forbes.com/sites/angelauyeung/2019/04/04/mackenzie-bezos-to-receive-more-than-35-billion-of-amazon-stock-will-be-worlds-third-richest-woman/?fbclid=IwAR3eEy-rBBFv2rxGDkXIS-TlaMZ_23Qn3GVJ5WLLGjudqtYdutI4TXawAHg#11e697361001 หมายเหตุ: update ข้อมูล เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2019