‘เบอร์โรส์-เวลคัม’ อดีตเพื่อนรักผู้ให้กำเนิด Hazeline Snow ‘ครีมภูเขา’ ที่โด่งดังในยุค90

‘เบอร์โรส์-เวลคัม’ อดีตเพื่อนรักผู้ให้กำเนิด Hazeline Snow ‘ครีมภูเขา’ ที่โด่งดังในยุค90

ย้อนเส้นทาง Hazeline Snow หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า ‘ครีมภูเขา’ ซึ่งมีอายุยาวนานกว่า 133 ปี ที่เกิดจากสองเพื่อนรัก ‘ซิลาส เอ็ม. เบอร์โรส์’ และ ‘เฮนรี โซโลมอน เวลคัม’ ที่ตอนหลังเกิดความขัดแย้งจนยุติธุรกิจที่ทำร่วมกัน

  • ย้อนกลับไปยุค 90 ‘ครีมภูเขา’ หรือ Hazeline Snow เป็นครีมทาผิวที่โด่งดังเป็นอย่างมาก
  • ครีมดังกล่าวทีผู้ก่อตั้ง ได้แก่ ‘ซิลาส เอ็ม. เบอร์โรส์’ และ ‘เฮนรี โซโลมอน เวลคัม’

ถ้าหมุนเข็มย้อนเวลาพานั่งไทม์แมชชีนกลับไปในยุค 90s พอถึงช่วงเวลาหน้าหนาวที่ผิวแห้งแตกลาย หลาย ๆ คนในยุคนั้นคงจะพอคุ้นหน้าคุ้นตากับครีมป้องกันผิวแห้งแตก เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ในผลิตภัณฑ์ขวดแก้วที่มีฉลากรูป ‘ภูเขา’ จนถูกเรียกต่อ ๆ กันว่า ‘ครีมภูเขา’ อยู่บ้าง

ความจริงแล้วเจ้าครีมภูเขานี้มีชื่อว่า Hazeline Snow ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 133 ปี และมีผู้คิดค้นเป็นสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการเภสัชกรรมอังกฤษ ที่คนหนึ่งกลายเป็นชายผู้ก่อตั้ง Wellcome Trust องค์กรการกุศลทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดองค์กรหนึ่งของโลก และอีกคนหนึ่งกลายเป็นชายผู้จางหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

จุดเริ่มต้นครีมภูเขา ‘Hazeline Snow’

เมื่อ 133 ปีก่อน หรือในปี 1890 ครีมภูเขาอย่าง ‘Hazeline Snow’ ถูกคิดค้นขึ้นโดย Burroughs Wellcome & Co บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานที่ก่อตั้งขึ้นโดยเพื่อนรักสองคนจากวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ฟิลาเดลเฟียอย่าง ‘ซิลาส เอ็ม. เบอร์โรส์’ (Silas Mainville Burroughs) และ ‘เฮนรี โซโลมอน เวลคัม’ (Henry Solomon Wellcome)

ซึ่งบริษัทของพวกเขาไม่ได้คิดค้นแค่ครีมบำรุงผิวลดความแห้งแตกเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าของนวัตกรรมยาและเวชภัณฑ์อีกมากมาย ถ้าเปรียบเทียบกัน ชื่อของเฮนรี โซโลมอน เวลคัม ย่อมเป็นที่รู้จักมากกว่าในฐานะผู้ก่อตั้ง Burroughs Wellcome & Co ที่ในภายหลังได้ควบรวมกับ 4 บริษัทใหญ่กลายเป็น GSK บริษัทยาข้ามชาติที่มีรากฐานอยู่ในลอนดอน และที่สำคัญที่สุดเขายังเป็นมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Wellcome Trust องค์กรการกุศลทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดองค์กรหนึ่งของโลก 

แต่เราจะเริ่มเล่าเรื่องของสองเพื่อนรักผู้สร้างประวัติศาสตร์วงการยาจากคนที่ดูเหมือนจะจางหายไปในหน้าประวัติศาสตร์อย่าง ‘ซิลาส เอ็ม. เบอร์โรส์’ ก่อน

เด็กกำพร้าผู้มีพลังงานสูง

ย้อนกลับไปในปี 1846 ‘ซิลาส เอ็ม. เบอร์โรส์’ เป็นเด็กที่เกิดในตระกูลนักการเมืองที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลในเมืองทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก่อนจะเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกันในตอนที่เขาอายุยังไม่ครบ 12 ปีดี ทำให้เบอร์โรส์กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ร่ำรวยมหาศาลจากมรดก

เขาเริ่มต้นชีวิตในถนนยาและเวชภัณฑ์ด้วยการเป็น ‘เสมียนยา’ และ ‘พนักงานขายยา’ ระหว่างนั้นเขาสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ และเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง พร้อม ๆ กับเข้าเรียนในสาขาเภสัชศาสตร์ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ฟิลาเดลเฟียที่ที่เขาได้พบกับ ‘เฮนรี โซโลมอน เวลคัม’ ก่อนจะเรียนจบออกมาเป็น ‘ตัวแทนยา’ ของผู้ผลิตยารายใหญ่ในยุโรปอย่าง ‘John Wyeth & Brother’ และเดินทางไปทั่วทั้งยุโรปในขณะที่มีอายุ 32 ปี 

เบอร์โรส์เป็นมนุษย์ประเภทมีพลังงานสูง ชอบทำงานหนัก และแสวงหาความก้าวหน้า ทำให้เห็นโอกาสมหาศาลจากการนำเข้ายาเม็ดสู่อังกฤษและยุโรป จึงตัดสินใจตั้ง SM Burroughs and Co. บริษัทเวชภัณฑ์และอาหารเสริมที่เน้นทำการตลาดในหมู่แพทย์และแจกตัวอย่างฟรีเพื่อโปรโมตสินค้า 

แต่หากอยากยึดครองตลาดลอนดอนเอาไว้ให้ได้ เบอร์โรส์รู้ดีว่า เขาจำเป็นจะต้องมีคนช่วยทำงาน นี่จึงเป็นเวลาที่เส้นทางของเบอร์โรส์และเวลคัมมาบรรจบกันอีกครั้ง

เด็กมากพรสวรรค์จากครอบครัวชาวนา

ขณะที่ชีวิตของเวลคัมแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทของเขา โดยเวลคัมเกิดในครอบครัวชาวนาและนักเทศน์ในเมืองเล็ก ๆ ของรัฐมินนิโซตา เริ่มต้นเส้นทางความสนใจทางด้านยาจากหน้าที่ดูแลคนเจ็บที่ลุงของเขาเป็นคนมอบหมายให้ทำ ในเหตุการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ระหว่างชนพื้นเมืองและผู้อพยพย้ายถิ่นฐานที่ทำให้มีผู้ถูกสังหารมากกว่า 2,000 คน ตอนที่เขาเพิ่งมีอายุได้ 8 ปี

หลังจากนั้นได้รับการศึกษาที่ดีตลอดชีวิตวัยเรียนไปพร้อม  ๆ กับทำงานในร้านขายยาที่ติดกับคลินิกของลุง ก่อนจะย้ายรัฐไปฟิลาเดลเฟียและเรียนจบสาขาเภสัชศาสตร์จากวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ฟิลาเดลเฟีย 

หลังจากนั้นได้ย้ายไปทำงานกับบริษัทยาชั้นนำหลายเจ้าจนเป็นที่รู้จักจากพรสวรรค์ในการโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น Caswell Hazard & Co. ในนิวยอร์ก หรือ McKesson & Robins ที่เขาขยับพื้นที่ทำงานออกไปในโซนอเมริกาใต้ ก่อนชีวิตเขาจะเปลี่ยนเส้นทางเมื่อเบอร์โรส์เพื่อนที่เรียนวิทยาลัยมาด้วยกันจะชวนเขามาทำธุรกิจร่วมกัน ก่อตั้งบริษัทจนเป็นที่มาของ Burroughs Wellcome & Co

ร่วมสร้างประวัติศาสตร์วงการยา ก่อนถึงจุดตัดของความสัมพันธ์

หลังจากก่อตั้งในปี 1880 Burroughs Wellcome & Co ประสบความสำเร็จในการนำเข้ายาจากอเมริกาอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เพราะภาษีมหาศาลทำให้เบอร์โรส์และเวลคัม ตัดสินใจเริ่มผลิต ‘ยาเม็ด’ ที่ถือว่าเป็นของใหม่ในอังกฤษในเวลานั้น เพราะความสะดวกของยาเม็ดที่แจกจ่ายสะดวกและแม่นยำ ยาเม็ดภายใต้ชื่อแบรนด์ ‘Tabloid’ ที่มาจากคำว่า tablet + alkaloid จึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว สามารถขยายโรงงานและซื้อโรงงานใหม่เพิ่มกำลังผลิต 

นอกจากนี้ยังได้ออกผลิตภัณฑ์หลายตัว รวมถึง ‘Hazeline Cream’ และ ‘Hazeline Snow’ ครีมบำรุงผิวที่มีสารสกัดวิชฮาเซลที่ผลิตออกจำหน่ายครั้งแรกในปี 1890 โดยสารสกัดดังกล่าวมีสรรพคุณที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามหลายคนยอมรับว่า ต้านการอักเสบ, สมานแผล, แก้คัน และแก้ผิวหนังอักเสบ

ด้วยคุณสมบัติที่ครอบคลุม บวกกับราคาไม่แพง ทำให้ครีมทั้งสองตัวได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นยาสามัญประจำบ้านที่เกือบทุกบ้านต้องมีไว้ (ตอนหลัง Hazeline Cream หยุดการผลิต)  

หลังประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เส้นทางของพวกเขาก็เดินมาถึงจุดตัด เมื่อบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของเบอร์โรส์และเวลคัม ทำให้พวกเขามีความขัดแย้งหลายครั้งที่ขยายขนาดขึ้น จนนำไปสู่การพูดคุยกันผ่านทนาย ความพยายามหาหุ้นส่วนใหม่ แม้กระทั่งข้อตกลงเลิกกิจการ 

แต่ก่อนความขัดแย้งจะเดินทางถึงจุดสิ้นสุด ในปี 1895 ‘เบอร์โรส์’ ก็จากโลกนี้ไปด้วยอาการปอดอักเสบในวัย 49 ปีเท่านั้น และ Burroughs Wellcome & Co ก็กลายเป็นของเวลคัมแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งบริษัทภายใต้การดูแลของเขาเติบโตและได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ ตลอดจนนวัตกรรมนับไม่ถ้วน อย่างเช่น วัคซีนบาดทะยัก คอตีบ ฯลฯ ไปจนถึงการก่อตั้งโรงงาน ห้องทดลอง และสถาบันวิจัยทั่วโลก 

เวลคัมเสียชีวิตในปี 1936 เขาได้ยกหุ้นทั้งหมดเพื่อใช้ในการจัดตั้ง Wellcome Trust กองทรัสต์เพื่อให้ทุนสนับสนุนการวิจัยด้านชีวการแพทย์ ที่ปัจจุบันกลายเป็นองค์กรการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร และองค์กรการกุศลด้านการวิจัยทางการแพทย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รวมถึงยังได้ก่อตั้ง Wellcome Collection พิพิธภัณฑ์ รวบรวมวัตถุและหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การแพทย์หลายล้านชิ้น

ชื่อของเขาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ ในขณะที่หลาย ๆ คนในวงการเภสัชกรรมมองว่าชื่อของเพื่อนเขาจางหายไประหว่างทางอันยาวนานหลังจากไปด้วยอายุ 49 ปี จนต้องมีการจัดทำชีวประวัติขึ้นใหม่ 

ส่วน ‘Hazeline Snow’ ผลิตภายใต้ ‘Burroughs Wellcome & Co จนถึงปี 1970 ก่อนจะย้ายไปผลิตภายใต้บริษัทของ Unilever ก่อนจะหยุดผลิตในปี 2014 และกลับมาผลิตอีกครั้ง ภายใต้การดูแลของ Unilever China ในปี 2018 โดยไม่ได้ใช้สูตรเดิมอีกต่อไป

.

ภาพ : cosmeticsandskin, Wikipedia

.

อ้างอิง 

.

cosmeticsandskin

pharmaceutical

ncbi

pmj

collection