‘เจนเซ่น หวง’ เด็กที่เคยลี้ภัยสงคราม ฝันอยากประสบความสำเร็จ สู่การเป็นนักปั้น ‘Nvidia’ ธุรกิจล้านล้านดอลลาร์ .

‘เจนเซ่น หวง’ เด็กที่เคยลี้ภัยสงคราม ฝันอยากประสบความสำเร็จ สู่การเป็นนักปั้น ‘Nvidia’ ธุรกิจล้านล้านดอลลาร์  .

‘เจนเซ่น หวง’ (Jensen Huang) เด็กลี้ภัยสงคราม อพยพย้ายมาเมืองไทยและถูกส่งตัวไปสหรัฐอเมริกา เขาเคยถูกเพื่อนในโรงเรียนดัดนิสัยแกล้งตอนเด็ก แต่ก็ผ่านมาได้ จนวันนี้เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Nvidia ธุรกิจที่มีมูลค่าหลักล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

  • ‘เจนเซ่น หวง’ (Jensen Huang) และครอบครัวต้องลี้ภัยสงครามเวียดนาม โดยอาศัยอยู่ในเมืองไทยระยะหนึ่ง
  • เจนเซ่น หวง และน้องชาย ถูกส่งตัวไปสหรัฐอเมริกา หลังจากที่สงครามปะทุรุนแรงขึ้น
  • ก่อนที่เขาจะเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจ Nvidia เคยถูกแกล้งตอนเด็ก ๆ ด้วยการบังคับให้ล้างห้องน้ำอยู่บ่อย ๆ

 

ความสำเร็จของใครหลายคนบางทีก็มีอุปสรรคระหว่างทางเกิดขึ้น เหมือนกับเรื่องราวของผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจที่มีมูลค่าในปัจจุบันกว่าล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่าง Nvidia ซึ่งผู้ร่วมก่อตั้ง ‘เจนเซ่น หวง’ (Jensen Huang) ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เผชิญปัญหาตั้งแต่เด็กจากภัยสงครามเวียดนามย้อนไปเมื่อ 48 ปีก่อน

จนวันนี้เขาสามารถปั้นธุรกิจที่ใช้ทุนเริ่มต้นต่ำกว่ามูลค่าธุรกิจในปัจจุบันอย่างมาก เรื่องราวและชีวิตของเขาน่าสนใจ ทำไม เจนเซ่น หวง ถึงเป็นบุคคลที่ทั่วโลกพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ในโลกธุรกิจ ทั้งแนวคิด มูลค่าธุรกิจ และเรื่องราวชีวิต ทุกอย่างที่หล่อหลอมกันจนทำให้เขากลายเป็น มหาเศรษฐีของโลกลำดับที่ 33 (ข้อมูล The Real-Time Billionaires List จาก Forbes)

‘เจนเซ่น หวง’ เด็กที่เคยลี้ภัยสงคราม ฝันอยากประสบความสำเร็จ สู่การเป็นนักปั้น ‘Nvidia’ ธุรกิจล้านล้านดอลลาร์  .

ความน่าสนใจของ Nvidia ไม่ใช่แค่เป็นนักพัฒนา ‘การ์ดจอ’ ที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าติดอันดับโลก ธุรกิจยังอยู่ในหลาย ๆ อุตสาหกรรมด้วย และคงไม่มีใครคาดคิดว่า เทคโนโลยีของ Nvidia ได้ถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Harry Potter และ Avatar เป็นต้น

หนีภัยสงครามตั้งแต่อายุไม่ถึง 10 ขวบ

เจนเซ่น หวง เกิดในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1963 ที่เมืองไถหนานของไต้หวัน มีน้องชาย 1 คน ตอนนั้นเป็นช่วงที่กำลังมีสงครามเวียดนามเกิดขึ้น (ช่วงปี 1955 - 1975) ด้วยสภาวะที่ไต้หวันตอนนั้นเรียกว่าไม่ปลอดภัยเลย ทำให้พ่อแม่ของเขาวางแผนอพยพทั้งครอบครัว โดยมีเป้าหมายก็คือ ‘ประเทศสหรัฐอเมริกา’

แต่ระหว่างทาง เจนเซ่น หวง ได้พักอาศัยที่เมืองไทยอยู่ระยะหนึ่ง แต่เมื่อสงครามรุนแรงขึ้น และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เวลานั้นเริ่มไม่ปลอดภัย พ่อแม่จึงตัดสินใจส่งตัวเขาและน้องชายไปสหรัฐฯ ตอนที่เขาอายุได้เพียง 9 ขวบเท่านั้น โดยส่งพวกเขาไปที่เมืองโอไนดา รัฐเคนทักกี แต่หลังจากนั้นมาไม่นานนักก็ย้ายพวกเขาทั้ง 2 ไปที่รัฐออริกอน เพราะคิดว่าอนาคตลูก ๆ จะดีกว่านี้

เมื่อความคาดหวังของพ่อแม่ที่จะเห็นลูก ๆ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี สังคมที่ดี ไม่เปิดไปตามนั้น เพราะ เจนเซ่น หวง กลายเป็นเด็กเก็บตัว เข้ากับเพื่อนยาก และถูกกลั่นแกล้งบ่อย ๆ ในโรงเรียนพิเศษที่เต็มไปด้วยเด็กมีปัญหาพฤติกรรมไม่ดีรอบตัว ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกเพื่อนแกล้งด้วยการบังคับให้ขัดห้องน้ำ

อย่างไรก็ตาม จากการถูกกลั่นแกล้งอยู่บ่อยครั้ง ช่วงเวลาแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนทำให้ เจนเซ่น หวง เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีความแกร่งกล้า และอดทนต่อปัญหาได้ดี และทำให้เขาตั้งใจเรียนมากกว่าเดิม

หลังจากนั้น เจนเซ่น หวง ได้ย้ายโรงเรียนไปที่ Aloha High School นอกเมืองพอร์ตแลนด์ในระดับชั้นเกรด 9 - 12 ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สังคมดี สิ่งแวดล้อมดี ซึ่งต่อมาเขาได้เข้าเรียนที่ Oregon State University ในระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าได้สำเร็จ

จากนั้นในปี 1992 ‘เจนเซ่น หวง’ เรียนจบในระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ด้วยวัย 30 ปี ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกของเขาตามความฝันที่อยากจะเรียนต่อด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอยากเรียนให้สูง ๆ เพราะครอบครัวลำบากมาเยอะ

‘เจนเซ่น หวง’ เด็กที่เคยลี้ภัยสงคราม ฝันอยากประสบความสำเร็จ สู่การเป็นนักปั้น ‘Nvidia’ ธุรกิจล้านล้านดอลลาร์  .

กำเนิด 'Nvidia' จาก3คน

หลังจากที่เรียนจบ เจนเซ่น หวง เลือกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากบริษัท  LSI Logic เป็นที่แรก ๆ ที่ทำงาน ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ที่เขาได้ทำงานในหลายตำแหน่ง เรียนรู้หลายหน้าที่ เช่น การตลาด วิศวกร และได้เป็นผู้จัดการทั่วไป

จากนั้นเขาได้ย้ายไปทำงานที่บริษัท Advanced Micro Devices (AMD) ในตำแหน่งผู้ออกแบบและวิศวกรรมไมโครโพรเซสเซอร์ ตั้งแต่ปี 1984 - 1985 ซึ่งปัจจุบัน AMD ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งหลักของ Nvidia ในวงการนี้ด้วย

ทั้งนี้ จุดเปลี่ยนในชีวิตของ เจนเซ่น หวง เกิดขึ้นอีกครั้ง ด้วยความหลงใหลโลกของ AI และเกมคอมพิวเตอร์ของ เจนเซ่น หวง มากขึ้น เขาตัดสินใจลาออกและเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในปี 1993 ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ก็คือ Chris Malachowsky และ Curtis R. Priem อดีตพนักงานบริษัท Sun Microsystems

นั่นก็คือ ‘Nvidia’ ให้เป็นบริษัทที่พัฒนาชิปเซตประมวลผลกราฟิก (GPU) ตอนนั้นกระแสและความต้องการมากขึ้น ซึ่งพวกเขาทั้ง 3 เห็นโอกาสนี้ตรงกัน จึงร่วมเงินลงทุนก่อตั้ง Nvidia ด้วยเงินจำนวน 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ พวกเขาสามารถเปิดตัว ‘การ์ดจอ’ ตัวแรกของโลกได้ในปี 1999 ชื่อว่า ‘Nvidia GeForce 256’ ซึ่งในปีเดียวกันนั้น Nvidia สามารถนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ได้สำเร็จ

เป้าหมายของ Nvidia ชัดเจนก็คือ การพัฒนาคอนโซลวิดีโอเกมเพื่อการประมวลผลกราฟิกที่หนักขึ้นและเร็วขึ้นได้ เป็นอุปกรณ์ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน จากสเกลธุรกิจขนาดสตาร์ทอัพ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง Nvidia ได้ทำสัญญากับ Microsoft ในการพัฒนาฮาร์ดแวร์กราฟิกสำหรับ Xbox และยังคงร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง

อย่างเมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมาที่ Microsoft และ Nvidia ได้ตกลงร่วมกันเป็นพาร์ตเนอร์ธุรกิจระยะ 10 ปี เพื่อนำเกมจาก Xbox มาลงแพลตฟอร์มคลาวด์เกมมิ่ง GeForce NOW ของ Nvidia

‘เจนเซ่น หวง’ เด็กที่เคยลี้ภัยสงคราม ฝันอยากประสบความสำเร็จ สู่การเป็นนักปั้น ‘Nvidia’ ธุรกิจล้านล้านดอลลาร์  .

ปัจจุบัน Nvidia เป็นอีกหนึ่งบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามากที่สุดในสหรัฐฯ โดยมูลค่าธุรกิจแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับหลาย ๆ บริษัทของสหรัฐฯ เช่น Apple, Microsoft, Alphabet และ Amazon (เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023)

สำหรับ เจนเซ่น หวง เขาไม่ได้มุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจสร้างรายได้อย่างเดียว แต่ในมุมมหาเศรษฐีใจบุญก็ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ เช่น บริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดจำนวน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับ ‘ศูนย์วิศวกรรม’ ของมหาวิทยาลัย เป็นต้น

ทั้งนี้ ในมุมของนักธุรกิจทั่วโลก หลายคนชื่นชมความสามารถและความพยายามของ เจนเซ่น หวง จนไปถึงแนวคิดที่น่าสนใจของเขาในการใช้ชีวิตและทำธุรกิจ ซึ่งหลายครั้งที่เขาให้สัมภาษณ์มักจะทิ้งท้ายข้อคิดไว้

เช่น “เราควรจะเลือกธุรกิจที่มีตลาดขนาดใหญ่มากพอ เพราะตลาดที่เล็กเกินไปมักจะไม่มีนักลงทุนสนใจ เพราะโอกาสได้เงินต้นคืนมันน้อยมาก” หรือ “เราควรโฟกัสที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น และมากขึ้นอีก จนกว่าเราจะได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีพอ”

และนี่คือบางประโยคตัวอย่างจาก ‘เจนเซ่น หวง’ ที่เราอยากหยิบมาเล่าต่อ ในฐานะที่เป็นทั้งนักสู้ชีวิต นักประดิษฐ์ที่ผลงานได้รับการยอมรับ สู่บุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน

 

ภาพ : Getty Images/ NikTek YouTube

อ้างอิง :

Nvidianews

Ilctr

History-computer

Forbes [1]

Forbes [2]

The Verge