09 ก.ค. 2567 | 18:11 น.
KEY
POINTS
ถ้าพูดถึงต้นกำเนิดของแบรนด์แฟชั่นระดับโลก ‘ปารีส’ ก็คือหนึ่งในเมืองที่หลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับแบรนด์ ‘Goyard’ แบรนด์กระเป๋าที่ส่งตรงจากปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศสที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1792 ในฐานะแบรนด์ผลิตกล่องใส่ของและกระเป๋าเดินทาง
ผ่านมา 232 ปี Goyard ยังคงเป็นแบรนด์หรูที่โลดแล่นและโดดเด่นในวงการแฟชั่น ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย แต่ยังคงความดั้งเดิมและความเป็นตัวเองได้ดี
ด้วยคุณภาพทนทาน แข็งแรง กันน้ำ และมีลายแพตเทิร์นตัว Y เรียงตัวกันตลอดตัวผลิตภัณฑ์ ผลิตแบบจำกัดจำนวนชิ้น ก็ทำให้สาวกแฟชั่นและผู้รักแบรนด์เนมต่างรอคอยคอลเลกชันใหม่ของ Goyard
และที่สำคัญเป็นแบรนด์ที่บอกว่า ‘ของดี ไม่ต้องพูดเยอะ’ เพราะแบรนด์นี้เขาไม่โฆษณาตัวเอง แต่ปล่อยให้ผู้ใช้จริงพูดและบอกต่อกันเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ Goyard เป็น Goyard ในวันนี้
ต่อจากนี้คือเส้นทางของแบรนด์กระเป๋าสัญชาติฝรั่งเศสที่เดินทางข้ามเวลาจากอดีต และยังเป็นผู้นำของวงการแฟชั่นปารีสที่อาจดูเงียบ ลึกลับ แต่ก็มีเรื่องราวมากมายให้เราค้นหา
ก่อนจะมาใช้ชื่อแบรนด์ Goyard ชื่อเดิมของแบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสในช่วงก่อตั้งแรก ๆ คือ ‘Maison Martin’ ซึ่งก่อตั้งในปี 1792
เหตุผลที่ชื่อ Maison Martin ก็เพราะเจ้าของแบรนด์คนแรก เขาชื่อ ปิแอร์-ฟรองซัวส์ มาร์ติน (Pierre-François Martin) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำกล่อง หีบห่อ และกระเป๋า จึงเป็นที่มาที่ทำให้ Maison Martin เป็นแบรนด์ที่ให้บริการหีบห่อที่ทำจากผ้าใบน้ำมัน ผ้าใบธรรมดา และรองด้วยฟาง
กล่องที่ผลิตโดยแบรนด์เก่าแก่นี้มีคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน หีบห่อเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของที่แตกง่าย เช่น หมวก เสื้อคลุม และดอกไม้ ทั้งยังเป็นผู้ผลิตกล่องใส่ของสำหรับเดินทาง ที่ห้อยเสื้อโค้ต ทั้งยังเป็นผู้จัดหาผ้าน้ำมันและผ้าใบกันน้ำในราคาที่เหมาะสม
คุณภาพที่ดีที่สุดนี้เคยเป็นที่โปรดปรานของชนชั้นสูงชาวฝรั่งเศส และได้รับเลือกเป็นผู้จัดหาสินค้าอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชินีนาถมารี-แคโรไลน์ของบูร์บง-ซิซิลีส์ ดัชเชสแห่งเมืองเบอร์รี่
ปี 1834 ร้าน Maison Martin ย้ายจากสถานที่ตั้งบนถนน Neuve des Capucines ในปารีส มาเปิดร้านที่ Saint-Honoré ย่านชอปปิงสำคัญของปารีส ที่เปิดทำการมาจนถึงทุกวันนี้
ถึงจะมีความสามารถด้านการทำกล่อง หีบห่อ แต่ชีวิตส่วนตัวมาร์ติน เขาเป็นพ่อม่าย ไม่มีบุตร ถูกจับให้แต่งงานกับหลุยส์-อองรี โมเรล (Louis-Henri Morel) พนักงานคนหนึ่ง โดยมอบธุรกิจที่เขาปลุกปั้นมาเป็นสินสอดขอแต่งงาน
11 ปีต่อมา โมเรลเปิดโอกาสให้ François Goyard เด็กหนุ่มวัย 17 ปี เข้ามาเป็นเด็กฝึกงาน และเขาก็เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ ได้รับวิชาจากมาร์ตินและโมเรล เมื่อมาร์ตินจากไป เขาก็ขึ้นมานั่งแท่นผู้บริหารเทคโอเวอร์เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น ‘Maison Goyard’
นับเป็นจุดเริ่มต้นแรกของแบรนด์หรูในปัจจุบัน ก่อนที่จะวางมือและส่งต่อธุรกิจนี้ให้กับ ‘เอ็ดมันด์ โกยาร์ด’ (Edmond Goyard) ลูกชายของเขา
หลังจากรับกิจการต่อจากพ่อ โกยาร์ดก็ลุกขึ้นมากุมบังเหียนเปลี่ยนชื่อเป็น E. Goyard Aîné เปลี่ยนหน้าร้านที่ถนน Saint-Honoré ให้เป็นร้านค้าชั้นนำดึงดูดลูกค้าจากต่างประเทศ ประกาศให้โลกรู้จักแบรนด์น้องใหม่ในงาน World Expositions พร้อมขยายสาขาอีก 3 แห่ง ตั้งสำนักงานในนิวยอร์กและลอนดอน
เริ่ม Co-brand กับแบรนด์รถชื่อดังอย่าง Rheims & Auscher เริ่มต้นแคมเปญ ‘The chicest dogs wear Goyard’ (สุนัขสุดชิคใส่ Goyard) แคมเปญที่สร้างสรรค์และสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสุดชิคของน้องหมา ปลอกคอ อุปกรณ์ดูแลขนและกระเป๋าเดินทางของน้องแมว และสินค้าอื่น ๆ สำหรับสัตว์ที่หลากหลาย
อีกหนึ่งเครื่องมือการันตีความสำเร็จของ Goyard ในฐานะแบรนด์ระดับโลก คือการที่ Goyard ได้รับสิทธิเป็นผู้จัดหาสินค้าอย่างเป็นทางการของกษัตริย์และประธานาธิบดีตามจดหมายเมื่อปี 1891 ที่ลงตราประทับซึ่งเป็นตราแผ่นดินของราชวงศ์อังกฤษ ราชวงศ์จักรวรรดิรัสเซีย และตราของสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ เอดมัน โกยาร์ด คือ ผู้ที่พาแบรนด์เข้าร่วมงาน World Exposition of Paris ในปี 1900 ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง ต่อด้วยรางวัลการันตีอีกมากมาย เช่น เหรียญทองที่ World Exposition of Milan ปี 1906, เหรียญทองที่ Franco-British Exposition of London ปี 1908 และยังได้เข้าร่วมนิทรรศการนานาชาติปานามาแปซิฟิกที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา (Panama Pacific International Exposition of San Francisco) ปี 1915 รวมถึงนิทรรศการนานาชาติด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่และศิลปะการตกแต่งแห่งปารีส (the International Exposition of Modern Industrial and Decorative Arts of Paris) ในปี 1925
โดย Goyard ยังคงเป็นที่ชื่นชอบในหมู่คนดัง และศิลปินชื่อดัง ประมุขแห่งรัฐ และราชวงศ์ต่างๆ ตลอดศตวรรษที่ 20
ปัจจุบัน ถึงคนที่ไม่เคยรู้จักแบรนด์ Goyard แต่เมื่อเห็นลายกระเป๋า ทุกคนน่าจะร้องอ๋อหรืออาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้าง
ลายที่เป็น pattern ที่ทำให้เราเห็นตัว Y ทับซ้อนกันรอบตัวผลิตภัณฑ์ ทั้งกล่อง กระเป๋า เครื่องประดับ และสินค้าอื่น ๆ ของแบรนด์นี้
นี่คือลายที่ชื่อว่า ‘Goyardine’
เบื้องหลังของการคิดค้นลายที่สะท้อนความเป็น Goyard นี้คือการได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมือง Clamecy ในเบอร์กันดี การที่ต้นกำเนิดของครอบครัวโกยาร์ด ครอบครัวที่ตั้งต้นมาจากเมือง Clamecy ในเบอร์กันดี Compagnons de Rivière หรือสหายแห่งแม่น้ำ สมาชิกชายจะต้องเป็นคนขับรถส่งไม้และฟืนจากป่าอันกว้างใหญ่ไปปารีสตามธรรมเนียมโบราณ
ตัว Y ที่เรามองเห็นเป็นตัวแทนของ Goyard จุดตัดของตัว Y แต่ละจุดสะท้อนการส่งฟืนที่เป็นอาชีพของบรรพบุรุษ
วิธีการลงลวดลาย Goyardine ลงบนผลิตภัณฑ์ของ Goyard เป็นการผสมผสานของวัสดุ 3 อย่าง คือ ใช้ผ้าลินินและผ้าฝ้ายเป็นสีพื้น แกะสลักสามชั้นติดต่อกัน สกรีนลาย ทำให้เกิดรูปนูนเป็นเอกลักษณ์ เคลือบให้ผิวกันน้ำ ส่งผลให้สินค้าทนทาน น้ำหนักเบา ยืดหยุ่น ราคาไม่แพง ดูสวย หรู และไม่ลอกง่าย
การผลิตลาย Goyardine แบบดั้งเดิมถูกยกเลิกไปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วกลับมาใช้วิธีเดิมอีกครั้งในปี 1998 ในยุคที่ เมซง ฌอง-มิเชล ซิญโญลส์ (Jean-Michel Signoles) ขึ้นมาเป็นผู้บริหาร
ในช่วงเวลาเดียวกัน ซิญโญลส์ ตัดสินใจเปิดตัวสีใหม่อีก 11 สี นอกเหนือจากสีต้นตำรับอย่างสีดำ ประกอบด้วย สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า (Sky-Blue), สีน้ำเงินกรมท่า (Navy Blue) สีเบอร์กันดี สีเทา และสีขาว ทั้งยังใช้วัสดุเงินและทองสำหรับกระเป๋าเดินทาง รวมถึงยังมีการนำเฉดสีอื่น ๆ มาทำเป็นรุ่นลิมิเต็ด ยกตัวอย่างเช่น สีชมพู ซึ่งเป็นสีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักแบรนด์ Goyard อย่างรวดเร็ว
ถึงจะมีลายที่เรียบและเป็นลายเดียวกันในสินค้าส่วนใหญ่ของ Goyard แต่การประทับตัวตนและเรื่องราวของครอบครัวลงไปนั้น ทำให้แบรนด์นี้ครองใจผู้ชม อีกทั้งยังทำให้แบรนด์ดูหรู มีเอกลักษณ์ ตะโกนความเป็น ‘Goyard’ ออกมา แม้จะไม่ได้พูดอะไรเลยก็ตาม
วันนี้ Goyard เดินทางผ่านห้วงเวลาและการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยมานานถึง 232 ปี แม้จะไม่มีการโฆษณาใด ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Goyard คือ แบรนด์หรูแถวหน้าของฝรั่งเศสไม่ต่างจากแบรนด์อื่น
กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ Goyard เดินทางมาถึงวันนี้ คือ งานคราฟต์ เรื่องเล่า และความ exclusive ที่ซ่อนอยู่ในสินค้าและแบรนด์อายุ 200 กว่าปีนี้
เริ่มจาก ‘งานคราฟต์’ หลาย ๆ สื่อบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จุดเด่นของแบรนด์ คือ ความประณีตบนลวดลายที่สลักลงบนกระเป๋าและสินค้าต่าง ๆ เทคนิคที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นที่สะท้อนให้เห็นถึงการอนุรักษ์และตัวตนของแบรนด์เอาไว้ จึงทำให้ลูกค้าหลงรักความดั้งเดิม เป็นเอกลักษณ์ที่ใคร ๆ ก็จำได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
แล้วแทนที่จะพูดตรง ๆ ว่า แบรนด์เราดีอย่างไร เปิดตัวคอลเลกชันด้วยการเปิดแฟชั่นโชว์เหมือนแบรนด์อื่น ๆ Goyard เลือกปรากฏตัวในสื่อให้น้อยที่สุด ปล่อยให้ผู้ใช้สินค้าเป็นผู้รีวิวและบอกต่อให้แทน
เพราะไม่มีใครจะรีวิวสินค้าได้ดีเท่ากับคนที่ใช้งานจริง
อีกทั้งประวัติศาสตร์อันแสนยาวนานของ Goyard ก็ถือเป็นเรื่องราวซื้อใจผู้บริโภค ทำให้มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ เพราะมันคือการเน้นย้ำความขลัง ความประณีต และคุณค่าที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น สร้างอารมณ์ร่วมระหว่างแบรนด์กับสินค้าให้เดินไปด้วยกัน
นอกจากนี้ ถ้าพูดตามภาษาการตลาด Product Placement ก็ถือว่า Goyard ทำได้ดี เพื่อเจาะกลุ่มตลาดคนที่รักแบรนด์หรูและมีความหลงใหลเรื่องแฟชั่น เขาเลือกกระจายสาขา 60 สาขาทั่วโลกตามห้างสรรพสินค้าระดับ High-End ร้านปลอดภาษีในสนามบิน และเรือสำราญ
เว็บไซต์ The Brand Hopper เคยวิเคราะห์กลยุทธ์ของแบรนด์นี้ไว้ว่า มีความใกล้เคียงกับแบรนด์ระดับพรีเมียม เพื่อให้มั่นใจว่า สามารถเจาะกลุ่มและเข้าถึงลูกค้าที่มีรสนิยมและความชอบที่คล้ายคลึงกัน
รวมถึงการทำให้สินค้าเป็น ‘Rare Item’ หรือเป็นของหายาก
สินค้าแต่ละรุ่น แต่ละคอลเลกชัน ผลิตออกมาในจำนวนจำกัด ทำให้แบรนด์ดูแตกต่าง มีเอกลักษณ์ สินค้าดูมีคุณค่า และเพิ่มความต้องการของตลาด ถูกใจลูกค้าประจำและผู้ที่หลงรักแบรนด์หรูได้ด้วย
นี่คือเส้นทางราว 200 กว่าปีของแบรนด์ ‘Goyard’ ที่ต่อให้เวลาจะผ่านไปแค่ไหน ก็ยังคงเอกลักษณ์ความดั้งเดิม ครองใจสายแฟชั่นไว้อยู่หมัดจากรุ่นสู่รุ่น
แบรนด์ที่ไม่ต้องโฆษณา ไม่มีแฟชั่นวีค ไม่มี Brand Ambassador แต่ก็เดินทางผ่านห้วงเวลามาได้อย่างมั่นคง
เหมือนที่ครั้งหนึ่งที่ตัวแทนจากแบรนด์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า พวกเขาคือแบรนด์ที่เชื่อในตัวเอง
“เราเชื่อในการเป็นตัวของตัวเอง เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง และเป็นตัวเราในแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้”
ภาพ : อินสตาแกรม goyardofficial
อ้างอิง :
The History of the Iconic Goyard Brand / madisonavenuecouture
Allured by Mystery: The Appeal Behind Goyard / svasalife
The Secret Behind Goyard’s Success / pursebop
Goyard Marketing Strategy 2024: A Case Study / TheBigMarketing
Marketing Strategies And Marketing Mix Of Goyard / The Brand Hopper
THE ELUSIVE FRENCH LABEL TALKS TO HYPEBEAST MAGAZINE IN A RARE INTERVIEW / HYBEBEAST