‘DHL’ จากเงินกู้ กยศ. สู่อาณาจักรโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่

‘DHL’ จากเงินกู้ กยศ. สู่อาณาจักรโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่

เปิดตำนานบริษัทขนส่งระดับโลก DHL จากสามหนุ่มผู้เริ่มต้นธุรกิจด้วยทุนน้อยนิด สู่อาณาจักรโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ที่มีเครือข่าย ทั่วโลก

KEY

POINTS

  • DHL เริ่มต้นจากนวัตกรรมการขนส่งเอกสารทางเครื่องบินเพื่อประหยัดเวลาดำเนินพิธีศุลกากร ก่อนขยายสู่ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนระหว่างประเทศ 
  • ผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คน เอเดรียน ดัลซีย์, แลร์รี ฮิลล์บลอม และโรเบิร์ต ลินน์ เริ่มธุรกิจด้วยทุนน้อยและรถเพียงคันเดียว 
  • ปัจจุบัน DHL มีเครื่องบิน 250 ลำ รถยนต์ 32,000 คัน พนักงาน 600,000 คน ใน 220 ประเทศ ด้วยรายได้เฉลี่ยปีละ 8 หมื่นล้านดอลลาร์

ในยุคปัจจุบัน เชื่อว่าทุกคนต้องคุ้นเคยกับบริษัทขนส่งพัสดุชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น Kerry, FLASH, J&T, LALAMOVE, Line Man 

แต่หากถอยกลับไป ไม่ต้องถึงยุค รสพ. (องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์) ที่ปิดตัวไปแล้ว หรือการส่งของผ่าน บขส. หรือรถทัวร์ในอดีต เอาแค่ยุคกลาง ๆ นิ่มซี่เส็ง, B.S. หรือ EMS (ไปรษณีย์ไทย) หลายคนคงพอจะนึกออก ที่บริษัทขนส่งแบบไทย ๆ ต้องต่อกรกับยักษ์ขนส่งระดับโลกที่มาตั้งฐานธุรกิจในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น UPS, DHL, FedEX, TNT, DPD ซึ่งล้วนเป็นบรรษัทข้ามชาติที่ทรงอิทธิพล

UPS, DHL, FedEX, TNT, DPD เป็นอักษรย่อที่เป็นแบรนด์ระดับโลกในธุรกิจรับส่งพัสดุภัณฑ์ข้ามทวีปไปยังประเทศต่าง ๆ แม้สนนราคาจะแพงแสนแพง แต่ด้วยความจำเป็น และความน่าเชื่อถือของบริการระดับสากล ทำให้หลายคนไม่ลังเลที่จะใช้บริการยักษ์เหล่านี้

The People ในตอนนี้ จะขออาสาพาไปเจาะลึกหนึ่งในบรรษัทขนส่งที่ทรงอิทธิพลของโลก ผ่านสามผู้ก่อตั้งที่ใช้นามสกุลมารวมกันสร้างแบรนด์ขนส่งอมตะที่มีสาขาครอบคลุมทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งยังมีบริการรับส่งพัสดุภายในประเทศ เรากำลังพูดถึงบริษัท ‘DHL’

Dalsey-Hillblom-Lynn 3 ตำนานผู้ก่อตั้งบริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่

DHL ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1969 โดย ‘เอเดรียน ดัลซีย์’ (Adrian Dalsey), ‘แลร์รี ฮิลล์บลอม’ (Larry Hillblom) และ ‘โรเบิร์ต ลินน์’ (Robert Lynn) โดยแบรนด์หรือโลโก้ของ DHL คือการนำอักษรตัวแรกจากนามสกุลของทั้งสาม มาเรียงต่อกัน
 

DHL เริ่มทำธุรกิจจากการรับ-ส่งเอกสารเกี่ยวกับการขนส่งทางเรือ โดยรับดำเนินขั้นตอนการเดินพิธีศุลกากรล่วงหน้าทางเครื่องบิน จากเมืองซานฟรานซิสโกไปยังโฮโนลูลู ก่อนที่เรือสินค้าจะเข้าเทียบท่า ทำให้ประหยัดเวลาในการขนถ่ายสินค้าทางเรือไปได้อย่างมาก

ในเวลาต่อมา DHL ได้เพิ่มอุตสาหกรรมใหม่ คือธุรกิจการขนส่งพัสดุด่วนทางอากาศระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการขนส่งเอกสารและพัสดุไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็วโดยเครื่องบินของตัวเอง

แม้จะเป็นบรรษัทสัญชาติเยอรมนี ทว่าเครือข่ายของ DHL กลับเติบโตต่อเนื่องอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ

โดยมีการขยายธุรกิจจากฝั่งตะวันตกของอเมริกาคือฮาวาย ไปจนถึงฝั่งตะวันออก และคาบสมุทรแปซิฟิก ต่อเนื่องไปยังตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป เอเชียตะวันออก และอาเซียน

เรียกได้ว่า ในปัจจุบัน DHL มีเครือข่ายทั่วทุกมุมโลก

จากเด็ก กยศ. สู่เจ้าสัวธุรกิจขนส่งระดับโลก

ในปี ค.ศ. 1969 เอเดรียน ดัลซีย์, แลร์รี ฮิลล์บลอม และโรเบิร์ต ลินน์ 3 เพื่อนรักตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจด้วยกัน จากเงินทุนอันน้อยนิดที่พวกเขามีในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา

แลร์รี ฮิลล์บลอม เริ่มต้นอาชีพในสายงานโลจิสติกส์ที่ Matson Navigation ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 แลร์รี ฮิลล์บลอม เคยรับส่งพัสดุระหว่างสนามบินให้กับ Michael's, Poe & Associates 

เขาจึงชวน เอเดรียน ดัลซีย์ ซึ่งขณะนั้นเรียนจบแล้ว มาทำงานเป็นเซลแมน โดย แลร์รี ฮิลล์บลอม มีแนวคิดที่จะให้บริการจัดส่งที่รวดเร็วยิ่งขึ้น DHL จึงก่อตั้งขึ้นโดยมีเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากโฮโนลูลู ฮาวาย ไปยังซานฟรานซิสโก
 

ต่อมา เอเดรียน ดัลซีย์ ได้ชวนเพื่อนรักคือ โรเบิร์ต ลินน์ มาเข้าหุ้น โดยนำเงินจากกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษามาเปิดบริษัท ทั้งสามเริ่มต้น DHL ด้วยความมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายไปทั่วโลกให้สำเร็จภายในเวลาอันสั้น

ในช่วงเริ่มต้นพวกเขาขับรถ Plymouth Duster ไปทั่วซานฟรานซิสโกเพื่อไปรับซองเอกสารและกล่องพัสดุ รวมถึงบรรดากระเป๋าเดินทางทั้งหลาย จากนั้นรีบบึ่งไปที่สนามบินเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ โดยใช้นวัตกรรมที่พวกเขาคิดค้นขึ้น

นั่นคือ ‘บัตรเครดิตขององค์กร’ 

พวกเขาเริ่มหาคนส่งของใหม่ ๆ มาร่วมงานกับบริษัท เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ‘แม็กซ์’ และ ‘แบลนช์ โครลล์’ เป็นพนักงานกลุ่มแรกของ DHL ที่เติบโตมาร่วมกับเอเดรียน ดัลซีย์, แลร์รี ฮิลล์บลอม และโรเบิร์ต ลินน์

ในยุคของพวกเขา ชายหนุ่มเหล่านี้อาจไม่เคยคิดว่าพวกเขาเป็นผู้ร่วมปฏิวัติอุตสาหกรรมนี้ แม้ว่าในช่วงทศวรรษ 1970 บริการของ DHL จะขยายไปทั่วโลก

แม้ปัจจุบัน DHL จะตกอยู่ในมือ ‘Deutsche Post’ เครือบรรษัทข้ามชาติสัญชาติเยอรมัน เนื่องจาก DHL ปิดตัวลงเนื่องจากภาวะล้มละลายในปี ค.ศ. 1983 ในช่วงรุ่งเรืองที่สุด DHL มีพนักงาน ผู้บริหาร และนักบินเพียง 100 คนเท่านั้น แต่สามารถสร้างความรุ่งโรจน์ให้เกิดขึ้นได้

แม้ว่าเหล่าผู้ก่อตั้งจะเสียชีวิตไปแล้ว และปีนี้ถือเป็นปีที่ 56 ของการดำเนินธุรกิจทั่วโลก ปัจจุบัน DHL เป็นเจ้าของเครื่องบิน 250 ลำ รถยนต์ 32,000 คัน และพนักงาน 600,000 คนใน 220 ประเทศ ท่ามกลางสินทรัพย์กว่า 8 หมื่นล้านยูโร

รายได้ของ DHL คาดว่าจะอยู่ที่พันล้านดอลลาร์ทุกปี ในปี ค.ศ. 2023 DHL บันทึกรายได้ไว้ที่ 81.8 พันล้านยูโร และในปี ค.ศ. 2022 อยู่ที่ 94.4 พันล้านยูโร

ปัจจุบัน DHL เป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งระหว่างประเทศ บริการจัดส่งพัสดุ และการขนส่งทั่วโลก

เอเดรียน ดัลซีย์ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1914 และเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1994 (อายุ 79 ปี) เขาแต่งงานกับ ‘มาร์จอรี ชุตต์ ดัลซีย์’ และมีลูกด้วยกันสองคน คือ ‘โจ’ ลูกชาย และ ‘เจนนิเฟอร์’ ลูกสาว เขายังมีลูกชายอีกคนชื่อ ‘แฮร์รี ดัลซีย์’ หลังจากหย่าร้างกับมาร์จอรี ภรรยาของเขา

แลร์รี ฮิลล์บลอม เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1943 และหายตัวไปในปี ค.ศ. 1995 (อายุ 52 ปี) หลังจากที่เขาหายตัวไป กองมรดกต้องจ่ายเงิน 360 ล้านเหรียญให้แก่เด็ก 4 คนที่เกิดจากการท่องเที่ยวแบบ ‘เซ็กซ์ทัวร์’ ของเขา ตามประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โรเบิร์ต ลินน์ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1920 และเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1998 (อายุ 78 ปี) เขาเป็นผู้ก่อตั้งที่เสียชีวิตคนสุดท้าย ก่อนถึงแก่กรรม เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา

เข้าสู่อ้อมอก Deutsche Post

ตอนที่ ‘Deutsche Post’ ได้เริ่มรุกเข้าสู่ธุรกิจขนส่งข้ามชาติ ได้เข้าซื้อกิจการ ‘Danzas Group’ ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งอายุเก่าแก่กว่า 180 ปีของสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีเครือข่ายใน 150 ประเทศ ตามด้วย ‘Air Express International Corporation’ บริษัทขนส่งสินค้าทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีเครือข่ายใน 125 ประเทศ

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2002 Deutsche Post ได้เข้าซื้อหุ้นของ DHL เพิ่มจากผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง ‘Lufthansa’ และ ‘Japan Airlines’ โดยในที่สุด Deutsche Post ก็ได้เป็นเจ้าของ DHL ทั้งบริษัท จึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า ‘Deutsche Post DHL Group’ ทำให้สำนักงานใหญ่ของ DHL ย้ายมาอยู่ที่กรุงบอนน์ เมืองทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี

โดยในปัจจุบัน DHL มีสายการบินเป็นของตัวเองจำนวน 6 สายการบิน ได้แก่

  1. European Air Transport Leipzig (EAT Leipzig)
  2. DHL Air UK
  3. DHL Aero Expresso
  4. SNAS/DHL
  5. Blue Dart Aviation
  6. DHL Air Austria

นอกจากนั้นก็ยังมีสายการบินย่อย และสายการบินพันธมิตร อีก 15 สายการบิน ทำให้รวม ๆ แล้ว ในตอนนี้ DHL มีเครื่องบินขนส่งสินค้าในมือทั้งหมด 280 ลำ สำหรับให้บริการใน 220 ประเทศ และส่งพัสดุมากกว่า 1,600 ล้านชิ้นต่อปี

สำหรับในบ้านเรา DHL ได้เข้ามาเปิดบริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1971 ก่อนจะมาเปิดสำนักงานใหญ่แห่งแรกในประเทศไทยในปี ค.ศ.1990 

การแข่งขันอันดุเดือดระหว่าง DHL, UPS และ FedEX

เชื่อว่าทุกวันนี้ คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก DHL แบรนด์ขนส่งที่ใหญ่ที่สุดของโลก ปัจจุบัน DHL มีรายได้เฉลี่ย 8 หมื่นล้านดอลลาร์ มีการขนส่งสินค้ามากกว่า 1.5 พันล้านชิ้น/ปี ดร. แฟรงค์ อัพเพล (Frank Appel) CEO คนปัจจุบันของ DHL และเคน อัลเลน (Ken Allen) หัวหน้าแผนก eCommerce Solution แห่ง DHL ระบุว่า มีจำนวนพนักงานขนส่ง 600,000 คน รวมทั้งพนักงานฝึกงานด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า DHL จะเป็นตัวเลือกของการขนส่งระหว่างประเทศที่ดี แต่นั่นไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักเมื่อต้องการขนส่งภายในสหรัฐอเมริกา เนื่องจาก DHL ไม่ใช่บริษัทอเมริกัน จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินภายในสนามบิน USA ได้

ปัจจุบัน DHL ให้บริการขนส่งครอบคลุมทั้งการขนส่งเอกสาร จดหมาย ตู้คอนเทนเนอร์ โดยประกอบไปด้วย 3 หน่วยงานหลัก คือ DHL Express, DHL Danzas Air & Ocean และ DHL Solutions

‘UPS’ (United Parcel Service) เป็นบริษัทขนส่งพัสดุภัณฑ์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งก่อตั้งมานานที่สุดด้วย (ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2450) จากความคิดของเด็กวัยรุ่น 2 คนคือ ‘คลอด ไรอัน’ (Claude Ryan) วัย 18 และ ‘จิม เคซีย์’ (Jim Casey) วัย 19 ที่มองเห็นลู่ทางธุรกิจในขณะที่ยังไม่มีการใช้โทรศัพท์แพร่หลายอย่างทุกวันนี้ ทั้งคู่ก่อตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจส่งข้อความ ซึ่งมีทั้งการเดินหรือวิ่งไปส่ง รวมถึงการขับจักรยานไปส่งทางไกลด้วย

ในเวลาต่อมา UPS ได้หันมาทำธุรกิจรับจ้างขนส่งพัสดุภัณฑ์เมื่อปี พ.ศ. 2496 ซึ่งกลายเป็นคู่แข่งของหน่วยงานไปรษณีย์สหรัฐฯ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ UPS มีเครือข่ายอยู่ใน 220 ประเทศทั่วโลก และมีการขนส่งสินค้ามากกว่า 5 พันล้านชิ้น หรือเฉลี่ยวันละ 20 ล้านชิ้น ที่สำคัญสามารถจัดส่งถึงผู้รับในเวลาเพียง 1 วัน

UPS ใช้ยานพาหนะที่เป็นเครื่องยนต์ในการขนส่งสินค้า 123,000 คัน และในปี พ.ศ. 2561 UPS ถูกโหวตให้เป็นอุตสาหกรรมขนส่งอันดับ 1 ของนิตยสาร Fortune ปัจจุบันมีพนักงานทั่วโลก 500,000 คน มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 5 พันล้านดอลลาร์

‘FedEx’ บริษัทขนส่งสัญชาติอเมริกัน ที่ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2514 โดย ‘เฟรเดอริค ดับเบิลยู. สมิธ’ (Frederick W. Smith) นายทหารเรือชาวอเมริกัน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา สิ่งที่ FedEx แตกต่างจากบริษัทขนส่งอีก 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง DHL กับ UPS คือการมีเครื่องบินสำหรับขนส่งเป็นของตัวเองมากที่สุด

FedEx ให้บริการขนส่งครบคลุม 220 ประเทศ มีพนักงานมากกว่า 500,000 คน มียานพาหนะ 180,000 คัน และมีสินค้าที่ต้องส่งมอบต่อวันประมาณ 15 ล้านชิ้น โดยให้บริการตั้งแต่การจัดส่งเอกสาร ไปจนถึงสินค้าขนาดใหญ่ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ

โดยชื่อของ FedEx นั้น ก็เปลี่ยนจากชื่อเดิมของบริษัท ‘Federal Express’ ปัจจุบัน FedEX มีรายได้เฉลี่ยต่อปี 7 หมื่นล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 5 พันล้านดอลลาร์

 

เรื่อง: จักรกฤษณ์ สิริริน

ภาพ: Getty Images