Game Changer : ท็อป-จิรายุส แห่ง bitkub ผู้จุดกระแสคริปโตฯในเมืองไทย บนเส้นทางอนาคตที่ท้าทาย

Game Changer : ท็อป-จิรายุส แห่ง bitkub ผู้จุดกระแสคริปโตฯในเมืองไทย บนเส้นทางอนาคตที่ท้าทาย

‘ท็อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา’ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือที่หลายคนจะคุ้นเคยในชื่อ ‘ท็อป บิทคับ’ ไม่เพียงเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ แต่เขายังเป็นผู้จุดกระแสให้บ้านเราตื่นตัวและสนใจมากขึ้นกับคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งหลายคนมองว่า เป็นการลงทุนของโลกอนาคต

ปี 2023 The People นำเสนอซีรีส์ใหม่ บอกเล่าเนื้อหาที่น่าสนใจในแต่ละเดือน ใช้ชื่อว่า Stories of the Month เราจะเลือกกลุ่มของเนื้อหาแล้วมานำเสนอในฐานะซีรีส์พิเศษประจำเดือน แต่ละเดือนจะมีหัวข้อของเนื้อหาที่ไม่ซ้ำกันมาให้ติดตาม

เดือนกรกฎาคม มาในหัวข้อ Game Changer ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘คน’ ที่สร้างจุดเปลี่ยน สร้างปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลกระทบต่อผู้คน หรือเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ในแต่ละแวดวง รวมถึงเป็นแนวคิดและสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น

แม้ปัจจุบันเส้นทางการเติบโตของ bitkub จะดูไม่เหมือนเดิม สะท้อนจากรายได้ปี 2565 ที่ได้ เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 โดย bitkub มีรายได้ 2.8 พันล้านบาท ลดลง 82.1% จากปี 2564 ที่ทำรายได้ไป 5.5 พันล้านบาท และมีกำไร 341 ล้านบาท ลดลง 86.6% จากปี 2564 ที่มีกำไร 2.5 พันล้านบาท (เหตุผลส่วนหนึ่งอาจจะมาจากตลาดคริปโตฯโลกอยู่ในช่วงซบเซาด้วย)

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ท็อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา’ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือที่หลายคนจะคุ้นเคยในชื่อ ‘ท็อป บิทคับ’ ไม่เพียงเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ แต่เขายังเป็นผู้จุดกระแสให้บ้านเราตื่นตัวและสนใจมากขึ้นกับคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งหลายคนมองว่า เป็นการลงทุนของโลกอนาคต

วัยเด็กที่ไม่ชอบเรียนนักศึกษา

ท็อปเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจขายปลีกและส่งเสื้อผ้า โดยชีวิตช่วงวัยเด็กมักจะมีปัญหาชกต่อยกับเพื่อน และตัวเขาเองก็เกือบจะโดนไล่ออกจากโรงเรียน พ่อและแม่ของท็อปจึงตัดสินใจส่งเขาไปเรียนยังประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อหวังจะช่วยให้เขาปรับพฤติกรรมตัวเองให้ดีขึ้นได้

แต่เมื่อย้ายไปเรียนที่นิวซีแลนด์ เขากลับอยากเป็นนักฟุตบอลมากกว่าสนใจการเรียน กว่าจะรู้ตัวเขาก็กลับมายังประเทศไทย และไม่มีสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของไทยได้ นั่นทำให้เขากลับมาขยัน และตั้งใจเรียน โดยยื่นใบสมัครไปยังมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ (เลือกตามชื่อทีมฟุตบอลที่ตัวเองชอบ) จนในที่สุดเขาก็สามารถเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (University of Manchester) แห่งสหราชอาณาจักร

ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ท็อปใช้เวลา 10 - 12 ชั่วโมงต่อวันไปกับการอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน และแล้วด้วยความพยายามของเขาทำให้เขาสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองในระดับปริญญาตรีมาได้ และตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด (Oxford)

จุดเริ่มต้น bitkub และอุปสรรคจากผู้คนไม่เข้าใจ

หลังจากจบการศึกษาปริญญาโท ท็อปเริ่มทำงานใน Investment Banking ที่เซี่ยงไฮ้ และนั่นคือช่วงเวลาที่เขาได้รู้จักกับคำว่า Bitcoin ผ่านบทความ Why Bitcoin Matters ของ ‘มาร์ก แอนเดอร์สัน’ และได้เริ่มศึกษา Bitcoin อย่างจริงจัง

หลังลาออกจากงานประจำที่เซี่ยงไฮ้ ท็อปใช้เวลาราวหนึ่งเดือนไปกับการช่วยเพื่อนทำโปรเจกต์เล็ก ๆ ที่ฟิลิปปินส์ และมีโอกาสได้รีเสิร์ชเกี่ยวกับสตาร์ทอัพในประเทศไทย ทำให้เขาพบว่าสตาร์ทอัพในไทยยังมีน้อยและไม่มีใครทำเรื่อง Bitcoin แม้แต่เจ้าเดียว หลังจากนั้นไม่นาน ท็อปได้งานประจำแห่งใหม่ และได้พบกับเพื่อนของเพื่อนที่ชื่อว่า Dan Scatt ผู้เป็น executive ของบริษัท PayPal จึงมีโอกาสถามความคิดเห็นของแดนเกี่ยวกับ Bitcoin และได้คำตอบว่า ...Bitcoin จะมาเปลี่ยนแปลงโลก

คำตอบของแดนบวกกับความสนใจใน Bitcoin ที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ได้จุดประกายให้เขาตัดสินใจกลับมาเปิดบริษัทของตัวเองในวัย 23 ปี โดยอาศัยชั้นลอยในร้านเสื้อผ้าของพ่อแม่เป็นออฟฟิศสำหรับซื้อขาย Bitcoin ในประเทศไทย และมีเขาเป็นพนักงานเพียงคนเดียว

ช่วงเวลานั้นถือเป็นช่วงเวลาของความยากลำบาก เพราะความไม่เข้าใจของผู้คน เนื่องจาก ณ เวลานั้นเรื่อง Bitcoin เป็นเรื่องใหม่มากๆ ซึ่งเขาก็อดทน และพยายามพิสูจน์ให้เห็น กระทั่งในปี 2017 แบงก์ชาติญี่ปุ่นประกาศว่า Bitcoin ถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถใช้แทนเงินเยนได้ เปรียบเสมือนประตูที่เปิดกว้างขึ้น

เมื่อสถานการณ์ค่อย ๆ ดีขึ้น เขาได้ขายกิจการให้กับบริษัท Gojek ในปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) เปิด FinTech Challenge พอดิบพอดี ท็อปจึงมีโอกาสได้พรีเซนต์เรื่องการสร้างตลาดหลักทรัพย์ดิจิทัลขึ้นมาด้วยระบบบล็อกเชนที่ทำให้การโอนเงินเข้า-ออกบัญชีสามารถทำได้อย่างรวดเร็วหลักวินาที และคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งบริษัทใหม่อีกครั้ง โดยใช้ชื่อว่า ‘bitkub’

ในที่สุด bitkub ได้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตพิเศษจากกระทรวงการคลัง ให้สามารถมาซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลได้ถูกต้องตามกฎหมาย และเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยใช้เวลาไม่ถึง 4 ปี bitkub มีเงินของคนไทยที่เก็บไว้กว่า 50,000 ล้านบาท มีพนักงานประมาณ 1,478 คน และกลายเป็นสตาร์ทอัพยูนิคอร์นแห่งที่ 3 ของประเทศไทย (2 แห่งแรกคือ Ascend Money และ Flash Express)

โดยเฉพาะเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 ‘SCB’ หรือ ‘SCBX’ ได้ประกาศเข้าถือหุ้น 51% ใน bitkub ด้วยเงินลงทุน 17,850 ล้านบาท ทำให้ชื่อของท็อป - จิรายุส อยู่ในสปอตไลต์และถูกจับตามอง รวมถึงเชิญไปพูดบนเวทีต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ

กระทั่ง 25 สิงหาคม 2022 ทาง SCB ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการยกเลิกธุรกรรมในการลงทุนใน bitkub โดยให้เหตุผลว่า bitkub ยังมีประเด็นคงค้างที่ต้องดำเนินการหาข้อสรุปตามคำแนะนำและสั่งการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องระยะเวลาในการหาข้อสรุป ผู้ซื้อและผู้ขายจึงได้ตกลงร่วมกันที่จะยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายในครั้งนี้

ขณะที่ ท็อป-จิรายุส ได้โพสต์บน Facebook ส่วนตัวถึงประเด็นดังกล่าวว่า “ผมและทีมงานทุกคนยังคงเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันในการเป็น National Champion ใหม่ให้กับประเทศไทย เพื่อให้เศรษฐกิจไทยก้าวไปสู่โลกอนาคต และเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีในระดับภูมิภาค”

ถึงกระนั้นชื่อของ ท็อป-จิรายุส และ bitkub ก็ยังได้รับความสนใจอยู่ โดยวันที่ 5 เมษายน 2023 bitkub คว้ารางวัล Corporate of Tomorrow จากเวที The People Awards 2023 ในสาขา Corporate of Innovation ไปครอง ซึ่งท็อป-จิรายุสได้กล่าวตอนขึ้นรับรางวัลนี้ว่า

"คนไทยเนี่ยคนเก่งเยอะมาก แต่ขาดคนกล้า ผมก็สัญญาว่าเราจะเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ Bitkub จะกล้าที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย กล้าที่จะผลักดันเทคโนโลยี กล้าที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล กล้าที่จะผลักดัน GDP ของประเทศไทย โดยการหารายได้แบบใหม่ให้กับเมืองไทย”

แม้ปัจจุบันเส้นทางการเติบโตของ bitkub จะดูไม่เหมือนเดิม สะท้อนจากรายได้ปี 2565 ที่ได้ เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 โดย bitkub มีรายได้ 2.8 พันล้านบาท ลดลง 82.1% จากปี 2564 ที่ทำรายได้ไป 5.5 พันล้านบาท และมีกำไร 341 ล้านบาท ลดลง 86.6% จากปี 2564 ที่มีกำไร 2.5 พันล้านบาท (เหตุผลอาจจะมาจากตลาดคริปโตฯโลกอยู่ในช่วงซบเซาด้วย)

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ท็อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา’ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้จุดกระแสให้บ้านเราตื่นตัวและสนใจมากขึ้นกับโลกของการลงทุนในรูปแบบใหม่อย่างคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น

.

อ้างอิง

.thepeople

bangkokbiznews

ท็อป bitkub ผู้เชื่อว่า “พยายามมากกว่าคนอื่น ผลลัพธ์ย่อมมากกว่า” กับความท้าทายใหม่ หลังดีลใหญ่กับ SCBX เพิ่งล่ม อาจเป็นจุดพลิกผันให้ร่วงจากยูนิคอร์น