‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ ชายที่เริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม MITH จากตลาดจตุจักร

‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ ชายที่เริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม MITH จากตลาดจตุจักร

‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ เริ่มต้นธุรกิจจากการเป็นนักออกแบบภายใน จนวันหนึ่งสานฝันและความชอบของตัวเองสู่บทบาทใหม่ในวงการ 'น้ำหอม' กลายเป็นแบรนด์แรกที่ชื่อว่า MITH น้ำหอมของคนไทยที่หลายคนรู้จัก

KEY

POINTS

  • ก่อนเป็นแบรนด์น้ำหอม MITH เคยเป็นน้ำหอมสำหรับบ้านที่ตลาดจตุจักร
  • จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์ ทุ่มเทกับธุรกิจมาก จนเคยมีเงินติดตัวไม่ถึง 100 บาท วัดดวงว่าวันนั้นจะขายของได้หรือไม่
  • ปัจจุบัน MITH ยังเป้นพระเอกของธุรกิจ แต่มีโปรดักส์ใหม่เติมพอร์ตเข้ามาอีกชื่อว่า PROAD และ PRANN รวมถึง One Fine day

บางทีการมีจุดด่างพร้อยเล็ก ๆ ในชีวิต หรือมีวันที่เรารู้สึกเริ่มคิดลบกับชีวิตที่เป็นอยู่ช่วงนั้น สุดท้ายแล้วมันจะสร้างขุมพลังงานบางอย่างขึ้นเพื่อผลักดันให้เราสู้ต่อไป หากใจเรายังอยากสู้ เส้นทางชีวิตของ ‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์  MITH น้ำหอมของคนไทย ที่ตอนนี้มีมากกว่า 3 แบรนด์ภายใต้การดูแลของเขา มีหลาย ๆ มุมที่น่าสนใจ และเราอยากพาไปทำความรู้จักกับเขาในฐานะ ‘นักสู้’ คนหนึ่งในโลกธุรกิจ

“คุณเชื่อไหมผมไปเปิดร้านที่จตุจักร ช่วงแรก ๆ มีบางวันที่ผมมีเงินติดตัวไม่ถึง 100 บาท เพราะว่าเงินทั้งหมดเราทุ่มทุนไปกับการทำโปรดักส์หมดแล้วครับ เราลงไปกับเรื่องของต้นทุนทุกอย่างแล้ว”

พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์ เจ้าของธุรกิจน้ำหอม ผู้ปลุกปั้นแบรนด์แรกในชีวิตที่ชื่อว่า ‘MITH’ เปิดประตูเข้ามาหาเราในมาดสุขุม นุ่มลึก น่าค้นหา แว่บแรกที่ผู้เขียนคิดคือ คาแรคเตอร์เหมือนกับน้ำหอม MITH เลยแหะ ในฐานะที่ก็เป็นหนึ่งในลูกค้า MITH เช่นกัน

เราไม่รอช้า ถือโอกาสหาจังหวะถามถึงความหลงใหลของเขาอันดับแรก เพราะมันคือทุกอย่างในจักรวาล passion ที่ทำให้เกิดน้ำหอมอีกหลายๆ  แบรนด์ต่อมาจากเขา

‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ ชายที่เริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม MITH จากตลาดจตุจักร

“ตั้งแต่เด็กเราเป็นคนใช้น้ำหอมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสเข้ามาในวงการนี้ (วงการน้ำหอม) เพราะตอนนั้นผมเป็นมัณฑนากร (Interior designer) ออกแบบภายใน”

“วันหนึ่งเราทำงานจนอิ่มตัวแล้ว รู้สึกว่าออกแบบไปถึงตรงนั้นแล้วก็อยากจะหาสิ่งแปลกใหม่ทำที่ไม่ใช่การออกแบบตกแต่งภายในแล้วอะไรอย่างนี้ครับ และกลิ่นมันก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะว่ามันเป็นเรื่องของนามธรรมไม่ใช่รูปธรรมแล้ว ไม่มีรูปร่าง มันใช้ความรู้สึก มันยากกว่านะครับ เพราะการออกแบบบ้านให้สวยงามมันเป็นรูปร่างได้ มันเป็นรูปธรรมได้ แต่ว่าเรื่องของกลิ่นมันเป็นเรื่องของนามธรรม ลึกซึ้งกว่า”

ฟังมาถึงจุดนี้ยังรู้สึกเลยว่า ธุรกิจเกี่ยวกับกลิ่นมันดูยากจัง...แม้แต่ ‘พอ – จุติณัฏฐ์’ คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ก็พูดว่ามันยาก แต่เพราะอะไรเขาเลือกจะลุยต่อ จนกระทั่งมีแบรนด์น้ำหอมใหม่ ๆ อย่าง PROAD (โปรด) และ PRANN (ปราณ) ในปัจจุบันอย่างไรก็ตาม MITH ยังเป็นพระเอกของแบรนด์ และก็เป็นแบรนด์ที่มีน้ำหอมหลายกลิ่นมากที่สุดในธุรกิจ (อาจจะมากกว่าหลาย ๆ แบรนด์ที่อยู่สนามแข่งเดียวกันด้วยก็ได้)

‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ ชายที่เริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม MITH จากตลาดจตุจักร

ก่อนธุรกิจที่จตุจักร

มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ความคิดเกี่ยวกับ ‘กลิ่น’ จุดประกายขึ้นมา ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นไอเดียแรก ๆ ของ พอ – จุติณัฏฐ์ ในช่วงที่เขายังรับออกแบบภายใน เขามีโอกาสได้โปรเจ็กต์ออกแบบบ้านให้กับคุณหญิงคนหนึ่ง ตอนนั้นเขาใช้ถึง 2 ปีกว่าที่การออกแบบบ้านจะเสร็จ

หลังจากนั้น คุณหญิงเจ้าของบ้านถามเขาว่า พอจะเป็นไปได้มั้ยที่จะทำให้บ้านมีกลิ่นแบบที่เขาชอบ แบบที่เป็นตัวตนของเธอจริง ๆ ตอนนั้นนับว่าเป็นครั้งแรกที่ พอ – จุติณัฏฐ์ ได้ออกแบบกลิ่นให้กับบ้านของคุณหญิงด้วย เพราะกลิ่นที่เธออยากได้ไม่มีขายตามร้านทั่วไป

“ตอนที่รับออกแบบกลิ่นให้คุณหญิง ก็ลองศึกษาเองครับ ใช้เป็นกลิ่นที่ไม่ซับซ้อน ตอนนั้นเราใช้แค่กลิ่นกุหลาบกับกลิ่นไม้กฤษณา แล้วก็เป็นกลิ่นไม้หอมบางตัวที่เอามาผสมผสานกันทำให้เกิดกลิ่นตัวนั้นครับ”

“การที่เราได้ออกแบบกลิ่นให้กับบ้านคุณหญิงตอนนั้น ทำให้เราสนใจที่จะเปิดร้านในตลาดจตุจักร ตอนนั้นเปิดร้านโดยใช้ชื่อว่า ‘บ้านอาม่า’ เพราะสไตล์ร้านที่ออกแบบเพื่อลูกค้าเป็นสไตล์จีนแต้จิ๋วโบราณเพราะเราก็มีเชื้อสายจีนด้วย”

‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ ชายที่เริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม MITH จากตลาดจตุจักร

“ร้านที่ออกแบบตอนนั้นตั้งใจจะให้เป็น mockup ด้วยเพราะเราไม่สามารถไปออกแบบสไตล์นี้ที่บ้านของใครได้ ก็เลยออกแบบเป็นเชิงพาณิชย์ ร้านค้า พอมีร้านแล้วก็อยากให้ร้านมีกลิ่นที่เป็นสไตล์เรา หลังจากนั้นก็เริ่มออกแบบกลิ่นด้วย เอาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกลิ่นไปวางขาย ซึ่งช่วงแรกทำเป็น Home Fragrance พวกน้ำมันหอมระเหยสำหรับบ้าน”

พอ – จุติณัฏฐ์ เป็นคนออกแบบกลิ่นที่วางขายที่ร้านในจตุจักรเองด้วย เขาบอกว่า ตอนนั้นอาจจะซับซ้อนขึ้นมาอีกหน่อยแต่ไม่ได้ยากมาก สำหรับ Home Fragrance มันจะเป็นศาสตร์ของทาง Aromatherapy คือเป็นเรื่องการใช้น้ำหอม Essential Oil ที่ไม่ได้ลึกซึ้งมาก อาจจะเกี่ยวข้องกับสารเคมีที่เป็น Synthetic chemical (สารสังเคราะห์) ซึ่งเขายังศึกษาเองจากอินเทอร์เน็ต

จนวันที่เขาตัดสินใจว่า เรื่องการออกแบบน้ำหอมมันเกินความสามารถของเขาแล้ว จึงไปลงเรียนเพิ่มเติม โดยเป็นคอร์สเรียนของพาร์ทเนอร์ธุรกิจซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทผลิตน้ำหอมในประเทศอังกฤษ

‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ ชายที่เริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม MITH จากตลาดจตุจักร

“เรื่องที่เราไปศึกษาเพิ่มเติมจากทาง House fragrance ทางอังกฤษจะเป็นเรื่องโครงร้างของการทำน้ำหอม ซึ่งมันเป็นเรื่องของ Anatomy of Chemical คือกายภาพของทางเคมี มันลึกซึ้งมาก ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ๆ ไม่ใช่ทางเราแล้ว”

และหลักสูตรการเรียนเบื้องต้นครั้งนั้น น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ง่ายขึ้นของเขา ในการหาพาร์ทเนอร์ในเรื่องการผลิตน้ำหอม และเขาจะทำหน้าที่ในด้านการออกแบบและอื่น ๆ เช่น กลยุทธ์การตลาด

 

ไอดอลธุรกิจ

“ตอนที่ผมมาเปิดร้านบ้านอาม่าเชื่อไหมว่า ผมหยุดงานออกแบบเลยนะ ผมรู้สึกว่ามันแบ่งไม่ได้เพราะว่าเรามีแค่หัว เรามีแค่สมองเดียวครับ และเราต้องการจะทุ่มเทไปกับการทำธุรกิจด้วย”

“ก็มีพี่ที่รู้จักกัน ผมนับถือเขาเป็นพี่ชายคนนึงที่สอนผมในการทำธุรกิจ คุณกรมเชษฐ์ (กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์) ของ AssetWise เขาสอนผมในการทำธุรกิจ เมตตาผมว่า คุณจะทำธุรกิจจะใช้แค่ความรู้สึกใช้อารมณ์อย่างเดียวเหมือนตอนคุณเป็นศิลปินไม่ได้ คือการทำธุรกิจเนี่ย คุณรู้ไหมว่าขนาดบริษัทใหญ่ ๆ ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงทำให้เจ๊งได้ มันมีเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันอย่าง มันไม่รู้หรอกว่าจะมาเมื่อไหร่”

สำหรับ พอ – จุติณัฏฐ์ มองว่า ‘กรมเชษฐ์’ เป็นเหมือนไอดอลในการทำธุรกิจของเขามาตลอด เป็นทั้งครูที่สอนเรื่องธุรกิจ และก็เป็นคนที่เขาพยายามเลียนแบบ ทั้งการคิด มุมมอง และการแก้ปัญหาต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เรียนรู้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับธุรกิจอยู่ 6 เดือน ถึงเวลาแห่งความจริง...โลกของธุรกิจบ้านอาม่าเริ่มต้นขึ้น!

 

วันที่มีเงินติดตัวไม่ถึง 100

“ผมเชื่อว่าไม่ถึง 10% ของคนทำธุรกิจจะข้ามกำแพงและทะลายกำแพงไปได้ เพราะสุดท้ายพอถึงทางตันปุ๊บ พวกเขาก้จะท้อใจแล้วเดินกลับ หรือหาทางอื่นนึกออกไหมครับ คุณเชื่อไหมผมไปเปิดร้านที่จตุจักรมีบางวัน บางช่วงแรก ๆ ที่ผมมีเงินติดตัวไม่ถึง 100 บาท เพราะว่าเงินเราทุ่มทุนไปกับการทำสินค้าหมดแล้วครับ ลงไปกับเรื่องของต้นทุนทุกอย่างแล้ว”

“แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะขายได้ไหม คือถ้าวันไหนเราขายไม่ได้วันนั้นก็จะไม่มีเงินมาหมุน หรือเงินในการใช้จ่ายต่าง ๆ บางทีมันถึงขั้นแบบว่า ดับเครื่องชนคือ ทรัพย์สินในตัวผมเนี่ยขายหมด รถก็ไปจำนำเพื่อเอาเงินมาต่อยอดในทางธุรกิจ เพราะว่าการทำธุรกิจ Cash flow (กระแสเงินสด) เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แล้วเราก็เริ่มต้นจากการไม่กู้ยืมเลย”

‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ ชายที่เริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม MITH จากตลาดจตุจักร

สำหรับ พอ – จุติณัฏฐ์ เขามีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า วันที่เริ่มต้นทำธุรกิจไม่อยากกู้ยืมเงิน อยากจะทำธุรกิจเท่าที่งบเรามี มีค่าไหนก็ทำแค่นั้นไปก่อน

“เราจะไม่ไปกู้ยืมหรือไปสร้างหนี้เพื่อให้เกิดความเครียด มันจะทำให้ธุรกิจดำเนินไปด้วยความเครียด ผมว่าอย่างน้อยที่สุดนะคือไม่มีหนี้ เพราะถ้าเรามีหนี้มันยิ่งทำให้เรากดดันตัวเอง ขนาดที่ว่าจะต้องทำอะไรที่มันอาจจะไม่สบายใจเรา ผมว่าคนเราถ้าอยู่ด้วยความเครียดพอมันทำงานออกมาเนี่ยมันออกมาด้วยความเครียด ผมว่ามันไม่ใช่ความสุขแล้ว”

“ช่วงแรก ๆ คนทำธุรกิจนะครับ มันฟุ้ง ในหัวมันโลกสวยทุ่งลาเวนเดอร์ พอมาเจอในสมรภูมิความเป็นจริง โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น มันโหดร้าย ปัจจัยมันเยอะมาก ไม่ใช่ว่าคุณลั่นล้าอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ คุณอยู่ในสมรภูมิการค้ามีทั้งคู่แข่ง มีทั้งศัตรู มีทุกอย่าง”

“ผมกล้าพูดเลยว่าจตุจักรเป็นที่ที่ทำให้ผมตกผลึกในเวลา 1 ปี 2 ปี คือเราเริ่มศึกษาทุกอย่าง แล้วก็เริ่มหาตัวตนของแบรนด์จากเริ่มบ้านอาม่า พอเราเริ่มตกผลึกแล้ว เรารู้สึกว่าคำว่าบ้านอาม่า มันเริ่มไม่ touch ซึ่งจตุจักรลูกค้าต่างชาติเยอะ เขาก็จะไม่เก็ตคำว่าบ้านอาม่า ดังนั้น เราจำเป็นจะต้องรีแบรนด์ขึ้น”

“เราเปลี่ยนมาเป็นคำว่า ‘MITH’ ย่อมาจาก Made in Thailand ผมว่าต่างชาติพอรู้อย่างนี้มันจะเก็ตกว่า แล้วก็ติดปากติดตาได้มากกว่าอะไรอย่างนี้”

จุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาเริ่มสนใจ ‘น้ำหอมตัว’ เพราะผู้หญิงชาวไต้หวันคนหนึ่ง ที่สนใจสินค้าแฃะชื่นชมในเทสต์ของผู้ก่อตั้ง น่าจะต่อยอดได้ไกล จากวันนั้นกลายเป็นจุดประกายให้เริ่มสนใจน้ำหอมที่ใช้สำหรับคน เพราะมองว่าตลาดน่าใหญ่กว่า บางคนใช้น้ำหอมตัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาเหล่านั้นจะใช้น้ำหอมบ้านด้วย

และแล้วเขาก็ตัดสินใจปิดกิจการร้านที่ตลาดจตุจักร และทุ่มเวลาเพื่อมาศึกษาน้ำหอมสำหรับบอดี้อย่างจริงจัง

“เราไม่รู้หรอกชีวิตเรามันจะยาวนานแค่ไหน ผมเป็นคนรู้สึกว่าทำไมต้องรอ พรุ่งนี้จะตายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ”

โดยครั้งแรก MITH น้ำหอมสำหรับบอดี้เปิดตัวขึ้นสาขาแรกในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะคิดว่าตอบโจทย์เราหลาย ๆ อย่าง

ส่วนเรื่องกลิ่นที่เราถามเจ้าของธุรกิจ ว่าเขาได้แรงบันดาลใจมาจากไหน หรือศึกษาต่อยอดอย่างไร? เขาบอกว่า ในส่วนของกลิ่นเขาได้ทำงานร่วมกับ Perfumer ระดับโลกหลายคน แต่เอาจริงก้ไม่ได้มีการเปิดเผยสูตร เพราะมันเป็นคาแรคเตอร์ของแต่ละคน อย่าง MITH ที่เราเห็นทุกวันนี้กลิ่นเยอะมาก ก็จะมี Perfumer หลาย ๆ คนที่ช่วยมาออกแบบกลิ่นให้กับเขา

“คุณรู้ไหมว่าโรงเรียนสอน Perfumer ในเมืองนอก เช่น ที่ฝรั่งเศสยังเป็นอาชีพที่เป็นความลับกันอยู่ เป็นอาชีพที่ค่อนข้างตีกรอบ แล้วก็เป็นอาชีพที่ทำเงินมากเลยนะ เพราะว่ามันมีน้อยมาก ถือว่าเป็นอาชีพที่คุมบังเหียนทั้งโลกนึกออกไหม คนที่ใช้กลิ่น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับกลิ่นมันแทรกซึมอยู่ในทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ทุกอย่างมันแทรกซึมอยู่ในเรา เรื่องกลิ่นเป็นเรื่องใหญ่ เป็นธุรกิจใหญ่ในโลก”

“การไปลงเรียนมันใช้เวลานานกว่าที่เราจะเก่ง มันไม่ใช่ทางเราก็เลยมาทำธุรกิจดีกว่า แล้วปล่อยให้หน้าที่ของการทำกลิ่นเป็นของมืออาชีพเลยดีกว่า เราก็เลยพยายามหามืออาชีพที่มาทำงานให้เรา โดยบริษัทแรกก็คือบริษัท House Fragrance ที่อยู่ในอังกฤษมาทำกลิ่นให้เราก่อน พวกกลิ่น Garden of Memory แค่ดมก็รู้เลยว่าคนที่เป็นมืออาชีพทำกลิ่นให้มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ”

อธิบายถึงกระบวนทั้งหมดคร่าวๆ ของ MITH และน้ำหอมอื่น ๆ ที่พอ – จุติณัฏฐ์ ดูแล ก็คือ เขาจะคิดและสร้างโมเดลธุรกิจให้มันขายได้ หลังจากที่ได้ของดีมาแล้ว กับอีกอย่างก็คือ การให้โจทย์กับ perfumer ไปว่าต้องการกลิ่นประมาณไหน และกลิ่นแบบไหนที่กำลังจะมา เพื่อทำให้กลิ่นที่จะออกมาเข้ากับเทรนด์ของตลาดพอดี

‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ ชายที่เริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม MITH จากตลาดจตุจักร

MITH ถือว่าเป็นน้ำหอมที่กลิ่นแมสในปัจจุบัน ดังนั้น PROAD ได้เข้ามาเสริมกลิ่นน้ำหอมที่มันค่อนข้าง niche ไม่ใช่กิ่นแบบมหาชนใช้ และกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนเพราะบางคนที่ออกแบบน้ำหอมนั่นเขามองว่ามันคืองานศิลปะชิ้นหนึ่ง

“PROAD ถือว่าเป็นการทำงานศิลปะแล้ว กลิ่นบางกลิ่นมันอาจจะใช้ยาก ไม่ได้เข้ากับทุกคน กลิ่นมีความซับซ้อน มีความลึกซึ้งมากขึ้น”

“ส่วน PRANN บอกตรง ๆ ว่าเกิดขึ้นช่วงที่มีดราม่าเรื่องน้ำหอมไทยราคาแพง แต่สำหรับผมผมมองว่าน้ำหอมไทยแพงได้ แต่เราต้องเข้าใจมันมาก ๆ ไม่ใช่ว่าคุณมาจับใส่ขวดแล้วเล่า Story สร้างนิทานมาแล้วก็มาขายแพง คือสุดท้ายมันคุ้มค่าไหม เพราะว่าสิ่งนึงที่พี่เล็ก (กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์) สอนผมมาบอกว่าก่อนที่คุณจะเอาเงินเขา คุณต้องถามตัวเองก่อนคุณให้อะไรเขา คุณจะเอาเงินเขามาพันหนึ่ง คุณทำอะไรขายเขาพันหนึ่ง มันคุ้มค่าหรือยัง คุณต้องคิดก่อน คิดในมุมของผู้บริโภค”

“ผมศึกษาการทำแบรนด์ PRANN เนี่ย ใช้เวลา 1 ปีเต็ม ๆ ในการคิดคอนเซปต์และอีก 1 ปีในการผลิต คือใช้เวลาทั้งหมด 2 ปี Packaging จะต้องเป็นยังไง ถ้าคุณเห็นกล่อง PRANN แล้วคุณจะเห็นเลยว่าทุก Detail มันถูกเก็บรายละเอียดทั้งขวด ทั้งฉลาก ทุกอย่าง แม้แต่คนที่มาทำกลิ่นให้ PRANN จะต้องเป็นตำแหน่ง Master Perfumer เท่านั้น คำว่า Master Perfumer ในโลกนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่นะครับมีอยู่ประมาณ 20 กว่าคนในโลก น้อยกว่านักบินอวกาศอีก”

“แต่แบรนด์เราก็รวบรวมมาได้ 10 กว่าคน เราค่อนข้างพิถีพิถันว่าเราจะขายน้ำหอมขวดละ 8,000 บาทเนี่ย คนที่มาทำกลิ่นอย่างน้อยต้องมีดีกรีเป็นระดับปรมาจารย์ Master Perfumer คือปรมาจารย์ เพราะว่าเขาเป็นอาจารย์ของ Perfumer ทั้งโลก”

“แต่ไม่ว่าตอนนี้เรามีกี่แบรนด์ เราขอเป็น Standard ของตลาดดีกว่า เพราะสุดท้ายวงการน้ำหอมไทยมันมีคนเล่นหลากหลาย มีผู้ประกอบการหลากหลาย แต่ว่าเราจะทำในสิ่งที่เราเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค และสุดท้ายทางเลือกของเราเนี่ยจะเป็นตัวตัดสินใจ”

อย่างน้อย ๆ เท่าที่ฟัง พอ – จุติณัฏฐ์ เรามองว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีส่วนทำให้คนไทยเปิดใจกับน้ำหอมของคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ MITH ซึ่งทำการตลาดแบบ Word of Mouth Marketing หรือ ปากต่อปากมาตลอด ดังนั้น จากเมื่อก่อนที่คนไทยจะไม่กล้าบอกว่าใช้น้ำหอมของไทย แต่ตอนนี้เราจะเริ่มเห็นว่ามีการแชร์และบอกต่อเกี่ยวกับแบรนด์มากขึ้น

‘พอ - จุติณัฏฐ์ ปิยวีรวงศ์’ ชายที่เริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม MITH จากตลาดจตุจักร

หากนับเป็นประเภทและแบรนด์น้ำหอมที่วางขายอยู่ตอนนี้ โดย พอ – จุติณัฏฐ์ จะเริ่มต้นจาก One Fine day ที่พัฒนามาจากวันแรกที่เริ่มต้นธุรกิจที่จตุจักร และเป็นกลิ่นที่เรียบง่ายที่สุดในวันที่ยังไม่สำเร็จ เป็นกลิ่นที่ส่งต่อกำลังใจให้ผู้อื่นได้, MITH แบรนด์น้ำหอมราคาชนชั้นกลาง วัยทำงานเริ่มต้นมักนิยมใช้และมีกลิ่นให้เลือกเยอะมาก, PROAD น้ำหอมที่มีความ niche และพรีเมี่ยมขึ้น และสุดท้ายคือ PRANN ที่เตรียมจะวางขายในตลาดลักชัวรี่ ซึ่งอาจจะต้องติดตามต่อไป

สุดท้าย ในฐานะคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจ หันหลังสิ่งที่ตัวเองเรียนมาเพราะอยากอยู่กับอะไรที่หอม ๆ ตามสิ่งที่หลงใหล วันนี้สิ่งที่เขาอยากบอกกับเราคือ

“ท้อแต่อย่ายอมแพ้ ถ้าคุณไม่อยากเริ่มต้นใหม่ เราต้องบอกตัวเองว่า ตัวนี้จะเป็นธุรกิจตัวสุดท้าย ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าฉันไม่มีสิทธิ์ล้มแล้ว และไม่มีสิทธิ์แพ้แล้ว อยากให้ทุกคนลองคิดว่า ถ้าพรุ่งนี้ฉันจะต้องตายแล้ว อันนี้มันคือสิ่งที่ฉันแพ้ไม่ได้หรือไม่ ถ้าใช่....ก็ต้องสู้สุดใจตราบใดที่ยังไม่ตาย”