จากตึกร้างสู่โรงแรมสุดหรู มองการเปลี่ยนแปลงของขอนแก่นผ่าน Ad Lib Khon Kaen Hotel

ย่านดาวน์ทาวน์ เปรียบได้กับหัวใจของทุกเมืองใหญ่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนความเจริญให้กับพื้นที่โดยรอบ ย่านศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่นก็เช่นกัน หลังจากกระแสการพัฒนาที่มาพร้อมกับเส้นทางรถไฟในปี พ.ศ. 2476 บริเวณนี้ได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของการเติบโตของเมืองมาโดยตลอด

ถนนหนทางที่ขยายยืดยาวในแนวราบ บ้านเรือนตึกสูงที่พุ่งเสียดฟ้าในแนวดิ่ง เป็นตัวยืนยันการเติบโตของเมืองขอนแก่นได้เป็นอย่างดี พร้อมกับผู้คนจำนวนมากที่เดินทางเข้ามาแสวงหาโอกาสในเมืองแห่งนี้

แต่ในห้วงปี 2540 พายุที่เรียกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งได้พัดโหมกระหน่ำประเทศไทย ทิ้งร่องรอยความบอบช้ำในทุกพื้นที่ที่พัดผ่าน หนึ่งในนั้นคือตึกร้างขนาดใหญ่ที่สูงตระหง่านกลางย่านศรีจันทร์

จนเวลาผ่านไปกว่า 25 ปี ตึกร้างที่เหมือนว่าเป็นสัญลักษณ์การหยุดนิ่งของการพัฒนาเมืองขอนแก่นที่หลายคนคุ้นตานี้ ได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นโครงการ mixed-use ที่ทันสมัย ซึ่งมาพร้อมกับโรงแรมแอดลิบ ขอนแก่น โรงแรมสุดหรูที่เป็นหนึ่งในสัญญาณของการเปิดรับกระแสคลื่นการพัฒนาเมือง

มองการเปลี่ยนแปลงของขอนแก่นจากมุมมองคนขอนแก่น ที่จะมาเล่าการเดินทางของเมืองผ่านตึกร้างที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นศูนย์กลางของทางเศรษฐกิจ นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ของอีสาน ที่มี Ad Lib Khon Kaen Hotel ปักหมุดเป็นที่พักระดับมาตรฐานให้ผู้คนหลากหลายได้เริ่มต้นพามหานครขอนแก่นไปสู่บทใหม่ได้ที่นี่

โรงแรม แอดลิบ ขอนแก่น (Ad Lib Khon Kaen Hotel) เป็นส่วนหนึ่งของโครงการขอนแก่น อินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ (Khon Kaen Innovation Centre: KKIC) หรืออาคาร ‘แก่น’ โครงการ mixed-use ขนาด 28 ชั้น บนพื้นที่กว่า 53,000 ตารางเมตร กลางย่านถนนศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่น

โดยเป็นโรงแรมที่ออกแบบมาในระดับ 5 ดาว ที่ทันสมัย ตั้งอยู่ชั้น 27 - 28 ด้านบนสุดของอาคารแก่น สามารถชมวิวเมืองขอนแก่นในแบบ 360 องศา พร้อมรวมถึง facilities ต่าง ๆ ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ Kaen Ground, ร้านอาหาร Seasons 27, สระว่ายน้ำกลางแจ้งแบบอินฟินิตี้ สกายบริดจ์ (Sky Bridge), สะพานกระจกความสูง​ 105​ เมตร​จากพื้นดิน​ แลนด์มาร์คใหม่ที่เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน

ภายในตกแต่งสไตล์อีสานโมเดิร์นซึ่งคงอัตลักษณ์แก่นความงามของท้องถิ่นอย่างลงตัว ที่ให้ความรู้สึกสนุกสนาน และเป็นกันเอง ตอบทุกโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

“ผมมองว่าขอนแก่นคงไม่ได้เป็นเมืองที่เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ ผมจะใช้แฮชแท็กคำว่า #เมืองที่ไม่มีคำว่าบังเอิญ ผมคิดว่าจากนี้ไป output ของมันคือความรุ่งเรือง แต่ในวันนั้นทุกคนไม่ได้คิดจะได้ประโยชน์อะไรจากตึกนี้เลย เพียงแค่คิดว่าสามารถจัดการกับตึกนี้ได้เสียที เพราะมันเหมือนเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้าของเรา

“ในตอนแรก ทุกคนก็จินตนาการว่ามันก็คือตึกธรรมดา แต่พอได้ขึ้นไปที่ชั้น 28 และเห็นวิว จินตนาการแม่งเปลี่ยน… มันไม่มีตึกไหนในขอนแก่นที่เห็นวิวเป็นพาโนราม่า 360 องศาแบบนี้ มันมีตึกนี้ตึกเดียวผมคิดว่าในประเทศไทย แล้วทุกคนก็คิดตีลังกาใหม่หมดเลย เอาล็อบบี้ขึ้นข้างบน เอาสระว่ายน้ำขึ้นข้างบน เพราะวิวมันสวยมาก ตรงนี้มันเห็น 4 บึง ตรงนี้มันเห็นทุกพระธาตุในขอนแก่น 

“ผมคิดว่าเขาเห็นแก่นของเมือง มันไม่ใช่กระพี้เมืองนะ แต่เป็นแก่นของเมืองว่าเมืองนี้แม่งคิดไม่เหมือนที่อื่น มันต่างอย่างมีนัยด้วย เพราะฉะนั้นพอได้ตึกแบบนี้แล้ว มันก็เลยเป็นอะไรที่ผมคิดว่ามัน differentiate และ unique มาก ๆ ผมก็คิดว่าตรงนั้นที่เป็นจุดสำคัญที่ตึกนี้ออกมาเป็นแบบนี้ เป็นที่เราเห็น เป็นที่เรานั่งคุยกันตอนนี้”

สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย, ผู้บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน)

 

“ถ้านับย้อนไปตอนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2539 - 2540 มันได้รับผลกระทบโดยภาพรวมทั้งประเทศ แต่ที่ขอนแก่น ผมว่ามันมี เขาเรียกมันเหมือนเป็นอนุสาวรีย์ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ตึกนี้คือมันเป็นเหมือนอนุสาวรีย์ของพิษเศรษฐกิจที่คนขอนแก่นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แล้วเราไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

“คือความน่าสนใจก็คือว่าการมาของมิตรผลเขาเข้ามาแบบนอบน้อม เข้ามาแบบมิตรภาพ เข้ามาแบบเหมือนโน้มตัวลงมาจริง ๆ เขาเข้ามาคุยกับกลุ่มธุรกิจในท้องถิ่น ด้วยท่วงทำนองที่ให้เกียรติแล้วก็รับฟัง ผมว่าอันนี้น่าสนใจ

“การตัดสินใจของคุณอิสระในการซื้อตึกนี้มันน่าสนใจตรงที่ว่าแรงจูงใจที่จริงถ้าประเมินในเชิงธุรกิจ ทำไมต้องมาซื้อตึกเก่า ทำไมเขาไม่ลงทุนทำใหม่ มันน่าจะง่ายกว่าไหม… การเข้ามาของกลุ่มมิตรผลเนี่ย ผมว่ามันเชื่อมโยงกับความพยายามที่จะมาเปลี่ยนเมือง โดยอาจจะมีแรงบันดาลใจจากการที่มาทำมาหากินในภาคอีสาน

“เราไม่อยากคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จรุ่งเรืองอะไร  แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้เห็นทิศเห็นทางว่ามันมีโอกาสและความเป็นไปได้สูงที่ขอนแก่นจะเติบโต แล้วก็ถ้าจะพูดเรื่องความมั่งคั่งที่ไม่เอาเปรียบกัน มันจะสร้างสมดุลกันเป็นแบบทิศทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน 

“ในมุมของคนขอนแก่นเราห่วงใยนะ เรามีความรู้สึกว่าการลงทุนขนาดนี้เนี่ย โดยไม่มีเหตุผลเลย ถ้าเรามองแบบ ‘เห้ยอะไรวะ มาลงทุนทำไมวะ ตึกแม่งสร้างใหม่ง่ายกว่าอีก’ แต่ว่าเขาทำแล้วเราก็ห่วงใย แล้วทำอย่างไรจะมีส่วนร่วมที่จะทำให้เขาสามารถอยู่ได้ ถ้าเขาอยู่ได้ เมืองก็จะดูงดงาม เข้มแข็ง”

เจริญลักษณ์ เพ็ชรประดับ, เลขาธิการมูลนิธิชุมชนขอนแก่นทศวรรษหน้า
 

“ขอนแก่นมีความเป็นเมืองมากขึ้นมาก ในช่วง 3 - 5 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีธุรกิจใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเกิดขึ้น และผู้คนก็เริ่ม sophisticated กันมากขึ้น คนรุ่นใหม่ ๆ ก็เข้ามาอยู่ในพื้นที่กันมากขึ้น ทั้งที่ย้ายมาจากที่อื่น ทั้งที่เรียนจบ ทั้งที่กลับมาอยู่บ้าน เริ่มมองเห็น movement ใหม่ ๆ จากกลุ่มใหม่ ๆ มากกว่าแต่ก่อน คนขอนแก่นมีความพยายามจะทำอะไรสักอย่างให้เมืองดีขึ้นตลอดเวลา ก็ยังคงเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น

“ขอนแก่นไม่ได้มีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่เป็นแบบ mixed-use มานานมากแล้ว การมีโครงการใหม่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะเป็นโครงการที่นำเอาอาคารร้างในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อ 20 กว่าปีก่อนกลับมาพัฒนาใหม่ ในทางกายภาพ ทำให้เมืองไม่มีตึกสูงที่เป็นตึกร้างอีกต่อไป ส่วนในทางกิจกรรม คงต้องมาดูกันต่อไปว่าโครงการจะสามารถทำให้เกิดกิจกรรมและโอกาสกับคนขอนแก่น รวมถึงย่านศรีจันทร์ได้หรือไม่ การพัฒนาหรือกิจกรรมจะสามารถแผ่ไปถึงพื้นที่ย่านกลางเมืองเดิม ที่ปัจจุบันซบเซาลงไป ให้กลับมาคึกคักอีกครั้งได้หรือไม่

“ขอนแก่นไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว แต่ก็พยายามหาตำแหน่งของตนเองจนกลายมาเป็นเมืองแห่งการประชุม (MICE City) ดังนั้นธุรกิจโรงแรมในขอนแก่นจึงต้องพึ่งพาการประชุมสัมมนาเป็นหลัก ซึ่งราคาก็จะผูกอยู่กับงบประมาณของหน่วยงาน ทำให้ค่าห้องหรือค่าประชุมสัมมนาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ การมีการลงทุนโรงแรมและศูนย์ประชุมแห่งใหม่เพิ่มเข้ามาเป็นทางเลือก น่าจะช่วยยกระดับมาตรฐานของสาธารณูปโภค รวมถึงดึงดูดกิจกรรมรูปแบบใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น ซึ่งหวังว่าจะช่วยให้ราคาเฉลี่ยของตลาดที่พักสามารถขยับขึ้นมาในระดับที่ใกล้เคียงกับเมืองอื่น ๆ ส่งผลให้ตลาดธุรกิจโรงแรมในขอนแก่นเติบโตขึ้น รวมถึงดึงดูดนักลงทุนมากขึ้นในอนาคต

“มองว่าการพัฒนาโครงการคือ การมีอาคารใหม่มาเติมให้กับ skyline ของเมืองเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการมีอาคารหรือการพัฒนาใหม่ ๆ คือการนำมาซึ่งโอกาสแก่ผู้คน อยากเห็นว่าขอนแก่นในอนาคตมีโอกาสที่หลากหลายมากขึ้น เป็นเมืองที่มีที่ทางสำหรับความหลากหลาย กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมมากขึ้น 

“ส่วนตัวคงไม่ต่างกับคนขอนแก่นคนอื่น ๆ ที่พยายามจะทำอะไรสักอย่างตลอดเวลาเพื่อให้เมืองดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเองและลูกหลานในอนาคต ก็คงมีส่วนร่วมกับ movement ที่เกิดขึ้นต่อไป เพื่อให้เมืองพัฒนาไปในทางที่ดี ไม่กลายเป็น toxic gentrification ที่เรากลายเป็นคนแปลกหน้าในบ้านของตัวเองไป” 

ศุภกร ศิริสุนทร, นักการตลาด
 

“เห็นตึกนั้นมาตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เลย ก็ประมาณ 16 - 17 ปีแล้ว แต่เอาจริง ๆ มันมาตั้งแต่ปี 2539 - 2540 แล้วนะ ก็เพราะว่าเจอกับวิกฤตต้มยำกุ้งนี่แหละ เลยร้างยาวมา ไม่มีใครมาทำเลยจนกระทั่งตอนนี้

“ตอนที่มันเป็นตึกร้างตอนนั้น รู้สึกว่าขอนแก่นเป็นเมืองเงียบ ๆ ที่ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรมากมาย ขอนแก่นเป็นเมืองที่ถูกขับเคลื่อนด้วยมหาวิทยาลัยขอนแก่นอย่างเดียว สมัยก่อน เด็กมหาวิทยาลัยมาเรียน มข. 4 ปี แทบไม่ต้องเข้าเมืองเลย เพราะทุกอย่างมันอยู่ในนั้นหมดแล้ว

“ตึก Ad Lib ในมุมหนึ่งมันก็สื่อถึงเศรษฐกิจที่มันเจริญขึ้น มันเหมือนเป็นการสร้างมูลค่าท้องถิ่นที่จะช่วยดึงดูดคนเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งมันก็ เพราะมันก็สื่อถึงแนวโน้มการพัฒนา เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เมืองนั้นมีคนเยอะ ทุกอย่างจะดีไปด้วย

“สมมติมีร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง ในหนึ่งวันเขาขายลูกค้าประจำเป็นปกติ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนเข้ามา ก็จะมีคนเจอร้านเขามากขึ้น มีการแชร์เรื่องราว มีการเขียนรีวิว มีการเผยแพร่ให้ไปไกลกว่าเดิม ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นก็อาจจะเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ขอนแก่นจะไม่เงียบอีกแล้ว เมื่อก่อนขอนแก่นสามทุ่มก็เงียบแล้ว”

กานต์ ตำสำสู, เจ้าของแล็บและห้องมืด FILMGALONG