‘แอล.พี.เอ็น.’ บนเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษในวงการอสังหาฯ รุกเปิด ‘168’ แบรนด์ใหม่สุดท้าทาย

‘แอล.พี.เอ็น.’ บนเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษในวงการอสังหาฯ รุกเปิด ‘168’ แบรนด์ใหม่สุดท้าทาย

‘แอล.พี.เอ็น.’ บนเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษในวงการอสังหาฯ รุกเปิด ‘168’ แบรนด์ใหม่สุดท้าทาย ตอกย้ำความเป็นผู้นำแถวหน้าของ อสังหาฯ เมืองไทย

พูดถึงยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย แน่นอนว่าต้องมีชื่อบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือที่จดจำชื่อโครงการภายใต้แบรนด์ ‘ลุมพินี’ ติดโผมาด้วยแน่นอน จากจุดเริ่มต้นจนผ่านมากว่า 3 ทศวรรษ ถือเป็นบทพิสูจน์ที่วัดทั้งฝีมือและการันตีคุณภาพของ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้เป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลา 34 ปีที่คร่ำหวอดอยู่บนเส้นทางอสังหาริมทรัพย์  LPN ได้บ่มเพาะประสบการณ์จนเติบโต ปลุกปั้นแบรนด์​ลุมพินีจนแข็งแกร่ง และสามารถมั่นใจในคุณภาพมาได้อย่างยาวนาน จน ณ วันนี้ LPN พร้อมที่จะก้าวไปอีกขั้นกับการเปิดประสบการณ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ ‘168’ พื้นที่น่าอยู่ที่ปรุงแต่งใหม่ในแบบฉบับของ LPN 

 

คุณโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ The People ได้พูดคุยด้วยในวันนี้ คือหนึ่งในผู้นำที่พา LPN ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน และยังคงโลดแล่นอยู่แถวหน้าในแวดวงอสังหาริมทรัพย์บ้านเรา 

 

ย้อนอดีต 40 ปี จุดเริ่มต้น LPN พี่ใหญ่แห่งวงการอสังหาฯ ประเทศไทย 

 

ปีนี้ LPN มีอายุครบ 34 ปี คุณโอภาสเล่าย้อนไปจุดเริ่มต้นให้ฟังว่า LPN ถือกำเนิดขึ้นมาจากสถาปนิกและวิศวกร ซึ่งก็คือเจ้านายของคุณโอภาสในตอนนั้น เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างและรับออกแบบ ได้มีเพื่อนมาชวนทำโครงการด้วยกัน ซึ่งก็คือโครงการสำนักงานลุมพินี ทาวเวอร์ บนถนนพระรามที่ 4 ที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นโครงการที่เป็นจุดรวมของมืออาชีพในสายงานต่าง ๆ ทั้งสถาปนิก วิศวกร นักการตลาด ลุยโครงการแรกด้วยกันจนทำให้ LPN แจ้งเกิดขึ้นมาได้ในที่สุด

 

ก้าวแรกบนเส้นทาง LPN จากตั้งใจอยู่แค่ 2 ปี กลายเป็นเกือบ 30 ปี

“ผมเข้ามาที่ LPN ตอนปี 2538 ตอนแรกคิดว่าเข้ามาสัมผัสสักปีสองปีแล้วก็จะไปหางานที่อื่น”

คุณโอภาสเล่าให้ฟังถึงความตั้งใจตอนแรกที่ผิดแผนไปไกลมาก เพราะนับไปนับมา ปีนี้คุณโอภาสอยู่ที่ LPN มา 28 ปีแล้ว ช่วงที่คุณโอภาสเข้ามาทำงาน LPN เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ 2 - 3 ปี และกำลังมองหาคนเข้ามาดูแลเรื่องวิจัยและพัฒนา ถ้าในสมัยนี้ ตำแหน่งคุณโอภาสก็คือ BD หรือ Business Development นั่นเอง และไม่ได้วางแผนจะปักหลักที่ LPN เลย แต่บังเอิญว่า ปี 2538 - 2539 ซึ่งเป็นช่วงที่ LPN นั้กำลังไปได้สวย แต่กลับต้องมาเจอกับสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มส่อแววไม่ดี จนเข้าปี 2540 ที่เจอวิกฤตต้มยำกุ้งเล่นงานเข้าไป LPN จึงไม่ต่างจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์เจ้าอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ ยุคนั้น LPN มีพนักงานอยู่ประมาณ 200 - 300 คน ก็ต้องปลดพนักงานออกไปหลายคน  

 

“จริง ๆ ผมเป็นคนที่ไม่อยากอยู่นาน แต่ดันกลายเป็นคนที่ถูกเลือกให้อยู่ต่อ ตั้งแต่เจอวิกฤต 2540 จนมาถึงตอนนี้ มีเรื่องให้ทำตลอดเลย จากเดิมที่ตั้งใจจะอยู่สัก 1 - 2 ปี ก็กลายเป็นทำไปเรื่อย ๆ สนุกดีนะครับในช่วงชีวิตที่ผ่านมา”

 

‘แอล.พี.เอ็น.’ บนเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษในวงการอสังหาฯ รุกเปิด ‘168’ แบรนด์ใหม่สุดท้าทาย

 

ในฐานะหนึ่งในคนทำงานที่อยู่กับ LPN มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก จนถึงวันนี้เป็นเวลา 34 ปีพอดี คุณโอภาสก็ยังคงทำงานด้วยการยึดมั่นในแก่นแท้ของ LPN มาตลอด 

 

“LPN เราตั้งใจที่จะทำบ้านคุณภาพครับ มีคำพูดของเจ้านายผม เขาบอกว่าไม่ค่อยดีใจเท่าไรกับการทำบ้านแพง ๆ ขายได้กำไรมาก ๆ แต่จะมีความสุขเวลาได้เดินเข้าไปในโครงการที่เราพัฒนาขึ้นมา แล้วเห็นแววตาลูกค้าที่เขามีความสุขที่ได้เข้าไปอยู่ในบ้านคุณภาพ สิ่งนี้คือ Passion ของ LPN ที่เป็นจุดเริ่มต้นขององค์กร และเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่มาถึงทุกวันนี้”

 

ความเชื่อมั่นของผู้ก่อตั้ง LPN ได้ถูกส่งต่อมาจากวันแรกจนถึงวันนี้ จากผู้บริหารสู่พนักงาน ให้ทุกชีวิตใน LPN ได้เชื่อมั่นว่าการทำให้คนคนหนึ่งได้มีโอกาสอยู่ ‘บ้าน’ ที่มีคุณภาพ คือสิ่งสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของความสุขในชีวิตของเขา และขณะเดียวกัน ก็เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ของคนทำงานด้วยเช่นกัน 

 

‘แอล.พี.เอ็น.’ บนเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษในวงการอสังหาฯ รุกเปิด ‘168’ แบรนด์ใหม่สุดท้าทาย

 

‘Transform for Better Living’ จาก Lumpini สู่ ‘168’

 

LPN ยืนหยัดอยู่ในวงการมาหลายสิบปี ถ้าพูดถึง LPN ใครหลายคนน่าจะนึกถึงที่อยู่อาศัยในราคาจับต้องได้ พ่วงมาด้วยภาพจำที่ว่าโครงการ LPN ใช้เวลาสร้างเสร็จไวมาก ชนิดที่ว่าถ้าไม่ได้ขับรถผ่านไปโครงการที่กำลังสร้างอยู่ แค่เดือนเดียว รับรองได้เห็นตึก LPN ขึ้นมาทั้งตึกแล้ว 

 

“สมัยก่อนถ้าเทียบกับคนอื่น LPN สร้างเสร็จเร็วกว่ามาก เผลอแป๊บเดียวขึ้นมาทั้งโครงการแล้ว ที่เราทำเร็ว ก็เพราะกลุ่มลูกค้าของเราเป็นกลุ่มที่เช่าพักอาศัย ถ้ายิ่งนาน เขาต้องผ่อนดาวน์ไปเรื่อย ๆ อาจจะไม่ไหว เราเร็วขึ้นมา 1 ปี เท่ากับเขาประหยัดค่าเช่าไปได้ 1 ปี เราเลยได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่สร้างเร็ว แล้วก็ได้คุณภาพด้วย”

 

ตลอดกว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา LPN จึงเป็นที่อยู่อาศัยที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่อยู่ได้จริง ในราคาจับต้องได้ และมีสภาพแวดล้อมปลอดภัย แถมยังซื้อง่ายขายคล่อง ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นกลุ่มเบบี้บูมเมอร์และ Gen X ที่มองความคุ้มค่าและ การใช้งานต้องมาเป็นหลัก แต่ ณ วันนี้ ลูกค้าเปลี่ยนเป็น Gen ใหม่ และพัฒนาไปเรื่อยๆ แล้ว ทำให้ LPN ต้องขยับมาลงสนามใหม่ตามไปด้วย 

 

“LPN เราผูกพันกับ Gen รุ่นก่อน เราเลยวางโมเดลธุรกิจตามนั้น แต่ตอนนี้จากคนที่ต้องต่อสู้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง กลายเป็น Gen หลัง ๆ ที่พ่อแม่ทำไว้ให้หมดแล้ว เริ่มมีฐานะดีขึ้น เรื่องฟังก์ชันและความคุ้มค่าจะกลายเป็นเรื่องรองแล้ว เรื่องอารมณ์ความรู้สึกจึงเข้ามามีบทบาทกับลูกค้ามากขึ้น ถ้า LPN ยังอยู่ตรงนี้ที่เดิม ยังยึดติดกับตรงนี้ เราก็ต้องตกขบวนไป เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้วแต่เรายังไม่เปลี่ยน LPN ต้องหยิบแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเพื่อตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เลยเป็นจุดกำเนิดของแบรนด์ 168 ที่เรากำลังสร้างขึ้นมา”  

 

‘แอล.พี.เอ็น.’ บนเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษในวงการอสังหาฯ รุกเปิด ‘168’ แบรนด์ใหม่สุดท้าทาย

 

ขยับขึ้นอีกขั้นกับ ‘168’ พื้นที่น่าอยู่ บทบาทท้าทายใหม่ของ LPN

 

‘168’ ชื่อนี้มีที่มา คุณโอภาสเล่าว่าตอนได้ฟังครั้งแรกไม่ถูกใจเพราะดูอย่างไรก็ไม่เป็น LPN แต่พอได้ฟังที่มาที่ไปจากทีมงาน ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมแบรนด์ใหม่แห่งบ้านหลังใหญ่ LPN ถึงมาลงเอยที่ชื่อ 168 ได้ 

 

“168 เป็นบ้านเลขที่ของลุมพินี ทาวเวอร์ ที่เป็นรากเหง้ามาจากโครงการแรกของเรา เป็นจุดกำเนิดของบริษัทจริง ๆ และถ้ามองในทางฮวงจุ้ย เลข 168 เป็นเลขมงคลมาก 1 คือความสำเร็จ 6 คือทรัพย์สินเงินทอง 8 คืออายุยืน แล้ว 168 ก็มาจากเลข 24 คูณ 7 ด้วย ชีวิตคนเราต้องเกี่ยวกับตัวเลขนี้ มันคือ 24 ชั่วโมง กับ 7 วัน ทั้งหมดเลยเกี่ยวกับธุรกิจของเรา เพราะ LPN เราทำที่พักอาศัย ต้องอยู่ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง”

 

แบรนด์ใหม่อย่าง 168 ยังคงยึดมั่นในแนวคิดดั้งเดิมของ LPN ที่เน้นฟังก์ชันการใช้งาน แต่ครั้งนี้ 168 จะไม่เหมือนโครงการที่ผ่านมา เพราะ 168 จะสลัดภาพจำเดิม ๆ ด้วยความลักชัวรีมากขึ้นที่ถือเป็นความท้าทายบทใหม่ของ LPN 

 

“168 ของเรามีกลิ่นอายความลักชัวรีมากขึ้น แต่เราแตกต่างจากคนอื่นตรงที่ 168 ไม่ใช่ความหรูหราแบบสุดโต่ง เพราะเรายังเน้นการใช้งานที่เป็นหัวใจสำคัญของ LPN อย่างบ้าน หรืออาคารบางที่จะทำให้เปลือกนอกสวยที่สุดก่อน ข้างในจะเป็นอย่างไรช่างมันเพราะข้างนอกสวยแล้ว อย่างนี้คือ Outside-in แต่ LPN มันทั้ง Inside-out และ Outside-in เราเริ่มจากดูข้างในก่อนว่าฟังก์ชันโอเคไหม แล้วค่อยมาดูข้างนอก เหมือนแต่งหน้าทาปากให้ เสร็จแล้วก็กลับเข้าไปดูข้างในอีกทีว่าสิ่งที่เราใส่เข้าไป มันทำให้ข้างในเราเสียไหม Inside ต้องได้ Outside ต้องได้”

 

‘แอล.พี.เอ็น.’ บนเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษในวงการอสังหาฯ รุกเปิด ‘168’ แบรนด์ใหม่สุดท้าทาย

 

นอกจากความลักชัวรีที่เป็นสีสันใหม่แล้ว ครั้งนี้ LPN ยังสร้างความแตกต่างให้ 168 ด้วยการออกแบบที่แปรเปลี่ยนไปตามโลเคชันด้วย ยิ่งสลัดภาพจำเดิม ๆ ของ LPN ได้ดีเข้าไปอีก เพราะ 168 จะไม่ได้ทำให้คนนึกถึงตึก LPN สีน้ำตาล สีเขียว หรือสีครีม ที่ดูกลืน ๆ กับทุกอย่างอีกต่อไปแล้ว  

 

“168 นี่อีกขั้วหนึ่งเลย เพราะสมัยก่อน LPN จะสีอ่อน ๆ เน้นจำนวนยูนิตเยอะ ๆ ทุกโครงการเหมือนกันหมด ไม่ได้มีคาแรกเตอร์อะไรที่โดดเด่น แพลนนิ่ง ดีไซน์ ยูนิต ใช้ซ้ำ ๆ ไปเพื่อบริหารต้นทุน แต่ 168 จะมีจำนวนยูนิตไม่เยอะ เน้นดีไซน์ใหม่ ไม่ใช่ไปที่รามอินทรา ที่พระรามสี่ ห้องตัวอย่างก็เหมือนกันหมด จะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ทุกอย่างจะ Customize ไปแต่ละโครงการ เพื่อให้แต่ละโครงการมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง”

 

‘แอล.พี.เอ็น.’ บนเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษในวงการอสังหาฯ รุกเปิด ‘168’ แบรนด์ใหม่สุดท้าทาย

 

LPN กับความรับผิดชอบต่อลูกบ้าน - ตนเอง - สังคม

 

“สิ่งนี้เป็นอะไรที่เราปลูกฝังกันมานานใน LPN ครับ”

 

คุณโอภาสย้ำถึงแนวทางในการทำงานที่ LPN ยึดความรับผิดชอบเป็นหลัก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ LPN ยืนหยัดอยู่แถวหน้าในฐานะผู้นำอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทยได้จนถึงทุกวันนี้ 

 

“ไม่ว่าจะ LPN รุ่นไหนนะครับ จะมีความรับผิดชอบอยู่เสมอ ต่อให้โครงการนั้นหมดสัญญาค้ำประกันไปแล้ว แต่ถ้ามีปัญหาที่เกิดจาก LPN เอง เรายินดีเข้าไปแก้ไขให้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ในสัญญา 5 ปี 3 ปี 2 ปี ถึงจะเข้าไป ถ้าเกินนี้แล้วไม่ทำ นี่เป็นปณิธาณที่ส่งต่อกันมา เป็นจุดยืนของเราตั้งแต่วันที่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงวันนี้” 

 

แนวคิดความรับผิดชอบของ LPN ที่คุณโอภาสยึดถือ ไม่ได้ใช้แค่กับลูกบ้าน เพราะความรับผิดชอบนี้คือจุดเริ่มต้นของความใส่ใจที่ LPN มีให้ทุกชีวิตในองค์กร และส่งต่อออกไปยังสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย อย่างบริษัทรักษาความสะอาด หรือ LPC ที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมภายใต้ LPN ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า LPN รับผิดชอบและใส่ใจคนทำงานอย่างแท้จริง

 

​“พนักงาน LPC ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้รับโอกาสทางสังคม เรามองว่าไหน ๆ เราทำธุรกิจแล้ว เราต้องมีความรับผิดชอบตรงนี้ รับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่แค่เอาเงินไปบริจาค ไปปลูกต้นไม้ แต่มันต้องอยู่ในกระบวนการทำธุรกิจของ LPN เลย เราช่วยเหลือพวกเขาให้มีศักดิ์ศรีในสังคม เราส่งให้เขาเรียนหนังสือ เราให้ทุนการศึกษาลูกหลานเขา มีหนี้นอกระบบเรายังเข้าไปดูแล ไปแก้ให้ ช่วยปลดหนี้ให้ เขามาทำงานกับเราแล้วเขาได้รับโอกาสในชีวิต”

 

‘แอล.พี.เอ็น.’ บนเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษในวงการอสังหาฯ รุกเปิด ‘168’ แบรนด์ใหม่สุดท้าทาย

 

3 ทศวรรษที่ผ่านมา กับเส้นทางข้างหน้าของ LPN ในการสร้างสรรค์พื้นที่ ‘น่าอยู่’ 

 

ปี 2538 คุณโอภาสเริ่มต้นในตำแหน่งพนักงานฝ่าย BD สั่งสมประสบการณ์มาตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี จนวันนี้คุณโอภาสได้อยู่ใต้หลังคา LPN ในฐานะ CEO ที่พา LPN ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

 

“ในมุมทำงานของคนที่เป็นลูกน้อง LPN คือโอกาสที่ดี มีเจ้านายที่ให้โอกาส ผมเป็นคนที่ไม่ได้มีการศึกษามากมาย จบปริญญาตรีด้านสถาปัตยกรรม และอาศัยประสบการณ์ต่าง ๆ จนได้รับโอกาสให้ขึ้นมาอยู่ตำแหน่งนี้ ถ้าพูดถึงตำแหน่งที่ผมอยู่ตอนนี้ ถามว่าหนักไหม มันก็หนัก ช่วงเวลา 3 - 4 ปีที่ผ่านมาที่โควิด-19 เล่นงาน ธุรกิจก็อยู่ในช่วงขาลง ถอดใจไปมากพอสมควร แต่พอนึกถึงสายตาของลูกน้องที่มองมาที่เรา ความรู้สึกตรงนั้นมันหายไปทันที เพราะรู้ว่าถ้าเราไม่ทำ ลูกน้องเราจะแย่ มันเป็นพลังที่ทำให้เราลุกขึ้นมาสู้กับปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น และในฐานะคนทำบ้าน ต้องบอกว่าเราพยายามทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด ให้คนที่เข้ามาอยู่ในโครงการได้รับสิ่งดี ๆ ให้ได้มากที่สุด สิ่งเหล่านี้คือกำลังใจในการทำงานและขับเคลื่อน LPN ให้เดินหน้าต่อไป”

 

3 ทศวรรษที่ผ่านมา LPN ได้ยึดแถวหน้าของวงการอสังหาริมทรัพย์ด้วยจุดยืนในการสร้างสรรค์พื้นที่น่าอยู่ ยึด 5 แกนหลักในการทำงานที่ต้องนึกถึงความสะดวก สบาย สุขภาวะ สิ่งแวดล้อม และสังคม

 

“นี่คือ 5 แกนหลักที่เราให้ความสำคัญ ทุกโครงการที่ LPN พัฒนา เราให้ความสำคัญกับคำว่าน่าอยู่ สำหรับผม พื้นที่น่าอยู่ต้องเป็นเป็นพื้นที่ที่เราสามารถเป็นตัวของตัวเอง มีความสุข ปลดปล่อยตัวเราจากความวุ่นวายข้างนอกได้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต”

 

เส้นทางข้างหน้าของ LPN ภายใต้การนำของคุณโอภาส เราจะได้เห็น LPN ในแบบฉบับใหม่อย่างเช่น 168 ที่ Outside อาจจะหน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิม แต่รับรองว่า Inside ยังคงเป็นจุดยืนสร้างสรรค์พื้นที่ ‘น่าอยู่’ ที่ LPN ยืนหยัดมาตลอดอย่างแน่นอน

 

‘แอล.พี.เอ็น.’ บนเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษในวงการอสังหาฯ รุกเปิด ‘168’ แบรนด์ใหม่สุดท้าทาย