17 ก.ค. 2566 | 17:19 น.
- Forbes Thailand ได้ประกาศการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยปี 2023
- ชื่อของ ‘ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์’ ติดโผการจัดอันดับดังกล่าวในอันดับที่ 24 ด้วยทรัพย์สินกว่า 1.4 พันล้านเหรียญ
- เขา ทำธุรกิจหลายอย่าง เช่น เป็นเจ้าของตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นเดอะมอลล์ รวมถึงยังเป็นผู้คร่ำหวอดทางการเมืองไทย ในฐานะ ‘บ้านใหญ่แห่งเมืองพิจิตร’
ในช่วงที่การเมืองกำลังเป็นประเด็นร้อนที่มีการพูดถึงอย่างแพร่หลายในแทบจะทุกวงสังคม ชื่อของนักการเมืองหลายท่านอาจปรากฏให้เห็นและได้ยินบ่อยขึ้นผ่านสื่อต่าง ๆ ทว่าชื่อของ ‘ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์’ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้คร่ำหวอดในทำเนียบการเมืองไทยกลับไปโดดเด่นในแวดวงธุรกิจ จากการติดทำเนียบ ‘เศรษฐีหน้าใหม่’ ในการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยปี 2023 ของ Forbes Thailand
ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าไตรมาสที่ 3 ถือเป็นช่วงขาขึ้นสำหรับธุรกิจจากหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก กำลังซื้อที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ชื่อของประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ หนึ่งในผู้ถือหุ้น The Mall Group และประธานคณะกรรมการ บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด หรือ ตลาดไท เข้าติดโผการจัดอันดับดังกล่าว ในอันดับที่ 24 ด้วยทรัพย์สินกว่า 1.4 พันล้านเหรียญ
แม้เขาจะประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจด้วยตัวเลขการันตีมากเพียงใด ประดิษฐ์ก็ยังไม่ทิ้งการเมือง เพราะเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ได้มีการรายงานถึงการจับมือกันครั้งยิ่งใหญ่อย่างเป็นทางการระหว่างประดิษฐ์ และแกนนำพรรคภูมิใจไทย นำโดย ‘อนุทิน ชาญวีรกุล’ อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและหัวหน้าพรรค จุดประสงค์เพื่อลุยศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ชิงเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตร
หลายคนอาจเข้าใจว่า ประดิษฐ์เป็นนักการเมืองที่หันไปทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ แต่แท้จริงแล้ว เขาเริ่มต้นเส้นทางสายธุรกิจจากอุตสาหกรรมโรงแรมและโรงงานผลิตเครื่องครัวอะลูมิเนียม ก่อนที่จะผันตัวเข้าสู่ทำเนียบการเมืองเมื่อปี 2538 ในตำแหน่ง ส.ส. พิจิตร จังหวัดบ้านเกิด ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ จากการชักชวนของ ‘พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์’ เลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น
ต่อมาประดิษฐ์ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในปี 2540 ซึ่งเป็นช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ขึ้นเป็นรัฐบาล
หลังการเลือกตั้งในปี 2548 ประดิษฐ์ในตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เสนอยุทธศาสตร์เลื่องชื่ออย่าง ‘อีแต๋นพลีชีพ’ ก่อนจะตัดสินใจลดบทบาททางการเมืองของตนเองลงด้วยเหตุผลจากการอิ่มตัว และได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการในท้ายที่สุดช่วงหลังรัฐประหารในปี 2549
แต่เส้นทางทางการเมืองของประดิษฐ์ไม่ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น เพราะ 1 ปีให้หลังเขาก็กลับเข้ามาสู่สังเวียนการเมืองในตำแหน่งเลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา โดยการนำของ ‘สุวัจน์ ลิปตพัลลภ’ และได้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในปี 2551 ต่อเนื่องจนปี 2552
หลังจากนั้นประดิษฐ์ก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่น เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยรักษาชาติ และดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับบทบาทเจ้าของธุรกิจมากมาย รวมถึงธุรกิจตลาดค้าส่งผักผลไม้รายใหญ่ระดับภาคอย่าง ‘ตลาดไท’ และ ‘ตลาดสี่มุมเมือง’
ทุกอย่างอาจดูเป็นไปดั่งใจราวกับวางหมาก จนกระทั่งปี 2560 ประดิษฐ์ถูกเรียกสอบคดีพัวพันการฟอกเงินโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ ‘อนันต์ อัศวโภคิน’ ผู้บริหารบริษัท Land and House
โดยเรื่องทั้งหมดเริ่มจากการที่ ‘ศุภชัย ศรีศุภอักษร’ ได้ยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และนำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อที่ดินในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จากนั้นนำไปขายต่อให้อนันต์ในราคา 94 ล้านบาท ก่อนที่ดินจะถูกยกให้วัดพระธรรมกายใช้ประโยชน์
ซึ่งต่อมาประดิษฐ์ได้ซื้อที่ดินผืนนี้ต่อจากอนันต์โดยกล่าวว่า มีเจตนาซื้อที่ดินเพื่อปิดกั้นคู่แข่งทางการค้าตลาดผักผลไม้ในพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น
ต่อมาเมื่อต้นปี 2561 ประดิษฐ์ในวัย 62 ปี ก็ได้ตัดสินใจสละทางโลกออกบวชเป็นพระภิกษุโดยพำนักอยู่ ณ วัดป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ก่อนจะลาสิกขาในช่วงเดือนเมษายนปีเดียวกัน หลายเสียงวิจารณ์ไปว่าเขาออกบวชเพื่อหนีการเมือง แต่เขาเองได้ปฏิเสธแล้วว่าเหตุผลในการบวชครั้งนี้เป็นไปด้วยความตั้งใจอยากศึกษาพระธรรมและทดแทนคุณบุพการีอย่างแท้จริง
ปัจจุบันประดิษฐ์แท็กทีม ‘วินัย ภัทรประสิทธิ์’ น้องชายเข้าร่วมเป็นสมาชิกในสังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยทีมสองพี่น้องภัทรประสิทธิ์มีเป้าหมายยึด 2 ที่นั่งในพื้นที่เมืองพิจิตร ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะเรียกได้ว่าเป็นก้าวสำคัญในการประกาศการกลับมาของประดิษฐ์ในฐานะนักการเมืองเต็มตัว
แน่นอนว่า เส้นทางสายการเมืองและธุรกิจของประดิษฐ์ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ตัวเขาเองได้ผ่านตำแหน่งทางการเมืองมาอย่างเข้มข้น โดยเริ่มจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยประสบการณ์และผลงาน ทำให้เขาได้รับเลือกดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีถึง 2 ครั้ง 2 สมัย ก่อนจะมาเจอมรสุมร่างแหคดีที่ดินฟอกเงิน แต่เขาก็ยังสามารถประคับประคองธุรกิจจนกระทั่งประสบความสำเร็จถึงขั้นติดอันดับ 50 มหาเศรษฐี Forbes Thailand
และด้วยปัจจัยต่าง ๆ นี้ ส่งให้ชื่อของ ‘ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์’ เป็นแคนดิเดตจากจังหวัดพิจิตรที่แข็งแกร่งในการเลือกตั้งสมัยหน้าคนหนึ่ง ส่วนการเคลื่อนไหวในการเดินหมากต่อไปของเขาจะเป็นอะไร ต้องติดตามชมกันต่อไป
.
เรื่อง : กมลชนก จึงชาญชัยกุล
ภาพ : Nation Photo,เพจตลาดสี่มุมเมือง, เดอะมอลล์, YouTube ตลาดไท
.
อ้างอิง
.