03 ส.ค. 2566 | 12:40 น.
กอล์ฟ ดิ โอเพน กอล์ฟรายการเก่าแก่ที่สุดของโลก จัดมาเป็นครั้งที่ 151 เป็นกอล์ฟรายการสำคัญที่สุดของโลก 1 ใน 4 รายการระดับเมเจอร์ แข่งขันจบไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมแชมป์หน้าใหม่ ไบรอัน ฮามัน ที่รับรางวัลใหญ่ที่สุดในชีวิต นอกจากการแข่งขัน ยังมีความน่าสนใจอีกข้อ ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปีนี้ และมีความใกล้ชิดกับคนไทย คือ สิงห์ แบรนด์คนไทย ที่ได้นำพาเอกลักษณ์ไทย ไปปักธงในเวทีกอล์ฟที่มีมนต์ขลังของสนามในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ผ่านสายตาผู้ชมร่วม 3 แสนคน ในสนามตลอด 4 วัน ความน่าสนใจให้หลายคนอาจจะตั้งคำถาม ทำไมประเทศที่จัดได้ว่ามีโรงงานผลิตเบียร์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กว่า 2,000 แห่ง และรายการแข่งขันกีฬาที่มีประวัติยาวนานตัดสินใจเลือกแบรนด์ไทย เป็น Official Beer Partner ประจำการแข่งขันปีนี้#ทำไมกอล์ฟรายการ “ดิ โอเพน” แชมเปียนชิพ ถึงเป็นรายการสำคัญที่สุดของโลก
ในบรรดาการแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์ 4 รายการหลัก ที่วงการกอล์ฟโลกฝั่งผู้ชาย ผู้เล่นทุกคน และทัวร์ใหญ่ๆ ไม่ว่าจะ PGA Tour และ DP World Tour ให้ความสำคัญที่สุด 1 ในนั้นคือ ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ (ภายหลังตัด แชมเปียนชิพ หรือ บริทิช โอเพน ออก) รายการแชมเปียนชิพที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุด เป็นรายการเมเจอร์เดียวที่แข่งนอกสหรัฐฯ เริ่มต้นแข่งขันครั้งแรกที่สก็อตแลนด์ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1860 ต่อเนื่องเรื่อยมา นับถึงปัจจุบัน แข่งเป็นครั้งที่ 151 จะหากีฬารายการไหนที่แข่งขันในวงกว้าง ยาวนานต่อเนื่องเท่านี้อีกคงไม่มี ด้วยเสน่ห์การจัดในสหราชอาณาจักร ประเทศแหล่งกำเนิดของกีฬากอล์ฟ จนกลายเป็น Home Of Golf ด้วยสนามที่ออกแบบในสไตล์เฉพาะตัวแบบชาวเมืองผู้ดี ที่เรียกว่า ลิงค์ คอร์ส (Link Course)
อุปสรรคโดยธรรมชาติของภูมิประเทศสนามลักษณะนี้ ข้อแรกเลยคือ สภาพลมแรง แถมทิศทางลมที่ยากจะคาดเดา ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะ ความแปรปรวนของลมทะเลที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อีกทั้งนักกอล์ฟที่มาแข่ง ล้วนเป็นมือดีที่สุดของโลก จากการจัดอันดับเวิลด์แรงกิ้ง และที่ผ่านการคัดเลือกมาจากการแข่งขันในทัวร์ต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งนักกอล์ฟสมัครเล่นฝีมือดีที่เล่นรายการควอลิฟายด์มาโดยเฉพาะถ้วยรางวัลแคลเร็ท จั๊ก (Claret Jug) คือถ้วยรางวัลทรงคุณค่าที่สุดในวงการกอล์ฟ เป็นหนึ่งในถ้วยรางวัลอันมีเอกลักษณ์ของรายการนี้ เป็นที่จดจำได้มากที่สุดในการแข่งขันกีฬา เพราะเป็นโทรฟีที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ มีการมอบให้แชมป์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 1872 ไม่นับเรื่องของเงินรางวัลแชมป์รับไปคนเดียวถึง 3 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ หรือกว่า 100 ล้านบาท และสิทธิในการแข่งขันทัวร์หลักของโลก รายการกอล์ฟ "ดิ โอเพน" จึงเป็นรายการแข่งขันกอล์ฟที่นักกอล์ฟทั่วโลกเฝ้ารอคอย
#เบื้องหลังดีล ดิ โอเพน ยื่นข้อเสนอ ต้องการทำงานร่วมกับ ‘สิงห์’
เปิดเบื้องหลังจากรายละเอียดบิ้กดีล การเซ็นสัญญา ให้ สิงห์ เป็น Official Beer Partner กอล์ฟ ดิ โอเพน ระหว่างปี 2023-2025 น่าสนใจว่า สิงห์ ไม่ได้เป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอ หากแต่ทาง The R&A ผู้จัดการแข่งขันเอง เป็นผู้ติดต่อให้แบรนด์สิงห์ เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ด้วยความเก่าแก่และความเป็นที่ยอมรับของแบรนด์คนไทยมากว่า 90 ปี จากการมีส่วนร่วมทำการตลาดผ่านการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ระดับนานาชาติของสิงห์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตอกย้ำภาพลักษณ์เบียร์ไทยระดับเวิลด์คลาส สู่การเป็น Global Brand ที่ได้รับการยอมรับระดับสากล
คุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ทายาทผู้บริหาร รุ่นที่ 4 ของบุญรอดฯ ผู้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกมากมาย เผยถึงดีลที่น่าภูมิใจนี้ ว่าทาง R&A (The Royal and Ancient Golf Club of St. Andrews) องค์กรผู้จัดกีฬากอล์ฟเก่าแก่ที่สุด ยื่นข้อเสนอการทำงานร่วมกัน ในฐานะ Official Beer Partner
“หลังจากที่เราไปสร้างฐานการผลิตที่ประเทศอังกฤษ เพื่อผลิตเบียร์สิงห์จำหน่ายในตลาดแถบยุโรป โดยความร่วมมือกับ Shepherd Neame แบรนด์อังกฤษ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี ที่ผลิตเบียร์สิงห์ให้กับเราในประเทศอังกฤษ ด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์ และการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ พอมีการรับรู้ การยอมรับ เมื่อมีฐานการผลิตมาเป็นเวลาหนึ่งแล้ว ทำให้เรายิ่งมีโอกาสการขายมากขึ้น”
“การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ของกีฬาระดับโลก ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วไป Bid แต่จะต้องเป็นแบรนด์ที่มีความเหมาะสมด้วย เขาจะต้องพิจารณาว่าแบรนด์สินค้าประเภทไหนเหมาะกับการแข่งขัน (กอล์ฟ ดิ โอเพ่น) มากกว่า เรียกง่ายๆ ว่าไม่สามารถนำแบรนด์ทั่วๆ ไป มาเป็นสปอนเซอร์ ต้องเป็นแบรนด์ระดับโลก รู้จักในวงกว้าง มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เขาดูว่าประวัติบริษัทมีที่มาอย่างไร เกิดมาอย่างไร ทำอะไรมาบ้าง กลายเป็นสิ่งที่ผู้จัดต้องไปศึกษามาก่อน สะท้อนว่าวันนี้สิงห์ กลายเป็นแบรนด์ระดับโกลบอล จากสิ่งที่เราสร้างมาตลอด 90 ปี เป็นความภูมิใจของเราที่สามารถสร้างการยอมรับ เป็นสิ่งที่มีเงินอย่างเดียว ก็ใช่ว่าจะสามารถไปทุ่มซื้อสปอนเซอร์ได้ อย่างกีฬารายการอื่น”
#โลโก้สิงห์ กลายเป็นเบียร์ที่คนอังกฤษคุ้นเคย
สิงห์ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ หากแต่เป็นผู้บุกเบิกการทำตลาด Sport Marketing ในแมทช์และทีมกีฬาดังระดับโลกมากเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น การเป็นพันธมิตรกับสโมสรฟุตบอลชั้นนำของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ (EPL) อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชลซี และเลสเตอร์ ซิตี้ การเป็นพาร์ทเนอร์กับการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี และการเข้าสู่วงการแข่งรถสูตรหนึ่ง หรือ F1 ซึ่งถือเป็นเบียร์สองแบรนด์แรกที่เข้ามาสนับสนุนวงการแข่งรถเอฟวัน โดยสิงห์ได้เริ่มเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนทีมแข่งที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก อย่างทีมเรดบูล เรซซิ่ง ในปี 2009 และจากนั้นในปี 2016 ได้เข้าไปสนับสนุนทีมเฟอร์รารี จนถึงทีมระดับตำนานอย่าง อัลฟ่า โรมิโอ ในปัจจุบัน#ทำไมถึงน่าตื่นเต้นที่ สิงห์ เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลัก ดิ โอเพน แล้วเราคนไทยจะได้อะไร
ลวดลายความวิจิตร และโดดเด่นของโลโก สิงห์ ล้วนเตะสายตาผู้ชมกีฬาทั่วทั้งโลกมายาวนานจนคุ้นชิน เป็น Product ที่สามารถเป็นตัวแทนความเป็นไทยเป็นอย่างดี ให้การรับรู้ที่สิงห์ เสมือนส่วนประกอบสำคัญบนโต๊ะอาหารเมื่อทานอาหารไทย การผ่านสายตาทั่วโลกมาหลายสิบปี สร้างความรู้จัก สู่ความใกล้ชิดของแบรนด์ ต่อคนทั้งโลกได้เป็นอย่างยิ่ง
“ที่ผ่านมาเราเอาสินค้าเข้าไปในอังกฤษอยู่แล้ว แต่อาจติดเรื่องกำลังการผลิต เรื่องการนำเข้า เรื่องราคา จนมาถึงวันนี้ เราพร้อมแล้วที่จะรุกตลาดเต็มตัว เราต้องการเข้าไปมีบทบาทในรายการแข่งขันกีฬาในอังกฤษมากขึ้น การสร้างผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่จดจำ ว่าประเทศไทยมีสินค้าคุณภาพ ผ่านเอกลักษณ์ความเป็นไทย สู่สายตาโลก พร้อมกับการนำกีฬาระดับโลกมาให้คนไทยได้ใกล้ชิด ได้มาสัมผัส”# ‘สิงห์’ ส่งออก ‘ซอฟต์ พาวเวอร์’ ผ่านแบรนด์ไทย
แน่นอนว่าการเป็นออฟเชียล เบียร์ พาร์ทเนอร์ ของสิงห์ กับ ดิ โอเพน ส่วนหนึ่งก็เพื่อประโยชน์ในแง่ของการทำตลาดในต่างประเทศ เพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ ผ่านกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ในรายการกีฬาระดับโลก หากแต่การประเมินมูลค่าที่ได้รับเป็นเม็ดเงิน เมื่อมองยอดขาย อาจไม่ได้คุ้มค่า กับการทุ่มเงินเข้ามาเป็นผู้สนับสนุน ทว่าเมล็ดพันธุ์ที่ค่อยๆ หว่านลงไปอย่างต่อเนื่องมายาวนาน ผ่านการสนับสนุนตั้งแต่ตัวนักกีฬามาตั้งแต่เยาวชนจนระดับอาชีพ การจัดการแข่งขัน การเป็นส่วนหนึ่งของวงการกอล์ฟไทย การสร้างรากฐานมาอย่างยาวนานหลายสิบปี เหล่านี้เอง ที่อาจกล่าวได้ว่า เป็นผลผลิตของความสำเร็จที่สร้างให้สิงห์ ได้รับเกียรติ ก้าวไปเป็นพาร์ทเนอร์การแข่งขัน ที่ผู้จัดสามารถเสนอการทำงานร่วมกับใครก็ได้ แต่สตอรี่ของแบรนด์สิงห์ ที่ยึดโยงกับวงการกอล์ฟไทย ผนวกกับความเป็นแบรนด์ที่อยู่ในระดับโกลบอล เป็นข้อพิจารณาที่ทำให้ ดิ โอเพน เลือกจรดปากกาเซ็น สิงห์ กลายเป็นตัวแทนประเทศไทย นำความเป็นไทยไปใกล้ชิดผู้คนทั่วโลกยิ่งขึ้น ผ่านกีฬาที่มีฐานผู้ชมมหาศาล เป็นซอฟต์ พาวเวอร์ ที่ให้กลับคืนประเทศไทยในทางอ้อมและยั่งยืน
#นักกอล์ฟไทย และวงการกอล์ฟไทย มีวันนี้ได้เพราะ ’สิงห์’
การให้การสนับสนุนแบบ ‘ให้ทั้งใจ’ ตั้งแต่วัยเด็ก และให้ต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปี ต้องย้อนไปตั้งแต่เจเนเรชันก่อนหน้านี้ คุณสันติ ภิรมย์ภักดี มีความรักในกีฬากอล์ฟ และมีความตั้งใจที่จะผลักดันวงการกอล์ฟไทยให้เติบโตในเวทีระดับโลกเสมอ เพราะเชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพเพียงพอ แต่ละปี สิงห์ ไดเทุ่มเงินสนับสนุนให้วงการกอล์ฟไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม มูลค่าหลายร้อยล้านบาท กล่าวได้เลยว่าหากไม่มีสิงห์ นักกอล์ฟไทยคงยากที่จะไปโลดแล่นในเวทีระดับโลกได้อย่างทุกวันนี้
“วิถีของสิงห์เวลาเข้าไปมีส่วนร่วมกับสิ่งใด เราพยายามที่จะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่ได้แค่เพื่อสร้างนักกีฬา แต่เพื่อสร้างให้คนไทย ได้เข้าใจกีฬาชนิดนี้ สิ่งที่เป็น Return ถามว่าเป็นกำไรหรือไม่ ก็คงไม่ใช่ แต่เราอยากส่งต่อสิ่งเหล่านี้กลับมาให้คนไทย” คุณวรวุฒิ ทิ้งท้ายรูปภาพจาก facebook : Sadom keawkanjana
#เปิดสถิติ ผลงานดีที่สุดนักกอล์ฟไทยใน ดิ โอเพน
ปี 2022 สดมภ์ แก้วกาญจนา สร้างความฮือฮา ด้วยการทำสถิติ เป็นนักกอล์ฟไทยที่ทำผลงานดีที่สุด คว้าอันดับ 11 ร่วม ในการแข่งขันที่สนามเซนต์ แอนดรูวส์ โอลด์ คอร์ส สังเวียนสุดหิน และเป็นสนามเก่าแก่ของโลก ที่ประเทศสก็อตแลนด์ หลังทำสกอร์รวม 4 วัน 11 อันเดอร์พาร์ 277 สดมภ์ หรือโปรเพชร นักกอล์ฟหมายเลข 1 ของไทย อันดับ 132 ของโลกปัจจุบัน เป็น 1 ในโปรกอล์ฟรุ่นใหม่ของไทย ที่มากความสามารถ เป็นความหวัง ที่มาตามรอยแทนรุ่นพี่ ซึ่งที่ผ่านมา โปรแถวหน้าของเมืองไทย ล้วนผ่านสังเวียนแห่งนี้มาแล้วทั้งสิ้น ตั้งแต่ กิรเดช อภิบาลรัตน์ ธงชัย ใจดี ประหยัด มากแสง พรหม มีสวัสดิ์ และ พชร คงวัดใหม่ เป็นต้น