03 เม.ย. 2567 | 23:13 น.
KEY
POINTS
- World AeroPress Championship เป็นการแข่งขันเพื่อหาแชมป์โลกการทำกาแฟรูปแบบหนึ่ง
- เอกเมธ วิภวศุทธิ์ เป็นคนไทยคนแรกที่ได้แชมป์โลกจากการแข่งขันรายการนี้ในปี 2023
- กว่าจะประสบความสำเร็จเอกเมธต้องผ่านความผิดหวังหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดว่า การพ่ายแพ้เป็นสิ่งน่าอาย และนี่คือเรื่องราวของเขา
ในช่วงสายของวันหนึ่ง เราได้นัดหมายกับเอกเมธไปพูดคุยเรื่องราวชีวิต ณ ร้าน Brave Roasters สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งเมื่อตอนที่ไปถึงเขากำลังจิบกาแฟแก้วโปรดอยู่ ทำให้เราอยากรู้ว่า กาแฟแก้วโปรดของแชมป์โลก AeroPress คืออะไร
“ผมชอบเอสเปรสโซ เพราะทำได้เร็ว เวลาดื่มจะได้รสชาติของกาแฟแท้ ๆ และสามารถตัดสินได้เลยว่า คน ๆ นั้นทำกาแฟอร่อยหรือไม่”
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก เอกเมธใฝ่ฝันอยากเป็นนักดนตรี ทำให้ตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทว่าเมื่อก้าวสู่โลกของการทำงาน เขากลับเลือกหันเหเส้นทางชีวิตของตัวเองมาร่วมกับเพื่อนเปิดร้านกาแฟ แถวถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 1 จังหวัดเชียงใหม่ ใช้ชื่อว่า ‘ชั้น 1 คาเฟ่’ ชั้นล่างเป็นร้านกาแฟ ชั้นบนเป็น hostel
จุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้น นั่นเพราะนิสัยส่วนตัวของเขาชอบเรียนรู้ และข้อดีของการเปิดร้านกาแฟ ก็คือ การได้พบปะ พูดคุยและเซอร์วิสคนแบบมากหน้าหลายตา ทำให้ได้เห็นเรื่องราวชีวิตและเรียนรู้ผู้คนมากขึ้น
จากนั้นเขาได้แยกตัวมาเปิด Brave Roasters โรงคั่วของตัวเอง และเริ่มศึกษาเรื่องกาแฟอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว
“ผมไม่ได้มีความรู้หรือเชี่ยวชาญด้านกาแฟ แต่เรียนรู้แบบครูลักพักจำและสะสมประสบการณ์มาเรื่อย ๆ จนตอนนี้อยู่ในวงการกาแฟมานานกว่าสิบปีแล้ว”
ส่วนการลงแข่งขันในสนามต่าง ๆ ในวงการกาแฟของเอกเมธเริ่มเมื่อปี 2016 ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนทำกาแฟที่ส่วนใหญ่ต้องการพิสูจน์ ‘ฝีมือ’ และ ‘ความเจ๋ง’ ของตัวเอง
การเดินทางเส้นทางนี้เขาผ่านการแข่งขันมาหลายสนาม และผ่านความผิดหวังมาหลายต่อหลายครั้ง กว่าจะมาคว้ารางวัลชนะเลิศในรายการ Thailand Brewer Cup Championship ที่งาน Thailand Coffee Fest 2016
และในปี 2023 เป็นคนไทยคนแรกที่ครองตำแหน่งแชมป์โลกจากเวที World AeroPress Championship 2023 ที่มีกว่า 54 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขัน
“การแข่งขันมันเป็น Challenge ตัวเอง และผมก็อยากหาประสบการณ์ เพื่อให้รู้ว่า ฝีมือตัวเองเป็นอย่างไร ผมแข่ง Brewer มาตลอด และแพ้บ่อย แม้ได้ที่ 2 ก็ไม่ได้ความว่า ชนะไง ใคร ๆ ก็อยากชนะทั้งนั้นเชื่อผมดิ
“แต่แพ้ก็คือแพ้ มันสอนให้รู้ว่า เรายังมีจุดบกพร่อง ยังมีเรื่องต้องแก้ไข เวลาแพ้ผมจะกลับมามองว่า อะไรที่ให้แพ้แล้วพยายามหาทางปิดจุดนั้นซะ ส่วนเวลาชนะผมก็ดีใจเป็นปกติ แต่ยังไงก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ดี”
สำหรับ World AeroPress Championship เป็นการแข่งขันเพื่อหาคนที่ทำกาแฟด้วยวิธี AeroPress ได้ดีที่สุดในโลก (AeroPress เป็นวิธีการทำกาแฟรูปแบบหนึ่งที่ใช้แรงดันจากกระบอก AeroPress และสามารถออกแบบรสชาติของกาแฟได้เพียงการกดกระบอกเพียงครั้งหนึ่ง โดยรสชาตินั้นจะแตกต่างกันไปตามวิธีการของบาริสต้าทั้งน้ำหนักมือและเวลาในการกดกระบอก AeroPress)
ก่อนจะเข้าแข่งขันรายการนี้ในระดับโลก เอกเมธได้เข้าการแข่งขัน AeroPress ในประเทศไทยที่จะคัดตัวแทนจากทุกภาค ๆ ละ 6 คนเข้าร่วม ซึ่งเขาได้ที่ 3 ของภาคเหนือ
“ผมได้ที่ 3 นั่นแปลว่าผม แพ้นะ แปลว่าผมไปแข่งรอบประเทศ ถ้าผมได้ที่ 2 ก็ไม่มีความหมาย ผมเลยพยายามเล่นกับมันมากขึ้น ทำการบ้านและวางแผนเยอะขึ้นว่า เรากำลังจะเคลื่อนไหวไปทางทิศทางไหนอย่างนั้นเลย”
ดังนั้นการเตรียมตัวไปแข่ง World AeroPress Championship 2023 เขาจึงซ้อมและซ้อม โดยเซตไว้ว่า หนึ่งสัปดาห์จะซ้อม 2-3 วัน และเป็นการซ้อมทั้งวันตั้งแต่เช้าไปจรดเย็น วันละประมาณ 30-40 แก้ว โดยใช้เวลาในการซ้อมเพื่อลงแข่งในสนามใหญ่นี้รวม ๆ แล้วประมาณ 5 เดือนครึ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้จะซ้อมมาเยอะแค่ไหน แต่เมื่อถึงตอนแข่งขันจริง เอกเมธก็รู้สึกกดดัน เพราะตัวเขารู้ดีว่า เกมนี้ชี้เป็นชี้ตายด้วยการแค่กรรมการชอบหรือไม่ชอบ และทุกอย่างจะตัดสินกันภายใน 5 นาที
“มันแพ้ง่ายมากต่อให้ซ้อมเป็นพันแก้ว คุณก็สามารถแพ้ได้ด้วยการแพ้ในไม่กี่วินาที อันนั้นเป็นเรื่องที่ผมกลัว เพราะเวลาทุ่มเทกับอะไรมาก ๆ แล้วเกิดผิดหวังตรงนั้นน่ากลัวที่สุดสำหรับผม ทำให้เราอาจจะเป๋และท้อแท้ได้ แต่ผมคุยกับหุ้นส่วนและน้องที่ไปด้วยกัน เราไม่รู้จะซ้อมอะไรแล้ว นี่คือสุดทางของการซ้อมแล้ว เป็นส่วนที่ผมทำได้สุดแล้ว”
ในที่สุดเขาก็สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาได้ โดยเป็นคนไทย สัญชาติไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลกจากการแข่งขัน World AeroPress Championship ที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 54 ประเทศทั่วโลก
เมื่อคว้าตำแหน่งมาได้หลังจากใช้ความพยายามมาหลายครั้ง แน่นอนสิ่งที่ตามก็คือ ความดีใจและภูมิใจของตัวเอกเมธเอง
“เรื่องดีใจมันเป็นอะไรที่ปกติอยู่แล้ว ผมเป็นถึงแชมป์โลกนะ(หัวเราะ) ถามว่า พอชนะเป็นแชมป์โลกสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับตัวเองไหม ไม่เปลี่ยนแปลงชัดเจนขนาดนั้น อาจจะวิธีคิดบางอย่างมากกว่า อันนี้ต้องให้คนภายนอกมอง
“ที่สำคัญชื่อเสียงมันไม่จีรังนะ แบบพรุ่งนี้ผมไปแข่งอีกงานผมอาจจะแพ้ก็ได้ ดังนั้นเราต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ อย่ามองการแพ้เป็นเรื่องน่าอายหรือเรื่องล้มเหลว แค่เราเรียนรู้และลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ซึ่งปีนี้ถ้ามีโอกาสผมอาจจะลงแข่งรายการอื่น เช่น brewer ที่ผมไม่เคยประสบความสำเร็จ มันเป็นงานใหญ่และต้องทำการบ้านเยอะขึ้นกว่าเดิม”
อย่างที่ทราบกันนอกจากบทบาทของผู้ลงแข่งขันในสนามคนทำกาแฟแล้ว เอกเมธยังอยู่ในสนามธุรกิจ ในฐานะเจ้าของ Brave Roasters ซึ่งปัจจุบันมีสาขาอยู่ที่สยามดิสคัฟเวอรี่, สาทร, The PARQ และมีโรงคั่วอยู่ย่านคลองตัน
สำหรับเขาการลงแข่งขันระหว่างสองสนามนี้สนามไหนยากกว่ากัน
“ต่างกันสิ้นเชิงครับ ผมว่าธุรกิจคุยกันด้วยเรื่องตัวเลขต้องบาลานซ์กับความชอบ ต้องทำอย่างไรแค่ไหน มันชอบไปทุกอย่างไม่ได้ สำหรับผมต้องดูระหว่างความชอบกับความไม่ชอบเพื่อทำธุรกิจ เผลอ ๆ ความไม่ชอบอาจจะเยอะกว่าด้วยซ้ำ เพราะต้องทำเพื่อความอยู่รอด"
ส่วนเวลาลงแข่งชงกาแฟ การแข่งขันจะอยู่ที่ตัวเองเป็นหลัก ถึงจะแพ้ก็ไม่ตาย และชื่อเสียงมีวันหมดอายุได้ แต่หากธุรกิจล้ม เราไม่ได้ล้มคนเดียว ยังมีทีมคนอื่นล้มตามด้วยแม้บางคนอาจจะหางานใหม่ได้ก็ตาม ซึ่งในฐานะการเป็นหัวหน้าหรือเจ้านาย นั่นอาจจะทำให้เกิดความรู้สึกล้มเหลวที่สุดด้วยซ้ำ
.
ภาพ : กัลยารัตน์ วิชาชัย