10 มี.ค. 2568 | 16:39 น.
KEY
POINTS
ปัญหาห้องน้ำไม่มี ‘สายฉีดชำระ’ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ‘ที่ฉีดก้น’ น่าจะเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับคนไทยหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในศูนย์การค้าใหญ่ ๆ ที่พอปวดท้องอยากถ่ายหนักทีไรก็ต้องรีบหากระดาษเปียกหรือทิชชู่ชุบน้ำมาใช้แทนให้วุ่น
เรียกได้ว่า การใช้กระดาษชำระแห้ง ๆ ‘เช็ด’ แทนการใช้น้ำ ‘ล้าง’ คงไม่ถูกจริตคนไทยเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อเรามีสายฉีดชำระใช้กันมาตั้งแต่สมัย 50 ปีก่อน ต่างกับในหลาย ประเทศที่ใช้กระดาษเช็ดกันมาตั้งแต่อดีต จนคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่สะอาดที่สุด ไม่เคยคิดถึงการใช้น้ำด้วยซ้ำไป
ด้วยเหตุนี้ เราจึงมักเห็นภาพชาวต่างชาติตกตะลึงและติดอกติดใจสายฉีดชำระของบ้านเรา บางคนบอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แถมยังใช้ได้ดีจนต้องซื้อกลับไปเป็นของฝาก คงไม่ผิดถ้าจะนิยามขำ ๆ ว่า สายฉีดชำระของไทยก็เปรียบเหมือน ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่นักท่องเที่ยวพากันชื่นชอบ
แต่หากมองข้ามจริตส่วนบุคคล หันมาพิจารณาเหตุผลทางการแพทย์ การล้างหรือเช็ดกันแน่คือวิธีที่ดีที่สุด? แล้วในประวัติศาสตร์ มนุษย์มีวิธีการทำความสะอาดหลังถ่ายหนักอย่างไรกันบ้าง? บทความนี้จะพาไปหาคำตอบ
“ในฐานะชาวอาหรับ เรามีสามสิ่งที่ต้องพกในกระเป๋าเดินทางเสมอ พาสปอร์ต เงินสด และสายฉีดชำระ ผมไม่เข้าใจเลย พวกคุณคือหนึ่งในประเทศที่ก้าวหน้าที่สุด แต่พอเป็นเรื่อง ‘ข้างหลัง’ พวกคุณดันล้าหลัง”
คือมุกที่ ‘บาสเซม ยูสเซฟ’ (Bassem Youssef) ดาราตลกชาวอียิปต์ใช้เรียกเสียงหัวเราะในงานแสดงที่ประเทศอังกฤษ พร้อมชูสายฉีดชำระของชาวอาหรับ (Shattaf) เป็นพร็อปประกอบ แสดงให้เห็นว่า สายฉีดชำระคือสิ่งที่อยู่คู่วัฒนธรรมของประเทศมุสลิมมาช้านาน ทั้งยังแสดงให้เห็นว่า คนในหลายประเทศก็รู้สึกงุนงงที่หลายชาติในตะวันตกนิมเช็ดมากกว่าล้าง
สาเหตุนั้นมาจากคำตอบได้ง่าย ๆ นั่นคือ ‘สภาพอากาศ’ เนื่องจากความหนาวเย็น ทำให้ในอดีต การทำร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งให้เปียกจึงเป็นเรื่องที่ชาวตะวันตกหลีกเลี่ยง หันไปใช้กิ่งไม้หรือซังข้าวโพดในการเช็ดแห้ง กระทั่งปี 1877 ที่กระดาษชำระแบบในปัจจุบันถูกประดิษฐ์ขึ้น ภาพจำของการใช้กระดาษจึงถูกสานต่อมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ก็ไม่ใช่ชาติตะวันตกทุกชาติที่นิยมการเช็ดแห้ง เพราะใน ค.ศ. 1710 ประเทศฝรั่งเศสได้มีการประดิษฐ์ ‘Bidet’ (อ่านว่า บิ-เด) เครื่องสุขภัณฑ์ที่มีความหมายว่า ‘ลูกม้า’ (Pony) เนื่องจากรูปร่างที่คล้ายกับอ่างแคบ ๆ พอให้คนสามารถก้าวขึ้นไปนั่งคร่อมเพื่อล้างทำความสะอาด ก่อนที่ในภายหลัง จะมีการยกระดับความสะดวกสบายด้วยการสร้าง ‘เครื่องปั๊มมือ’ สำหรับฉีดน้ำควบคู่กันไปด้วย
Bidet ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในพระราชวัง ก่อนที่ในคริสต์ศตวรรษถัดมา สุขภัณฑ์ชนิดนี้จะเริ่มถูกเผยแพร่ไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรป เช่น อิตาลี แต่ก็ยังจำกัดอยู่แค่ในกลุ่มชนชั้นสูง แม้กระทั่งในปัจจุบัน Bidet ก็ยังปรากฏอยู่ในเฉพาะโรงแรมหรู มีลักษณะคล้ายอ่างล้างมือขนาดใหญ่ ตั้งเคียงข้างโถสุขภัณฑ์
หากลองก้าวข้ามการเช็ดแห้ง มาพูดถึงการ ‘เช็ดเปียก’ ที่คนไทยน่าจะพอคุ้นเคย เพราะเวลาไปเข้าห้องน้ำตามห้างที่ไม่มีสายฉีดชำระ หรือห้องน้ำสาธารณะที่สายฉีดมีสภาพสกปรกไม่น่าจับต้อง วิธีที่พอถูไถไปได้เห็นจะเป็นการนำกระดาษทิชชู่มาชุบน้ำ แต่ในความจริงแล้ว การเช็ดเปียกมีมาตั้งแต่สมัยโรมัน ที่ซึ่งห้องน้ำสาธารณะจะมี ‘Xylospongium’ หรือ ‘ฟองน้ำเสียบไม้’ แช่อยู่ในน้ำหรือน้ำส้มสายชู วางบริการแก่ประชาชนที่เข้ามาปลดทุกข์ หลังใช้เสร็จก็นำมาแช่น้ำดังเดิม นับเป็นวัฒนธรรมยุคเก่าที่ฟังแล้วอาจรู้สึกพะอืดพะอมสักเล็กน้อย แต่ก็นับเป็นวิธีการทำความสะอาดที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ วิธีหนึ่ง
ประเทศตะวันออก โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันตก สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวเป็นเหตุให้การใช้น้ำชำระร่างกายไม่ใช่เรื่องน่าลังเล ทว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการประดิษฐ์สายฉีดชำระดูจะเป็นเรื่องของ ‘ศาสนา’ ซึ่งประชากรในแถบนั้นนับถือ
เนื่องจากหลักคำสอนของศาสนาอิสลามกำหนดให้ใช้ ‘น้ำ’ ในการชำระร่างกาย ประกอบกับชุดที่มีลักษณะยาวระพื้น การใช้ภาชนะขนาดใหญ่ตักน้ำจึงอาจไม่สะดวกเท่าที่ควร พวกเขาจึงประดิษฐ์อุปกรณ์สำหรับฉีดน้ำ จนกลายมาเป็น ‘Shattaf’ ในที่สุด
ครั้นล่วงเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ Shattaf ก็ได้เดินทางไปยังหลากหลายภูมิภาคของเอเชีย โดยเฉพาะประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามอย่างอินโดนีเซีย
และสำหรับประเทศไทย สายฉีดชำระที่เราใช้กันทุกวันนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘Bidet Shower’ หรือในภาษาปากคือ ‘Bum Gun’ วางจำหน่ายครั้งแรกใน พ.ศ. 2515 โดย ‘ห้างหุ้นส่วนจำกัด ณรงค์ โลหะกิจ’ โดยในเวลาต่อมา ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวก็ได้กลายมาเป็นบริษัทสุขภัณฑ์ ‘Hang Sanitary’ ซึ่งเปิดเผยว่ามีการผลิตสายฉีดชำระเพื่อวางขายทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมแล้วกว่า 50 ล้านเส้น
โดยสายฉีดชำระของไทยมีลักษณะคล้ายกับ Shattaf นั่นคือเป็นท่อพร้อมที่จับ มีคันโยกสำหรับออกแรงกดให้น้ำไหล ต่างกันเล็กน้อยตรงที่ไม่มีวาล์วควบคุมความแรงของน้ำแยกออกมา ดีไซน์นี้ถูกออกแบบโดย ‘ณรงค์ กูลมงคลรัตน์’ ก่อนจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีราคาถูก ติดตั้งได้ง่าย พร้อมประโยชน์ใช้สอยที่ช่วยส่งเสริมสุขอนามัยของร่างกาย
การใช้น้ำฉีดล้างของชาวตะวันออกยังถูกพัฒนาไปไกลกว่านั้น ดังจะเห็นได้ว่าประเทศญี่ปุ่น มีการคิดค้นโถสุขภัณฑ์ประเภทมีท่อฉีดน้ำล้างอัตนโนมัติ จนเกิดเป็นไวรัลในช่วงเวลาหนึ่ง โถสุขภัณฑ์ประเภทดังกล่าวได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับประเทศไทยอาจถูกมองว่าใช้ยาก และสิ้นเปลืองเกินจำเป็น
ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมการทำความสะอาดร่างกายหลังถ่ายหนัก ของชาวตะวันออกและตะวันตก ล้วนมีผลจากวัฒนธรรมในอดีต จะเห็นได้ว่าชาติตะวันตกหลายชาติปรากฏการใช้น้ำ ‘ล้าง’ อยู่บ้าง แต่โดยส่วนมากมักจำกัดอยู่เฉพาะในสถานที่หรูหรา คนธรรมดาส่วนมากนิยมใช้วิธี ‘เช็ด’ มากกว่า อาจด้วยเหตุผลเพราะความง่าย ประกอบกับความคุ้นเคยที่สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ในยุคปัจจุบัน แพทย์จากทั่วโลกต่างก็ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การเลือกใช้สายฉีดชำระเป็นวิธีทำความสะอาดที่ล้ำลึกและให้ผลดีที่สุด เพราะนอกจากจะชำระล้างสิ่งสกปรกได้หมดจดแล้ว แรงดันน้ำยังช่วยถนอมผิวหนังรอบทวารหนักซึ่งมีความบอบบางสูง ดังจะเห็นได้ว่าการใช้กระดาษชำระเช็ดแห้งสามารถทำให้ผิวหนังถลอกหรือแสบแดง
อีกทั้งในยุคนี้ ภาวะโลกร้อนยังเป็นปัญหาหลักที่รังแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น สวนทางกับกระดาษชำระทั่วโลกที่ถูกใช้ในปริมาณมากถึงหลายสิบล้านตันต่อปี ทำให้นักวิชาการต่างก็หันมาสนับสนุนการสายฉีดชำระกันอย่างล้นหลาม
ไม่ว่าในอนาคต วัฒนธรรมการใช้ห้องน้ำของโลกจะเปลี่ยนไปในทิศทางใด แต่เชื่อว่าสำหรับคนไทย soft power ในนาม ‘สายฉีดชำระ’ นี้ จะคงอยู่คู่ชีวิตประจำวันของเราต่อไปอย่างไม่มีวันแยกขาด
เรื่อง: พงศภัค พวงจันทร์
อ้างอิง:
Christeno Ro, (2019), The peculiar bathroom habits of Westeพners, ค้นเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2025 จาก https://www.bbc.com/future/article/20191004-the-peculiar-bathroom-habits-of-westerners
Tooaleta, (-), Bidet History, ค้นเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2025 จาก https://tooaleta.co.uk/bidet-history-how-it-all-started
ToTo, (2020), ประวัติการเกิดสายฉีดชำระและกระดาษทิชชู วัฒนธรรมการเข้าห้องน้ำของแต่ละชนชาติที่คุณอาจไม่เคยรู้, ค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2025 จาก https://th.toto.com/news_promotions/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3/
กฤตพล สุธีภัทรกุล, (2023), “สายฉีดชำระ” ของที่ทุกบ้านต้องมี แต่ฝรั่งงง, ค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2025 จาก https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1099975#google_vignette
พิทยา บุนนาค, (2023), ยุโรปยุครุ่งเรืองยังขับถ่ายเรี่ยราด ค้นหลักฐานวังถึงอวัยวะเหม็นหมักหมม สู่กำเนิด “ส้วม”, ค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2025 จาก https://www.silpa-mag.com/history/article_31766?utm_source=chatgpt.com
ร้อยแปดพันเก้า, (2023), ประวัติศาสตร์ สายฉีดก้น คนไทยขาดไม่ได้ แต่ไม่ค่อยมีใช้ ในอเมริกา-ยุโรป, ค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2025 จาก https://stock2morrow.com/webboard/1/abe18b8d-f687-4772-b230-d8b6bebd41c2