พลอยกาญจน์ ผู้นำเจนฯ 2 ลูกไม้ใต้ต้น วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ

ในช่วงที่เศรษฐกิจบ้านเราร้อนแรงสุด ๆ เบนซ์ทองหล่อขายรถหรูได้ดี ยิ่งกว่าเทน้ำเทท่า 

ในวันที่ประเทศไทยเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง หลายธุรกิจล้มหายตายจาก แต่ ‘วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ’ ใช้สารพัดกระบวนท่าพาธุรกิจผ่านพ้นศึกหนักมาได้ จนชื่อเขากลายเป็นหนึ่งในตำนานของนักธุรกิจไทย 

วันนี้ที่โลกผันผวนเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ธุรกิจที่เขาก่อร่างสร้างขึ้นมากว่า 4 ทศวรรษ ยังคงยืนหนึ่งอยู่แถวหน้าของผู้จัดจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ของประเทศไทย 

เพราะเขาได้วางแผนสร้างธุรกิจให้เป็น The Legendary Benz Family ผ่านการบ่มเพาะสุดยอดวิชาให้กับทายาทเพียงหนึ่งเดียว ‘พลอยกาญจน์ โพธิพิมพานนท์’ ประธานบริษัทและ CEO บริษัท เบนซ์ทองหล่อ-รามอินทรา จำกัด 

การต้องนำทัพพาธุรกิจโต้คลื่นความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์สุดโหดหิน เธอนำอย่างไร วิชาอดทน เลือดนักสู้ ที่คุณพ่อได้ถ่ายทอดไว้ให้ ยังใช้ได้ผลหรือไม่ นี่คือบทพิสูจน์สำคัญของอนาคตเบนซ์ทองหล่อ  

ความรักและผูกพันต่อ ‘เบนซ์ทองหล่อ’

การเป็นผู้นำเจเนอเรชันที่ 2 ของเบนซ์ทองหล่อ ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ยืนหนึ่งในสังคมไทยเป็นเวลามากกว่า 40 ปี พลอยกาญจน์ไม่ได้รู้สึกกดดันหรือมองว่ากำลังแบกภาระที่หนักอึ้งแต่อย่างใด 

เพราะความผูกพันกับธุรกิจ และความใกล้ชิดกับงานของคุณพ่อมาตั้งแต่วัยเด็ก 

ย้อนกลับไปในยุคที่โชว์รูมหลักตั้งอยู่ใจกลางซอยทองหล่อ ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน พลอยจะต้องแวะไปที่นั่นเพื่อรอกลับบ้านพร้อมคุณพ่อวสันต์อยู่เสมอ ๆ การได้คลุกคลีอยู่ที่โชว์รูมในทุก ๆ วันจึงก่อเกิดเป็นความทรงจำที่ดีมากมาย

“พอเราโตขึ้นมาก็เริ่มเข้าใจว่าคุณพ่อทำงานหนัก ท่านทุ่มเทให้กับธุรกิจที่ปลุกปั้นขึ้นมาด้วยความรัก ตอนนั้นเองที่พลอยรู้สึกว่าอยากจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระงาน ถึงแม้ท่านไม่เคยขอให้เราต้องมารับช่วงต่อ แต่เราก็รู้ว่าเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการบริหารธุรกิจนี้ในฐานะผู้นำเจนฯ ที่ 2” 

บทเรียนนอกตำรา วิชาฝ่าวิกฤต 

หลังจบการศึกษาด้านการตลาดจากสหรัฐอเมริกา เธอก็กลับมาเรียนรู้งานต่าง ๆ ที่โชว์รูมในทันที โดยมีคุณพ่อวสันต์เป็นผู้คอยถ่ายทอดสารพัดวิชาต่าง ๆ ให้พลอย

“วิธีการสอนของคุณพ่อไม่ได้มีแบบแผนเหมือนตำราธุรกิจ เวลาลงสนามจริงต้องเจอสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมาย หลายสิ่งหลายอย่างเราต้องเรียนรู้จากประสบการณ์และคำแนะนำของท่าน บางอย่างเราก็ต้องคอยสังเกตเอง อย่างเช่น คุณพ่อใช้เทคนิคในการปิดการขายอย่างไร มีวิธีดูแลลูกค้าและบริหารทีมงานแบบไหน ระหว่างที่ได้อยู่ใกล้ชิดคุณพ่อเราก็ค่อย ๆ เรียนรู้และซึมซับมา” 

เบนซ์ทองหล่อก่อตั้งเมื่อปี 2521 ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มีรถสต็อกในโชว์รูม สู่วันที่มีลูกค้าประจำอย่างมากมาย ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยเฟื่องฟูถึงขีดสุด เบนซ์ทองหล่อยังเคยสร้างยอดขายปีละกว่า 2,000 คันมาแล้ว 

ในห้วงยามวิกฤต มันช่างชวนให้คนทำธุรกิจรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง สิ่งที่พลอยมองเห็นเสมอคือ พ่อที่มีหัวใจแข็งแกร่ง และพลังเหลือล้นในการต่อสู้กับนานาอุปสรรค 

“บทเรียนสำคัญที่สุดที่พลอยได้เรียนรู้จากคุณพ่อคือความอดทนและเสียสละ นับตั้งแต่วันที่ธุรกิจของเราเจอวิกฤตค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 คุณพ่อไม่เคยทำให้ครอบครัวต้องเครียดตามไปด้วย เรายังได้รับความรักความอบอุ่นจากคุณพ่อคุณแม่อย่างเต็มที่ ได้เข้าถึงโอกาสการศึกษาที่ดีที่ทำให้เราเติบโตและมีวิชาติดตัวมาถึงตอนนี้” 

แม้ในช่วงที่ธุรกิจถูกกระทบอย่างรุนแรงจากโควิด-19 สิ่งที่คุณพ่อวสันต์จะพูดกับพลอยเสมอ ๆ ก็คือ “ทุกอย่างมีทางออก ขอเพียงแค่เราขยันและอดทนมากพอ”

 

 

กลยุทธ์ยอดนักขายฉบับ ‘วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ’ 

เมื่อพูดถึงการมัดใจลูกค้าของคุณวสันต์ หลายคนมักจะคิดว่า ธุรกิจของเขามาถึงวันนี้ได้เพราะเทคนิคการตลาด หรือการสร้างวลีเด็ด ๆ ให้ติดหูคนไทย 

แต่หัวใจสำคัญที่ทำให้เบนซ์ทองหล่อยืนหนึ่งในใจลูกค้าจริง ๆ แล้วคือ จิตวิญญาณของผู้ให้บริการที่ดี ความเป็นมิตรและจริงใจต่อลูกค้า คุณพ่อวสันต์จะคอยย้ำกับพลอยกาญจน์และทีมงานอยู่เสมอ ๆ ว่า “ต้องดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด”

“เวลาที่คุณพ่ออยู่โชว์รูม ลูกค้าไม่มีทางได้เปิดประตูเข้ามาเองนะ เพราะท่านจะเดินออกไปรับตั้งแต่ตอนที่ลูกค้าเลี้ยวรถเข้ามาแล้ว เวลาลูกค้าจะกลับ ท่านก็ตามไปโบกรถให้ ท่านทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเต็มใจและเป็นธรรมชาติ เพราะมีจิตวิญญาณของผู้ให้บริการที่ดีอย่างแท้จริง

“ในวันนี้ธุรกิจอยู่ภายใต้การบริหารของทายาทรุ่นที่ 2 โดยมีพลอยที่เข้ามาดูแลกิจการทุกอย่างต่อจากคุณพ่อ แต่ความเป็น ‘วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ’ ยังคงเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำให้ลูกค้าที่มองหาเมอร์เซเดส-เบนซ์ เลือกที่จะเดินมาหาเราเสมอ และพลอยเชื่อว่า เพียงแค่ชื่อเสียงของพ่อคงไม่เพียงพอ ธุรกิจจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนเราเองก็ต้องคอยพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา” 

 

 

จากยุคเถ้าแก่สู่มืออาชีพ 

การบริหารเบนซ์ทองหล่อในปัจจุบันนับเป็นอีกช่วงเวลาแห่งความท้าทาย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ การเกิดขึ้นของคู่แข่งรายใหม่ รวมถึงนโยบาย Anywhere, One Price ที่ตอกย้ำว่า ต่อไปนี้ลูกค้าจะสามารถซื้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในราคาเดียวกันทุกที่ 

“การที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ เปลี่ยนนโยบายเป็นราคาเดียวทั่วประเทศทำให้แต่ละโชว์รูมไม่สามารถแข่งขันกันด้วยราคาได้ แต่พลอยอยากให้มองว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ดีต่อผู้บริโภค เพราะไม่ว่าจะไปโชว์รูมไหนก็มั่นใจได้ว่าทุกที่ให้ราคาเท่ากัน

“อีกมุมที่อยากชวนให้มองคือ โชว์รูมต่าง ๆ ก็ไม่ต้องเหนื่อยกับการทุ่มแข่งขันด้านราคา เราสามารถเอาเวลาและทรัพยากรที่มีไปใช้กับการพัฒนาการให้บริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้มากขึ้นด้วย” 

ความมุ่งมั่นในการพาเบนซ์ทองหล่อเติบโตไปในอนาคต พลอยกาญจน์โฟกัสกับการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่ยุคใหม่ จากยุค ‘เถ้าแก่นำ ลูกน้องตาม’ ไปสู่การสร้างทีมงานที่มีความเป็น Ownership หรือความรู้สึกเป็นเจ้าของธุรกิจมากขึ้น  

“พลอยเชื่อว่า ถ้าพวกเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนเจ้าของกิจการคนหนึ่ง เขาจะรักในกิจการนี้และมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เข้าโชว์รูมมาแล้วรู้สึกดี แต่เราปลูกฝังแนวคิดการดูแลลูกค้าด้วยหัวใจให้กับทีมงานทุกตำแหน่ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีแบบ 360 องศา” 

 

 

พลอยกาญจน์ทิ้งท้ายไว้ว่า หากวลีเด็ดที่ทำให้สังคมไทยจดจำเบนซ์ทองหล่อในยุคของคุณพ่อคือ ‘ผมอยู่ทุกวันละครับ’ ในยุคสมัยของเธอ อยากยืนยันให้ทุกคนมั่นใจว่า ‘ถึงแม้คุณพ่อไม่อยู่ แต่จิตวิญญาณของเบนซ์ทองหล่อยังอยู่เหมือนเดิม’ 

“คุณพ่อได้ถ่ายทอดความเป็น วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดมาให้พลอยแล้ว ถ้ามองหาเบนซ์ อยากให้ทุกคนนึกถึงเบนซ์ทองหล่อ-รามอินทรา เพราะเราคือครอบครัวผู้สร้างโชว์รูม และ ออกแบบบริการ บนความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งในทุกมิติของการใช้ชีวิต ด้วยประสบการณ์อันยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น กว่า 40 ปี”