“ผมเคยสงสัยว่าทำไมอาขายกระเพาะปลาถ้วยละ 1 บาท แต่เราขาย 50 สตางค์ พ่อก็บอกว่าคนซื้อเขามีเงินเท่านี้ ผมก็ถามต่อว่าทำไมเราถึงไม่เอาไก่เลี้ยงโตเร็วมาใช้ พ่อก็ตอบว่าคุณภาพสู้ไก่ไทยไม่ได้และรสชาติไม่อร่อย แล้วผมรู้มาว่าไก่ไทยตัวผู้ราคาถูกกว่าซึ่งลดต้นทุนได้ พ่อก็บอกว่ามันแสลงต่อร่างกาย ภาษาจีนเรียกว่า ‘ตั๊ก’ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ติดมาจากพ่อจึงเป็นเรื่องความรับผิดชอบและทำอะไรต้องให้มีคุณภาพ” ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ผู้ก่อตั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอย่าง “พฤกษา” กล่าวกับนิตยสาร Forbes Thailand ไว้ในฉบับเดือนมิถุนายน ปี 2560 หยาดเหงื่อแรงกายและความซื่อสัตย์ของผู้เป็นพ่อที่เป็นพ่อค้ากระเพาะปลา กลายเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีให้ทองมาทลายทุกข้อจำกัด เขาเอาความยากจนมาเป็นแรงผลักดันชีวิต พลิกทุกวิกฤตให้เป็นโอกาส กระทั่งทะยานสู่การก่อตั้งธุรกิจอสังหาฯ เบอร์ต้นของประเทศในแง่จำนวนโครงการและรายได้รวม ปี 2561 ทองมาติดอันดับที่ 24 ใน 50 อันดับมหาเศรษฐีไทย จัดโดยนิตยสาร Forbes ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.55 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.94 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2562 เขาติดอันดับที่ 27 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 4.27 หมื่นล้านบาท ส่วน PSH ของเขา ในปี 2560 มีรายได้รวม 4.41 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิราว 5.5 พันล้านบาท และในปี 2561 มีรายได้รวม 4.51 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิกว่า 6 พันล้านบาท นับเป็นอสังหาฯ ที่มีรายได้รวมเป็นอันดับต้นๆ ของไทย ความมั่งคั่งของทองมาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย แต่เพราะเขารู้ดีว่า "มันสมอง" และ "สองมือ" เท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตไปสู่จุดที่ดีขึ้น ความยากจนหล่อหลอมชีวิต การเติบโตในครอบครัวที่มีพี่น้อง 7 คน โดยมีพ่อเป็นกำลังหลักด้วยการขายกระเพาะปลาอยู่ใน จ.ชลบุรี ทำให้ทองมาคิดหาทางช่วยเหลือครอบครัวให้พ้นจากความยากจนข้นแค้น ในวัย 13 ปี เขาตัดสินใจออกจากโรงเรียนหลังจบ ป.4 แล้วไปทำงานเป็นลูกจ้างร้านบัดกรีเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว จากนั้น อีก 1 ปีให้หลัง เขาก็บ่ายหน้าเข้ากรุงเทพฯ ทำงานในร้านขายยาได้พักใหญ่ก็เปลี่ยนอาชีพไปเป็นลูกจ้างร้านทองแถวประตูน้ำ ฝึกฝนเรียนรู้จนสามารถขึ้นชิ้นงานได้เอง แม้ต้องเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานทั้งวัน แต่ทองมาก็พยายามหาเวลาไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ เมื่อจบหลักสูตรแล้วก็ยังไปลงเรียนกวดวิชาเพื่อใช้สอบเทียบ จนได้วุฒิ ม.ศ.3 ในที่สุด ตามด้วยการสอบเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ที่สมัยนั้นเปิดหลักสูตรศึกษาผู้ใหญ่จนจบ ม.ศ.5 ก่อนสอบเข้าเรียนระดับปริญญาตรีในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่เพื่อนๆ รุ่นเดียวกันมีเวลาพักผ่อน แต่ชีวิตของทองมามีเพียงสองอย่างคือ เรียน งาน เรียน งาน สลับไปเรื่อยๆ ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่เคยคิดโทษโชคชะตา คิดแต่เพียงว่า “ต้องสู้” เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเท่านั้น จุดกำเนิด “พฤกษา” อสังหาฯ ขวัญใจตลาดแมส ทองมาประกอบอาชีพวิศวกรอยู่หลายปี จนวันหนึ่งก็ตัดสินใจลาออกมาเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง โดยเอาความรู้และประสบการณ์ ผสานกับการเชื่อมต่อสายสัมพันธ์ที่มีกับบริษัทต่างๆ มาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแบบรับเหมาช่วง ในชื่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สยามเอ็นจิเนียริ่ง เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ งานที่รับเหมาช่วงมีทั้งทำเงินและเข้าเนื้อจนเจ็บตัว แต่เมื่อคิดจะเดินหน้าก็ต้องไปต่อให้สุด ก่อนหยุดเพื่อตัดสินใจลุยธุรกิจอสังหาฯ ที่กำลังบูมในช่วงทศวรรษ 2530 โดยนำเงินหลายสิบล้านบาทจากธุรกิจรับเหมาฯ มาก่อตั้ง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ในปี 2536 (แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในปี 2548) แทนที่จะเลือกย่านใจกลางเมืองเพื่อประกาศศักดา ทองมากลับเลือกปักหมุดทำเลย่านรังสิตคลอง 8 สร้างทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ “พฤกษา” ชูจุดเด่นเรื่องราคาที่ไม่แพงมาก โดนใจผู้อาศัยระดับแมส ทำให้ประสบความสำเร็จในระยะเวลาไม่นานนัก พฤกษาจึงขยายไปอีกหลายโครงการในพื้นที่ใกล้เคียง นับถึงทุกวันนี้ พฤกษามีโครงการอสังหาฯ ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมแล้วไม่ต่ำกว่า 400 โครงการ และเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้มากขึ้น ทองมาจึงตั้ง บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ขึ้นในปี 2559 ประกอบธุรกิจด้านการลงทุน และเข้าซื้อหุ้นของพฤกษาเป็นธุรกิจแรก เมื่อการแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯ สูงขึ้น พฤกษาจึงจัดกระบวนทัพใหม่ ด้วยการแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่ม คือ "กลุ่มแวลู" เน้นอสังหาฯ สำหรับผู้อยู่อาศัยที่มีรายได้ระดับต่ำถึงปานกลางซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของพฤกษา และผู้มีรายได้ค่อนข้างสูงที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองแบบไม่ใช่ซื้อเก็งกำไร "กลุ่มพรีเมียม" ที่เข้าตลาดในปี 2560 เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ค่อนข้างสูง ที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และซื้อเพื่อการลงทุน โดยพฤกษามองว่า "กลุ่มพรีเมียม" จะเป็นตัวดันรายได้ของบริษัทให้เติบโตในอนาคต จากรายงานประจำปี 2560 ของ PSH ทาวน์เฮาส์ยังคงเป็นอสังหาฯ ที่สร้างรายได้อันดับ 1 ให้พฤกษา ด้วยสัดส่วน 51.4% (ราว 2.27 หมื่นล้านบาท) ตามด้วยอาคารชุด 27.4% (ราว 1.21 หมื่นล้านบาท) และบ้านเดี่ยว 20.8% (ราว 9.12 พันล้านบาท) จุดเด่นของพฤกษา อยู่ที่การบริหารจัดการต้นทุนการก่อสร้างด้วย “ระบบพรีคาสต์” (การผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปจากโรงงาน แล้วนำไปประกอบติดตั้งที่โครงการ ช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้าง) และการกำหนดราคาขายได้ต่ำกว่าผู้ประกอบการทั่วไปราว 10-15% สำหรับทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว ทำให้เมื่อพฤกษาออกโครงการใหม่เมื่อไหร่ ก็มักได้เสียงตอบรับจากลูกค้าเสมอ (และบางคราวก็มาพร้อมความขุ่นข้องหมองใจของลูกค้าที่ตั้งคำถามกับคุณภาพของที่อยู่อาศัย) “โรงพยาบาล” ธุรกิจแห่งอนาคต กระแสความห่วงใยสุขภาพที่มีมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจประกันชีวิตและประกันสุขภาพโตขึ้นเป็นเงาตามตัว ธุรกิจโรงพยาบาลก็เช่นกัน เพราะไม่เพียงแต่จะรองรับผู้ใช้บริการชาวไทย แต่ยังรองรับชาวต่างชาติ สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐในเรื่อง Medical Tourism ทองมาเองก็ไม่พลาดกระโจนเข้าธุรกิจนี้ ด้วยการทุ่มงบราว 4.9 พันล้านบาท ก่อตั้ง “วิมุตติ” โรงพยาบาลขนาด 250 เตียง บนเนื้อที่ราว 4 ไร่ครึ่ง ย่านสะพานควาย เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางซึ่งเป็นกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบสาธารณสุขขั้นพื้นฐานของภาครัฐ แต่ต้องการบริการที่ดีและมีประสิทธิภาพในราคาเอื้อมถึงคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 3 ของปี 2563 ทุกวันนี้ ทองมาในวัย 61 ปี ยังคงเป็นหัวเรือใหญ่กุมการตัดสินใจเรื่องสำคัญต่างๆ ขององค์กร แต่ก็พร้อมถ่ายทอดกลยุทธ์การบริหารให้ผู้บริหารคนอื่นๆ แบบไม่หวงวิชา ควบคู่ไปกับการศึกษาธรรมะที่ช่วยให้เขาใช้ชีวิตอย่างสมดุลทั้งชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน ที่มา นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน ปี 2560 http://psh.listedcompany.com/misc/ar/ar2017-th.html https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000080000 ภาพ : บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)