‘ดมตะ’ สตาร์ทอัพ ‘ยาดมกาแฟ’ จากไอเดียเด็กมหา’ลัยที่คิดได้เพราะง่วงนอนตอนเรียน

‘ดมตะ’ สตาร์ทอัพ ‘ยาดมกาแฟ’ จากไอเดียเด็กมหา’ลัยที่คิดได้เพราะง่วงนอนตอนเรียน

เวลาง่วงนอนแต่ไม่สามารถนอนได้ หลายคงจะหาทางออกด้วยการหากาแฟสักแก้วมาดื่มเพื่อกระตุ้นสมองเพิ่มความสดชื่น แล้วหากไม่สามารถดื่มกาแฟได้ล่ะ ต้องทำอย่างไร และนี่ได้จุดประกายให้ ‘เพชร - ธนเชษฐ์ กองสิงห์’ ที่ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเกิดไอเดียพัฒนาโปรดักต์ใหม่ขึ้นมาเพื่อแก้ Pain Point ดังกล่าว ภายใต้ชื่อ ‘ดมตะ’ ยาดมกาแฟ (กลิ่นกาแฟคั่วบดในรูปแบบยาดม)

เริ่มจากตัวเองง่วงนอน

เพชรเล่าว่าตอนนั้นกำลังเรียนปริญญาตรี ในสาขานิเทศศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วเกิดง่วงนอนอย่างหนัก แต่จะหากาแฟมาดื่มเพื่อแก้ง่วงตอนเรียนก็ไม่สามารถทำได้ เลยเกิดไอเดียหากมีอะไรในกาแฟมาช่วยให้เกิดความสดชื่นได้โดยไม่ต้องดื่มน่าจะดี จึงไปพูดคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาจะทำเรื่องนี้เป็นโปรเจกต์จบการศึกษา 

แต่อาจารย์แนะนำว่า โปรเจคต์นี้น่าจะใช้เวลานาน และการที่เรียนนิเทศศาสตร์ ควรจะทำโปรเจกต์จบเกี่ยวกับด้านที่เรียนมาจะดีกว่า เขาจึงพับไอเดียเก็บไว้

กระทั่งเรียนจบระดับปริญญาตรี ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดพอดี ทำให้เขาหางานประจำทำยาก เลยนำไอเดียนี้กลับมาปัดฝุ่น 

“ผมพยายามหางานประจำทำเหมือนเด็กจบใหม่ทั่วไป แต่ด้วยโควิด-19 ทำให้หางานยากมาก จึงคิดเอาไอเดียนั้นมาปัดฝุ่นทำให้เป็นจริง เริ่มต้นหาข้อมูลงานวิจัยว่ามีอะไรในกาแฟที่จะช่วยให้สดชื่นและตื่นโดยไม่ต้องดื่มเอาคาเฟอีนเข้าร่างกาย ปรากฏไปเจองานวิจัยต่างประเทศพบว่า กลิ่นกาแฟช่วยกระตุ้นการทำงานในสมองเหมือนกับการดื่มกาแฟได้ เลยเดินหน้าสานต่อ” 

‘ดมตะ’ สตาร์ทอัพ ‘ยาดมกาแฟ’ จากไอเดียเด็กมหา’ลัยที่คิดได้เพราะง่วงนอนตอนเรียน

เมื่อตัดสินใจลุยต่อ เพชรในฐานะสตาร์ทอัพจึงนำไอเดียของตัวเองมาปั้นเป็นโปรเจกต์นำไป Pitching เพื่อหาเงินทุนมาทำความฝันให้เป็นจริง เริ่มจากโครงการส่งเสริมนักศึกษาให้เป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปรากฏโปรเจกต์ของเขาชนะเลิศคว้าเงินรางวัล 100,000 บาทไปได้

เงินรางวัลที่ได้มาส่วนใหญ่เพชรนำไปใช้ในการหาวิธีสกัดน้ำมันหอมระเหยจากเมล็ดกาแฟ ซึ่งกว่าจะหาเจอต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกไปกับขั้นตอนนี้ถึงประมาณ 2 ปี ก่อนจะออกมาเป็นดมตะเมื่อปี 2565 

“สกัดน้ำมันหอมระเหยจากเมล็ดกาแฟสกัดยากมาก ไม่ว่าจะใช้วิธีสกัดเย็น การกลั่น ใช้วิธีตัวทำละลาย ฯลฯ เพราะได้กลิ่นที่ไม่เหมือนเดิม จนพบกับอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแนะนำการสกัดด้วยวิธี Super Critical CO2 จากนั้นไปคุยกับอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีโรงงานต้นแบบของเทคนิคนี้อยู่ และดมตะจึงได้เกิดขึ้นรวมแล้วใช้เวลา 3 ปีในการพัฒนา”

‘ดมตะ’ คือ การเชิญชวนให้ดม

‘ดมตะ’ สตาร์ทอัพ ‘ยาดมกาแฟ’ จากไอเดียเด็กมหา’ลัยที่คิดได้เพราะง่วงนอนตอนเรียน

สำหรับชื่อของ ‘ดมตะ’ มาจากภาษาใต้มีความหมายว่า ‘ดมสิ หรือลองดมสิ’ วางตัวเองเป็น ‘บาริสต้าผู้เสิร์ฟกลิ่น’ พร้อมออกแบบ CI (Corparate Identity) ให้เป็นแบรนด์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และพยายามลด Wastes ให้มากที่สุด 

เพราะเพชรมองว่าอุตสาหกรรมกาแฟสร้าง Wastes ค่อนข้างเยอะ จึงต้องการเป็นหนึ่งแบรนด์ที่ช่วยลดปัญหานี้ ตั้งแต่การดีไซน์สินค้า กระบอกยาดมทำมาจากไม้ไผ่ แพ็กเกจจิ้งทำมาจากกระดาษรีไซเคิล ส่วนกากกาแฟที่นำไปสกัดน้ำมันระเหยแล้วก็ไม่ทิ้ง แต่นำมาแปรรูปเป็นถุงหอมไล่ความง่วง เป็นต้น

“หลักการดมตะ คือ ต้องการเก็บช่วงเวลาที่ดีที่สุดของกาแฟมาให้ผู้บริโภคได้สัมผัส ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว คือ 15 นาทีหลังกาแฟบดเสร็จ จากนั้นกลิ่นจะเริ่มจางไป สินค้าของเราถ้าไม่เปิดใช้งานจะอยู่ได้ 3 เดือน แต่เมื่อเปิดใช้งานแล้วจะอยู่ได้ 1 เดือน”

ส่วนช่องทางจัดจำหน่าย จะขายทางออนไลน์เป็นหลัก โดยปัจจุบันมีสินค้าหลายตัว ประกอบด้วย ‘ดมตะ ยาดมกาแฟ’ มี 4 กลิ่น ได้แก่ Nutty Caramel มีกลิ่นหอมหวาน, Dark Roast กลิ่นกาแฟคั่วเข้ม, Red Wine กลิ่นกาแฟคั่วหมัก และ Special Rank3 จากไร่โซหยิ จังหวัดเชียงราย, ‘ดมตะ ยาดมกลิ่นชา’ และมีถุงหอมไล่ความง่วง ฯลฯ

ทุน - อายุ - ประสบการณ์ ไม่ใช่อุปสรรค

หลังเปิดตัวมา 1 ปี เพชรบอกว่า ดมตะได้รับการตอบรับที่ดี และรู้จักในฐานะบาริสต้าผู้เสิร์ฟกลิ่น ซึ่งคนที่รู้จักและตัดสินใจซื้อ ตอนแรกอาจเลือกเพราะอยากลอง จากความชอบในเรื่องของไอเดีย และไม่มีขายในท้องตลาดมาก่อน 

ทว่านั่นไม่ใช่วิธีการสร้างให้ธุรกิจยั่งยืนได้ ดังนั้น เพชรจึงเน้นคุณภาพของตัวสินค้าที่เมื่อใช้แล้วได้ผลจริง ที่สำคัญยังวางแผนจะทำ CRM ดูแลและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีหลังการขายกับลูกค้าด้วย 

‘ดมตะ’ สตาร์ทอัพ ‘ยาดมกาแฟ’ จากไอเดียเด็กมหา’ลัยที่คิดได้เพราะง่วงนอนตอนเรียน

“เราจะคุยกับลูกค้าตลอดว่า ใช้แล้วเป็นอย่างไร พึงพอใจหรือไม่ อยากให้พัฒนาอะไรเพิ่มเติม เป็นต้น เป็นการ remind ให้ไม่ลืมแบรนด์ของเรา และต่อไปดมตะจะไม่ใช่แค่ผู้เสิร์ฟกลิ่น แต่จะเสิร์ฟความรู้สึกด้วย”

คำถามที่เชื่อว่ามีหลายคนมักจะถามเพชรในฐานะสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ก็คือ ด้วยอายุยังน้อยเพิ่งจบปริญญาตรีมา ประสบการณ์ทางธุรกิจก็ไม่มี ทุนก็ไม่มี แล้วเขาเอา ‘ความกล้า’ ในการตัดสินใจเริ่มต้นทำธุรกิจมาจากไหน?

ในคำถามนี้เพชรตอบไว้น่าสนใจว่า 'เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรค เพราะทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ แค่อย่าปิดกั้นตัวเอง เหมือนตัวเขาเองทางครอบครัวก็ไม่ได้สนับสนุน แต่พยายามพิสูจน์ให้เห็นจากการลงมือทำ ออกมาเป็นโปรดักต์และขายได้จริง ๆ ส่วนเรื่องทุนปัจจุบันมีโครงการและแหล่งระดมทุนสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่มากมาย'

ประเด็นเราต้องมีความกล้า และ ‘ก้าวในใจของเรา’ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด โดยต้องเชื่อว่าทำได้ ซึ่งจากความเชื่อนี้จะทำให้ก้าวต่อไปตามมา คือ ต้องลงมือทำ

“สำหรับผมก้าวแรกยากที่สุด ต้องออกมาจาก Safe Zone จากการหางานประจำ เพราะการทำธุรกิจใคร ๆ ก็ทำได้ ก้าวแรกต้องชนะใจตัวเอง เชื่อว่า ทำได้ ก้าว 2 ก้าว 3 และก้าวต่อ ๆ ไปจะตามมา โดยดมตะเองตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้”

.

ภาพ : ดมตะ