“เผื่อน้องเขามาส่ง” ประโยคที่ทำให้วันนี้มี ‘ยาดมหงส์ไทย’ ไอเทมฮอตที่คนดังระดับโลกยังใช้

“เผื่อน้องเขามาส่ง” ประโยคที่ทำให้วันนี้มี ‘ยาดมหงส์ไทย’ ไอเทมฮอตที่คนดังระดับโลกยังใช้

ก่อน ‘ยาดมหงส์ไทย’ จะกลายเป็นแรร์ไอเทมที่คนค้นหา และฮิตจนคนดังระดับโลกอย่าง 'ลิซ่า Blackpink' และ 'แจ็คสัน หวัง' ยังใช้ ยาดมแบรนด์ดังแบรนด์นี้เคยล้มเหลวถึงขั้นเลิกผลิต แล้วอะไรทำให้ ‘ธีระพงศ์ ระบือธรรม’ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ตัดสินใจสู้และฟื้นคืนชีพแบรนด์นี้อีกครั้ง

  • ‘ยาดมหงส์ไทย’ เป็นยาดมจากสมุนไพรที่มี ‘ธีระพงศ์ ระบือธรรม’ เป็นเจ้าของ ซึ่งตอนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะแม้คนดังระดับโลกก็ยังใช้ 
  • ปัจจุบันสินค้าของหงส์ไทยมีทั้งหมด 54 ตัว โดยพระเอกได้แก่ ยาดมฝาสีเขียว ที่มีกำลังผลิตไม่ต่ำกว่า 600,000 ขวดต่อเดือน
  • แต่ก่อนจะสำเร็จแบบนี้ เพราะความไม่เข้าใจธุรกิจทำให้ธีระพงศ์ต้องเลิกผลิตยาดมหงส์ไทย กระทั่งได้ยินประโยคหนึ่งที่ทำให้เขาฮึดสู้และตัดสินใจคืนฟื้นยาดมหงส์ไทยใหม่อีกครั้ง 

เรียกได้ว่าเป็นแรร์ไอเทมที่หลายคนตามหาสำหรับ ‘ยาดมหงส์ไทย’ ส่วนฮอตและฮิตแค่ไหน? เอาเป็นว่ากระทั่งไอดอลคนดังระดับโลก อาทิ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ และ ‘แจ็คสัน หวัง’ ยังมีติดตัว อย่างที่เห็นภาพที่ปรากฏเป็นไวรัลบนโลกโซเชียลฯ มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง 

แต่รู้หรือไม่ เราจะไม่เห็นความสำเร็จนี้เลย หากไม่มีประโยคหนึ่งมากระตุกความคิดของ ‘ธีระพงศ์ ระบือธรรม’ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ให้ตัดสินใจสู้และฟื้นคืนชีพแบรนด์นี้อีกครั้ง หลังจากเลิกผลิตไปนานกว่า 2 ปี กับประโยคที่ว่า “เผื่อน้องเขามาส่ง”

“ของเราฮิตเหรอ แต่เอาจริง ๆ นะ ตอนไม่มีกระแสคนดัง ของเราก็ผลิตไม่ทันอยู่แล้ว” ธีระพงศ์ตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่เราถามเขาไปว่า ทำไมยาดมหงส์ไทยถึงดังขนาดนี้

 

“เผื่อน้องเขามาส่ง” ประโยคที่ทำให้วันนี้มี ‘ยาดมหงส์ไทย’ ไอเทมฮอตที่คนดังระดับโลกยังใช้ เริ่มต้นด้วยความล้มเหลว

ย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา ธีระพงศ์ในวัยหนุ่มได้ไปเรียนทำพิมเสนน้ำ เพื่อหวังจะเป็นอาชีพในการหารายได้จุนเจือครอบครัว และได้ลงมือทำยาดมพิมเสนน้ำของตัวเองใช้ชื่อว่า ‘หงส์ไทย’ ซึ่งที่มาของชื่อ ก็มาจากช่วงที่เขาทำงานผลิตสารคดีแล้วได้เดินทางไปทางภาคใต้ ผ่านอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้เห็นรูปปั้นหงส์ตัวใหญ่ ทำให้เกิดความประทับใจในความสวยงาม กระทั่งตั้งตารอดูเวลาเดินทางผ่าน

นอกจากนี้ตามความเชื่อของคนไทยถือว่า หงส์เป็นสัตว์มงคล ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนจะนำความสิริมงคลมาให้ บวกกับตัวเขาเองเป็นคนไทย จึงนำทั้งสองคำมาผสมผสานกัน 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจ ไม่รู้จักกลุ่มลูกค้าของตัวเอง ทำให้เขาเลือกวางขายสินค้าในช่องทางที่ผิด โดยตอนแรกยาดมที่ผลิตมาเขานำไปฝากขายตามร้านขายของชำและร้านค้าตามตลาดนัด เพราะคิดว่าน่าจะขายดีเนื่องจากเป็นร้านที่มีอยู่ในทุกซอกซอย เข้าถึงได้ง่าย

สุดท้ายปรากฏว่าคิดผิดเพราะทำยอดขายได้น้อยมาก จนต้องเลิกผลิตยาดมหงส์ไทยไป และหันไปทำอาชีพอื่นแทน

ประโยคเปลี่ยนชีวิต

แต่ดูเหมือนธีระพงศ์ถูกกำหนดให้ต้องกลับมาทำให้ยาดมหงส์ไทยกลายเป็นยาดมแห่งความสำเร็จให้ได้ โดยหลังจาก 2 ปีเขาได้แวะไปปั๊มน้ำมันที่เคยเอาสินค้าไปฝากขาย และนี่ได้สร้างจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา

“ผมขับรถแวะไปปั๊มเจอเด็กปั๊มคนหนึ่งที่รู้จักกัน เขาบอกว่า พี่หายไปไหนมา มีลูกค้ามาตามหายาดมของพี่ ซึ่งผมก็บอกว่า ทำไมไม่ตอบไปล่ะเลิกขายมา 2 ปีแล้ว เด็กปั๊มคนนั้นตอบกลับมาว่า ผมบอกแล้ว แต่ลูกค้าบอกว่า เผื่อน้องเขามาส่ง”

ประโยคนี้เองที่ติดในใจและกระตุกให้เขาคิดกลับมาฮึดสู้ รวมถึงวางแผนใหม่เพื่อฟื้นคืนชีพยาดมหงส์ไทยอีกครั้ง

“คุณคิดดูไม่มาส่งของตั้ง 2 ปี ถ้าเป็นเรา คงไม่รอแล้ว ซื้อยี่ห้อไหนก็ได้ หรือเราทำในสิ่งที่เขาหาไม่ได้ ทำให้ผมตั้งหลักและเริ่มใหม่”

การแจ้งเกิดยาดมหงส์ไทยครั้งนี้ ธีระพงศ์ยังเน้นในเรื่องคุณภาพ ขณะเดียวกันได้เปลี่ยนช่องทางการขายมาวางที่ปั๊มน้ำมันเป็นหลัก เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีการเดินทางผ่านไปผ่านมาตลอด และยาดมน่าจะเหมาะกับคนขับรถที่ส่วนใหญ่ต้องการความสดชื่นเมื่อเกิดอาการง่วงนอนขณะขับรถ 

ขณะเดียวกันตัวเขาก็นำไปตระเวนเดินขายตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเก็บข้อมูลจากการพูดคุยกับลูกค้าสำหรับนำมาพัฒนาสินค้าของตัวเอง ปรากฏว่าครั้งนี้มาถูกทางได้รับการตอบรับดี ซึ่งต่อมาได้ขยายนำยาดมหงส์ไทยไปทำเป็นของชำร่วยผลิตในวอลุ่มเยอะขึ้น และนับตั้งแต่ปี 2542 - 2543 ยาดมของเขาก็เติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด

“เผื่อน้องเขามาส่ง” ประโยคที่ทำให้วันนี้มี ‘ยาดมหงส์ไทย’ ไอเทมฮอตที่คนดังระดับโลกยังใช้

ปัจจุบันสินค้าของหงส์ไทยมีด้วยกันทั้งหมด 54 ตัว แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วย กลุ่มยาดม กลุ่มยาหม่อง และกลุ่มสเปรย์น้ำมัน โดยพระเอกแน่นอนคือ กลุ่มยาดม ที่มีสินค้าชูโรง 3 ตัวหลัก ได้แก่ ‘ยาดมพิมเสนน้ำ’ เป็นกลิ่นมาตรฐาน, ‘ยาดมฝาเหลือง’ เน้นตัวยาสมุนไพรที่มีกลิ่นเฉพาะของตัวเอง คนดมแล้วมีทั้งชอบและไม่ชอบ

สุดท้าย ‘ยาดมฝาสีเขียว’ การผสมผสานระหว่างตัวยากับกลิ่น เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย มีกำลังผลิตอย่างต่ำ 600,000 ขวดต่อเดือน และถือเป็นตำนานของการผลิตของหงส์ไทย เพราะตลอด 14 - 15 ปีนับตั้งแต่ผลิตมาไม่เคยมีวันใดหยุดผลิตเลย 

“ผมเชื่อว่า ทำอะไรออกมาดี ๆ ไม่มีวันตาย และจริง ๆ วันนี้ไม่จำเป็นต้องมีหงส์ไทยก็ได้ แต่ที่ต้องมีเพราะเรากล้าคิดนอกกรอบ และพัฒนาแบบไม่หยุด เพราะตัวผมเชื่อว่า ยิ่งพัฒนามากเท่าไร สินค้าก็จะมีอายุยาวนาน เช่น พิมเสนน้ำ ที่ทำแล้วขายได้เลย แต่หงส์ไทยพัฒนาสูตรไปแล้วไม่ต่ำกว่า 9 รอบ ขณะที่ยาดมฝาเขียว ตัวขายดีสุดพัฒนาไป 32 - 33 รอบ” 

ที่สำคัญการพัฒนาที่ว่า ไม่เพียงถูกนำมาใช้กับสินค้าเดิมที่มีอยู่เท่านั้น ยังรวมไปถึงการออกสินค้าใหม่ อย่างเช่นยาดมหลอดที่ลิซ่า BLACKPINK ใช้ จนผลิตสินค้าไม่ทันและขาดตลาด เป็นต้น 

สะสมแต้มบุญบนพื้นฐานคุณภาพ

“คนไทยชอบตัดราคา ซึ่งถ้าแข่งกันด้วยเรื่องพวกนี้ ก็ต้องไปยุ่งกับสูตร เป็นการลดคุณภาพ สุดท้ายผลจะตกไปที่ผู้บริโภค เราไม่ทำ นี่คือตลาดของหงส์ไทย ใช้ของเราปุ๊บแล้วไปซื้อของรายอื่นไม่ได้”

สำหรับการที่คนดังและไอดอลระดับโลกรู้จักและใช้ยาดมหงส์ไทย ธีระพงศ์บอกว่า สิ่งเหล่านี้ถือเป็น ‘แต้มบุญ’ ที่สั่งสมมาจากการเน้นคุณภาพและพัฒนาไม่หยุดจากการฟังเสียงของลูกค้า

เมื่อลูกค้าใช้แล้วเห็นผล ก็เกิดการบอกต่อปากต่อปากและซื้อฝาก ยิ่งกระแสของโซเชียลมีเดียมาเป็นแรงหนุนด้วยแล้ว ‘จากไม่รู้จักกลายมาเป็นรู้จัก และจากรู้จักกลายมาเป็นลูกค้า’ 

“ทั้งหมดเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและไว้วางใจ ผู้บริโภคฉลาดจะตาย หากเอาแค่ผลประโยชน์จะได้แค่ช่วงหนึ่ง โอกาสจะสำเร็จยาก และพิสูจน์ให้ผมเชื่อว่า ถ้าเป็นของจริง มันก็คือของจริง แต่ถ้าไม่จริง แล้วสร้างภาพให้จริง สุดท้ายผู้บริโภคจะรู้ด้วยตัวเอง”

“เผื่อน้องเขามาส่ง” ประโยคที่ทำให้วันนี้มี ‘ยาดมหงส์ไทย’ ไอเทมฮอตที่คนดังระดับโลกยังใช้

ณ ตอนนี้ธีระพงศ์บอกว่า ยาดมหงส์ไทยแจ้งเกิดได้แล้ว แผนต่อไปคือ จะสร้างให้ยาดมที่เขาพัฒนาขึ้นมาประสบความสำเร็จในประเทศไทยให้ได้เสียก่อน โดยคิดว่า น่าจะเห็นภายในปี 2570 

จากนั้นจะขยายฐานสู่ต่างประเทศ และขยายไปทั่วโลก ตามความฝันของเขาที่ต้องการให้ ‘หงส์ไทยเป็นบริษัทสมุนไพรไทยสำหรับคนทั่วโลก’ ที่มีโอกาสจะเห็นภาพนี้ภายในปี 2575 ซึ่งตัวเขาเองมีหลายอย่างต้องทำเพื่อให้พิชิตเป้าหมายที่วางไว้ให้ได้ 

ส่วนฝันจะเป็นจริงหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป และทาง The People ขอเป็นกำลังใจให้เขาทำได้สำเร็จ 

 

ภาพ: ดำรงค์ฤทธิ์ สถิตดำรงธรรม