23 ก.ย. 2566 | 12:32 น.
- ปัจจุบันคนใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารปลอดสารเคมีและดีต่อสุขภาพ
- ด้วยพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ทำให้เทรนด์ออร์แกนิกมาแรง และหนึ่งในผู้บุกเบิกเรื่องนี้ คือ Rangsit Farm ที่มี ‘ปริญญา พรศิริชัยวัฒนา' เป็นผู้ก่อตั้ง
‘การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ’ ยังเป็นคำที่ใช้ได้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะยุคนี้ที่ชีวิตคนเราต้องเผชิญกับความเสี่ยงทั้งโรคภัยไข้เจ็บและมลพิษมากมาย สำหรับวิธีดูแลตัวเองนอกจากการออกกำลังกายแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่ปลอดสารเคมีและดีต่อสุขภาพ เป็นอีกทางหนึ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญ
และนั่นทำให้เทรนด์ของออร์แกนิกมาแรง ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลายคนจะนึกถึง Rangsit Farm ก่อตั้งโดย ‘ปริญญา พรศิริชัยวัฒนา' ผู้บุกเบิกและขับเคลื่อนวงการฟาร์มออร์แกนิกรายแรก ๆ ของประเทศไทย ภายใต้แนวคิดไม่ได้คิดแค่การมุ่งหวังกำไร แต่มองไปถึงประโยชน์ต่อระบบนิเวศ ความสุขของเกษตรกร ความอร่อยของผู้บริโภคและสุขภาพของผู้คน
แรงบันดาลใจแบบออร์แกนิก
การทำฟาร์มออร์แกนิกแบบยุคสมัยใหม่ถูกบุกเบิกคิดค้นโดยชาวอังกฤษในต้นศตวรรษที่ 20 ก่อนจะไปเริ่มผลิบานในกระแสหลักที่สหรัฐอเมริกา สถานที่และช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ปริญญามีโอกาสได้ไปเรียนต่อด้านสถาปัตยกรรม
ไม่ต่างจากเด็กนอกยุคสมัยนี้ ตอนนั้นปริญญามีโอกาสทำงานในร้านอาหารหัวก้าวหน้าแห่งหนึ่งที่เลือกใช้ ‘ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก’ มาเสิร์ฟลูกค้า ซึ่งนำพาชื่อเสียงและสร้างความแปลกใหม่ จนร้านได้รับการยอมรับและมีเหล่าคนดังมากินอยู่เป็นประจำ
เป็นความประทับใจที่ตราตรึงใจเขานับแต่นั้นมา และแม้แต่ตัวเขาเองก็อาจไม่รู้ว่าในอนาคต เขาจะกลับมาบุกเบิกเกษตรออร์แกนิกในบ้านเกิดตัวเอง
พื้นเพครอบครัวปริญญาค่อนข้างมีอันจะกิน มีที่ดินครอบครองในมือมากมาย และทำธุรกิจด้านเกษตรอยู่แล้ว ซึ่งมีฟาร์มอยู่ที่ทุ่งหลวงรังสิต โดยส่งวัตถุดิบจากฟาร์มป้อนให้โรงแรม 5 ดาวชั้นนำต่าง ๆ
เมื่อเรียนจบกลับมา เขายังไม่ได้เข้าวงการเกษตรทันที แต่ไปดูแลธุรกิจอื่นของที่บ้านก่อน เช่น แบ่งขายที่ดินทำไร่ทำนา รวมถึงต่อยอดทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
แต่แล้วเมื่อเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งขึ้นในช่วงปี 1997 เป็นที่รู้กันว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูงมาก แต่ขณะเดียวกันฝั่งธุรกิจกลับไม่ได้รับผลกระทบนัก ยังคงมั่นคงอยู่ และอันที่จริงเติบโตสวนทางด้วยซ้ำคือเกษตรอินทรีย์ ผลผลิตจากอาหารออร์แกนิกยังมีดีมานด์ความต้องการต่อเนื่องจากผู้มีกำลังและเต็มใจจ่าย
เหตุการณ์นี้ทำให้ปริญญาตระหนักว่าคุณภาพชีวิตต่างหากที่คนเราต้องการอย่างแท้จริง และเราสามารถบรรลุมันได้ผ่านการกินอาหารออร์แกนิกดี ๆ เขาจึงขออาสาพลิกโฉมธุรกิจฟาร์มที่บ้านอย่างจริงจัง
รังสิตฟาร์มที่ไม่ได้อยู่รังสิต
และแล้วในปี 1999 ‘Rangsit Farm’ บนที่ดินห่างไกลขนาด 16 เฮกเตอร์ 500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นการย้ายจากทุ่งหลวงรังสิต ขยับย้ายไปสู่ ‘ยอดภูวังน้ำเขียว’ จังหวัดนครราชสีมา และอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
Passion ของปริญญาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอย่างเดียว การเข้ามาทำ Rangsit Farm เป็นอะไรที่ใช้ใจมากกว่ามันสมอง คาดหวังผลลัพธ์ด้านสุขภาพและต่อจรรยาบรรณต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าด้านเงินทอง
ปริญญาวางรากฐานปรัชญา Rangsit Farm ไว้ว่า ระบบเกษตรกรรมต้องมีความรับผิดชอบต่อทรัพยากรดิน ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม และสุขภาพที่ดีกว่าของผู้บริโภค มาพร้อมสโลแกน ‘Organic From Farm to Consumption’
เกษตรอินทรีย์ไม่ใช่แค่การมุ่งหวังกำไรมหาศาล แต่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศตลอดเส้นทางการเดินทาง ตั้งแต่ดิน น้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ความสุขของเกษตรกร ความอร่อยของผู้บริโภคและความเฮลตี้ในร่างกายของพวกเขา
เขาสร้างมาตรฐานที่สูงลิบ ‘The Rangsit Farm Standard’ ทุกขั้นตอนการผลิตต้องสอบผ่านทุกมาตรฐานออร์แกนิกระดับโลก คำว่าออร์แกนิกต้องเป็น ‘ออร์แกนิก’ จริง ๆ ไม่ใช่คำที่ใช้ในเชิงการตลาดที่มีช่องโหว่เวลาลงมือทำจริง
ใส่ใจความสะอาด ปลอดภัย พร้อม ๆ กับความเอร็ดอร่อยสู่มือและท้องของผู้บริโภคปลายทาง
ต้นแบบออร์แกนิกไทย
Rangsit Farm ขึ้นแท่นผู้นำด้านเกษตรออร์แกนิกในเอเชียอาคเนย์เลยทีเดียว ชนิดที่ต่างประเทศให้การยอมรับและให้ความสนใจบินมาดูงานถึงที่ เช่น มีบุคคลชั้นนำจากคณะรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ในด้านเกษตรกรรมบินมา ‘ดูงาน’ ถึงที่ Rangsit Farm
ในอดีต Rangsit Farm ได้รับความไว้วางใจเคยทำโปรเจกต์ ‘From Farm to Table’ ร่วมกับโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดีถึงขนาดที่ตู้แช่ในห้องครัวเต็ม ถือเป็นการสร้างแบรนด์และความน่าเชื่อถือที่ดีเยี่ยม
เข้าซูเปอร์พรีเมียม
ไม่กี่ปีต่อมา ในปี 2000 Rangsit Farm เข้าไปวางจำหน่ายใน Tops ซูเปอร์มาร์เก็ตได้สำเร็จ ก่อนขยายไปห้างชั้นนำอื่น ๆ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกรุ่นแรก ๆ ที่ขึ้นห้างชั้นนำได้ และเปิดมุมมองใหม่ ๆ แก่ผู้บริโภคไปในตัว
ในยุคแรกประจำอยู่หลายที่เลย เช่น เซ็นทรัล ชิดลม - บางนา สยามพารากอน เอ็มโพเรียม และโกลเด้น เพลซ ก่อนที่ช่วงปีวิกฤตโควิด-19 จะถูกลดความเสี่ยงโดยปัจจุบันจำหน่ายอยู่ที่เซ็นทรัล ชิดลมเป็นหลัก และช่องทางออนไลน์
ถ้าใครเดินแวะไป Central Food Hall ชั้น 1 จะพบกับสเตชั่น Rangsit Farm ตั้งตระหง่านอยู่ มีทั้งสลัดบาร์ ผักผลไม้ออร์แกนิก และน้ำสกัดหลากหลายรส
ขับเคลื่อนออร์แกนิกไทย
ปริญญาไม่ได้ใช้เวลาทุ่มกับ Rangsit Farm ของตัวเองอย่างเดียว แต่ปัจจุบันสวมหมวกหลายใบ ที่ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือ ขับเคลื่อนวงการออร์แกนิกไทย
เขาเองดำรงหลายตำแหน่ง เป็นทั้งประธานชมรมเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย เป็นองค์กรจิตอาสาที่ไม่แสวงกำไร เป็นทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้บรรยายพิเศษให้กับโอกาสต่าง ๆ เสมอมา
ที่สำคัญ มีส่วนผลักดันระบบการรับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee Systems) หรือที่ในวงการเรียกกันว่า PGS คอยช่วยการันตีคุณภาพเกษตรกรออร์แกนิกในท้องถิ่น และเป็นทั้งคอมมูนิตี้ที่ช่วยเหลือแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กัน ถึงทุกวันนี้มีสมาชิกทั่วไทยนับหมื่นราย
ความปกติใหม่แบบออร์แกนิก
ปริญญาถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกฟาร์มออร์แกนิก (Organic farm pioneer) แห่งแรก ๆ ในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์หลายสิบปีผ่านการวิจัยพัฒนามาตลอด เป็นผู้ผลิตผักออร์แกนิกกว่า 100 ชนิดป้อนสู่ตลาด
ทุกวันนี้ถ้าใครเดินผ่านและลองหยิบผลิตภัณฑ์จาก Rangsit Farm อาจสะดุ้งกับตัวเลขราคา เพราะใช่…ราคาไม่ได้ถูก ๆ เลย แต่เมื่อคิดว่าเป็นการลงทุนด้านสุขภาพในระยะยาว กินของออร์แกนิกแทนที่กินยาหมอในอนาคต เมื่อมุมมองเปลี่ยนไป ก็อาจพบว่าผลิตภัณฑ์ Rangsit Farm ดูเมคเซนส์ขึ้นมาทันตา
หวังว่าในอนาคต ออร์แกนิกต้องไม่ใช่ความพรีเมียม แต่เป็นมาตรฐานขั้นต่ำ เป็นความปกติธรรมดา ก็ในเมื่อการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงควรจะเป็นเรื่องปกติ เกษตรออร์แกนิกในอนาคตก็ควรเป็นเรื่องปกติเช่นกัน
ถ้าย้อนกลับไปยุคสมัยก่อน สังคมไทยยังเป็นสังคมเกษตรกรรมแบบออร์แกนิกโดยธรรมชาติ เพราะยังไม่มีสารเคมี ยังไม่ใช้เครื่องจักร หากแต่เป็นออร์แกนิกแบบบริโภคภายในครัวเรือนเป็นหลัก
ในมุมนี้เรียกได้ว่า Rangsit Farm อาจไม่ใช่การมองไปข้างหน้าเสมอไป แต่เป็นการย้อนกลับไปอดีตอันหอมหวานและรุ่งโรจน์ของเกษตรออร์แกนิก ที่ควรจะเป็นความปกติธรรมดาเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดแก่ทุกคน แก่สิ่งแวดล้อม และโลกใบนี้
.
ภาพ : Facebook Prinya.pornsirichaivatana
.
อ้างอิง
.