‘จึงเตี่ยฮวด’ ร้านขายกระดาษไหว้เจ้าเก่าแก่ ที่ทายาทรุ่น 3 ต้องการสร้างตำนานกิจการร้อยปี

‘จึงเตี่ยฮวด’ ร้านขายกระดาษไหว้เจ้าเก่าแก่ ที่ทายาทรุ่น 3 ต้องการสร้างตำนานกิจการร้อยปี

คุยกับ ‘นัท–พีรสรณ์ จิรพิชิตชัย’ ทายาทรุ่น 3 จึงเตี่ยฮวด ร้านขายกระดาษไหว้เจ้าอายุกว่า 60 ปี ถึงความท้าทายของธุรกิจเก่าแก่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและผู้คน รวมไปถึงเป้าหมายของเขาที่จะพาจึงเตี่ยฮวดก้าวสู่กิจการร้อยปี

  • ร้านจึงเตี่ยฮวด เป็นร้านขายกระดาษไหว้เจ้าเก่าแก่อายุ 60 ปี 
  • ปัจจุบันร้านนี้มี ‘นัท–พีรสรณ์ จิรพิชิตชัย’ ทายาทรุ่น 3 เป็นผู้ดูแลและต้องการพาร้านแห่งนี้ก้าวสู่กิจการร้อยปี 
  • การบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ไม่ใช่การขายตำนาน แต่คือ การต่อยอด ‘ให้เข้ายุค’ 

กระดาษไหว้บรรพบุรุษที่ถูกทำขึ้นในรูปแบบที่แปลกตาไม่เหมือนร้านทั่วไป ทั้งชุดตรวจ ATK, หม้อชาบู, สินค้าแบรนด์เนม, บัตรโหวตนายกฯ, รถเทสลา ไปจนถึงดิจิทัล วอลเลต(ที่คนเป็นยังไม่ได้) นั่นเป็นหนึ่งในไอเดียการต่อยอดของ ‘ทายาทรุ่น 3 จึงเตี่ยฮวด’ ที่ต้องการให้ร้านกระดาษไหว้เจ้าอายุมากกว่า 60 ปีแห่งนี้ยืนหยัดอยู่ได้ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปเพียงใดก็ตาม

“เราเป็นธุรกิจเก่าแก่ก็จริง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น หากเรารู้จักปรับตัวให้เข้ายุคสมัย และถ้าคุณขายตำนานอย่างเดียว ไม่รู้จักพัฒนา ก็ทำอะไรไม่ได้ หรือดังแค่ไหน หากไม่ปรับตัว คุณก็อยู่แค่นั้น”

นัท–พีรสรณ์ จิรพิชิตชัย ทายาทรุ่น 3 ร้านจึงเตี่ยฮวด ร้านขายกระดาษไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษที่เปิดกิจการมานานมากกว่า 60 ปี เล่าถึงมุมมองของตัวเองเมื่อเข้ามาสานต่อธุรกิจเก่าแก่ที่หลายคนมักจะตั้งคำถามเสมอว่า 'จะอยู่ได้นานอีกแค่ไหน' เมื่อยุคสมัยและผู้คนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

‘จึงเตี่ยฮวด’ ร้านขายกระดาษไหว้เจ้าเก่าแก่ ที่ทายาทรุ่น 3 ต้องการสร้างตำนานกิจการร้อยปี  เดิมทีจึงเตี่ยฮวด เป็นร้านขายกระดาษไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษขนาดคูหาเดียวในตลาดเก่าข้างวัดมังกรกมลาวาสหรือวัดเล่งเนี่ยยี่ เริ่มต้นอาม่ามีความถนัดในการทำกระดาษไหว้เจ้ามาตั้งแต่สมัยอยู่เมืองจีน และเมื่อย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากในไทยได้นำความถนัดนั้นมาเปิดเป็นจึงเตี่ยฮวด 

ก่อนรุ่นต่อมา คือ พ่อแม่ของนัท-พีรสรณ์จะย้ายร้านมาเปิดย่านพลับพลาไชย ติดศาลเจ้าหลีตี๊เมี๊ยวอย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยสินค้าที่ขายก็จะขายเหมือนกับร้านอื่นทั่วไป ซึ่งจะเป็นเครื่องไหว้ของจีนทั้งหมด เช่น กระดาษไหว้เจ้า สินค้ามงคล กิมจั้ว ตั่วกิม กระดาษเงินกระดาษทอง ฯลฯ 

แต่เมื่อนัท-พีรสรณ์ เรียนจบปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์และการบริหารประเทศ จากมหาวิทยาลัยในจีน ได้เข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัวตั้งแต่ปี 2016 จุดเปลี่ยนของร้านก็เกิดขึ้น

ก่อนจะถูกดิสรัป ต้องดิสรัปตัวเองก่อน

นัท-พีรสรณ์ เล่าว่า สิ่งแรกที่ตั้งใจทำเมื่อมาดูแลกิจการร้านจึงเตี่ยฮวด คือ ต้องบุกออนไลน์ก่อนเลย เพราะตอนเรียนอยู่ที่จีน เห็นเขาทำกันมานานและตลาดใหญ่มาก พอกลับมาไทยไม่เห็นใครทำ แล้วทำไมเราจะไม่ทำบ้าง 

โดยเริ่มจากสร้างเพจในเฟซบุ๊ค มีการยิง ad บ้าง เพื่อให้คนมองเห็น ตามด้วยอินสตาแกรม และ TikTok ซึ่งไม่เพียงโพสต์แค่ขายของ แต่พยายามสร้างคอนเทนต์ เพื่อให้ทันเหตุการณ์และให้แบรนด์ใกล้ชิดกับคน เช่น การแนะนำให้ความรู้สำหรับการไหว้เจ้าการไหว้บรรพบุรุษ เพราะคนรุ่นใหม่สนใจอยากไหว้ แต่พวกเขาไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มากนัก 

นอกจากนี้ยังได้เปิดบริการใหม่ ๆ อาทิ บริการเดลิเวอรี่,แก้ชงหรือไหว้เจ้าทางออนไลน์ ที่ทางร้านเราเปิดให้บริการนี้มาตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยให้ลูกค้าส่งชื่อมาและทางร้านจัดการทุกอย่างให้ เป็นต้น

“โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ เราต้องตามให้ทัน ไม่ให้ตกขบวนหรือตกเทรนด์ ไม่งั้นจะลำบาก อย่างสิ่งที่เราทำตอนนี้ทำให้จึงเตี่ยฮวดมีฐานลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น ทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ และคนรุ่นเดิมก็ยังมาซื้อต่อเนื่อง”

ทุกการทำธุรกิจต้องมองให้ไกล

นอกจากออนไลน์แล้ว การสร้างโปรดักท์ใหม่ให้ทันยุคทันกระแส ก็เป็นอีกไอเดียที่ทายาทรุ่น 3 นำมาใช้กับจึงเตี่ยฮวด เพื่อสร้างกระแสและเพิ่มการรับรู้แบรนด์ให้กับคนในยุคนี้  

ดังที่เราได้ยกตัวอย่างไปข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น กระดาษไหว้บรรพบุรุษที่ทำออกมาเป็นชุดวัคซีนโควิด ช่วงโรคโควิดระบาด,เครื่องสำอางสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม, รถยนต์เทสลา, บัตรเลือกตั้ง, ดิจิทัล วอลเลต และอื่น ๆ 

“ผมชอบดูเทรนด์ว่า เขาทำอะไรบ้างตอนนี้ไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ยังดูในต่างประเทศด้วย เพื่อนำมาสร้างโปรดักท์ใหม่ อะไรมาก็ต้องมี วิธีแบบนี้ผมมองเป็นการตลาดแฝง และทำให้คนรุ่นใหม่เข้าใจวัฒนธรรมของคนไทยเชื้อสายจีนมากขึ้น

“เช่นเดียวกับการสร้างบริการใหม่ ๆ อย่างเดลิเวอรี่ แก้ชงออนไลน์ อะไรพวกนี้ การทำธุรกิจเราต้องมองให้ไกล อย่าหยุด อย่างในอนาคตผมอยากให้จึงเตี่ยฮวดเป็นร้านครบวงจร หากไม่มีซินแสแนะนำ เราจะมีให้ คือเราต้องรู้ว่า ลูกค้าต้องการอะไร แล้วเราจะตอบสนองเขาอย่างไร นำหน้าได้ยิ่งดี”

‘จึงเตี่ยฮวด’ ร้านขายกระดาษไหว้เจ้าเก่าแก่ ที่ทายาทรุ่น 3 ต้องการสร้างตำนานกิจการร้อยปี ‘จึงเตี่ยฮวด’ ร้านขายกระดาษไหว้เจ้าเก่าแก่ ที่ทายาทรุ่น 3 ต้องการสร้างตำนานกิจการร้อยปี

ที่มาของไอเดียเหล่านี้ เพราะนัท-พีรสรณ์ มองว่า ธุรกิจเก่าแก่จะอยู่รอดได้ในยุคปัจจุบันที่โลกและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะขายแค่ ‘ตำนาน’ ไม่ได้ ประเด็นแรก ต้องเริ่มจาก ‘ความตั้งใจ’ และ ‘ใส่ใจ’ 

“ตัวผมเองตอนเรียนจบมาแรก ๆ มีบางคนถามว่า เรียนจบนอกมาทำไมไม่ไปทำอย่างอื่น ซึ่งผมตอบคำเดียวว่า นี่เป็นธุรกิจพื้นฐานของที่บ้าน และรู้รายได้เป็นยังไง หากให้ไปทำธุรกิจข้างนอก สู้กลับมาพัฒนาตรงนี้ให้เต็มที่ดีกว่า และผมก็ทำตามที่ตั้งใจไว้” 

ถัดมา ต้อง ‘ซื่อสัตย์กับลูกค้า’ ทั้งเรื่องของคุณภาพ และการให้คำปรึกษา โดยที่ร้านจึงเต่ยฮวด เมื่อมีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้า หากอะไรไม่จำเป็นต้องใช้สำหรับไหว้ ก็จะแนะนำไปตรง ๆ ว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อ 

สุดท้าย ‘ต้องรู้จักปรับตัวให้ทันยุค ทันสมัย’ เพราะไม่ว่าร้านจะเก่าแก่ เป็นตำนานหรือดังแค่ไหน แต่หากไม่รู้จักปรับตัว ไม่รู้จักพัฒนา สุดท้ายจะอยู่ได้แค่นั้น และเมื่อโลกหมุนเร็วขึ้น ก็อาจหายไปจากตลาด 

“สมัยรุ่นอากงอาม่าผมทำเหมือนเดิมปกติ ขายเฉพาะเครื่องไหว้จีน ยุคผมเพิ่มของมงคล ชุดผ้าไตร ชุดสังฆทาน ชุดธุปเทียน เราพยายามให้มาที่นี้แล้วครบวงจร เพราะคนยุคนี้ต้องการความครบวงจร ซึ่งพวกนี้เรามาจากฟังเสียงลูกค้าและดูเทรนด์”

ตั้งเป้าสู่กิจการร้อยปี 

สำหรับคำถามที่ว่า การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญ ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านทางเจนเนอเรชั่น และความกังวลในเรื่องปัญหา PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเก่าแก่อย่างร้านกระดาษไหว้เจ้าหรือไม่ 

คำตอบ คือ ‘มี’ และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องปกติของทุกธุรกิจไม่ว่าจะธุรกิจใหม่หรือธุรกิจเก่าที่ต้องมีปัจจัยทั้งบวกและลบเข้ามากระทบ ขึ้นอยู่กับว่า คุณเตรียมรับมือ และปรับตัวให้ทันเกมมากน้อยแค่ไหน 

ส่วนหลายคนอาจมองว่า ธุรกิจกระดาษไหว้เจ้าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยง เพราะจะขายดีเฉพาะหน้าเทศกาล ซึ่งมี 3 เทศกาลหลัก ได้แก่ ตรุษจีน เชงเม้ง และสารทจีน แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น 

“กระดาษไหว้เจ้าสามารถขายได้ทั้งปี โดยเฉพาะตอนนี้ที่คนรุ่นใหม่นิยมไหว้เจ้าขอพรมากขึ้น บวกกับจึงเตี่ยฮวดจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง แถมมีการส่งตามวัด และศาลเจ้าต่างๆ ด้วยแล้ว ทำให้เราขายดี”

‘จึงเตี่ยฮวด’ ร้านขายกระดาษไหว้เจ้าเก่าแก่ ที่ทายาทรุ่น 3 ต้องการสร้างตำนานกิจการร้อยปี ขณะที่ปัญหาความกังวลเรื่อง PM 2.5 มีหลายบ้านลดปริมาณการซื้อ และมีบางหมู่บ้านขอความร่วมมือไม่ให้เผากระดาษ ลูกค้าเราหลายคนไหว้เสร็จแล้วส่งกลับมาที่ร้านให้จัดการต่อ ซึ่งประด็นนี้มีไม่ถึง 5% เพราะส่วนใหญ่เข้าใจดีถึงวัฒนธรรมของคนไทยเชื้อสายจีน

สุดท้ายเราถามเขาว่า ธุรกิจเก่าแก่อย่างร้านขายกระดาษไหว้เจ้าจะไปได้อีกไกลแค่ไหน เพราะตัวเขาเองก็ยังยอมรับถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย 

เขาตอบว่า อย่าลืมว่า ธุรกิจนี้มีเรื่องความเชื่อและความกตัญญูที่ถูกหล่อหลอมอยู่คู่กับสังคมไทยจากรุ่นสู่รุ่นเข้ามาเกี่ยวด้วย ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรธุรกิจนี้ยังคงอยู่ไปได้อีกยาวนาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการปรับตัวด้วยเช่นกัน

“ตราบใดที่คนมีความเชื่อ ยิ่งมีเรื่องความกตัญญูเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ยังไงธุรกิจนี้ยังไปได้อีกไกล เพียงแต่คุณต้องรู้จักปรับตัว ถ้าคุณเป็นธุรกิจเก่ายังอยู่แบบเก่า ๆ คุณก็จะอยู่แค่นั้น อย่างจึงเตี่ยฮวดเองเราปรับตัวให้เข้ากับยุคตลอด และเติบโตตลอด ทำไมเราจะอยู่ถึงร้อยปีไม่ได้”