ก่อนตาย ไดอารี Chapter 03 : วาระสุดท้าย

ก่อนตาย ไดอารี Chapter 03 : วาระสุดท้าย

หน้าที่สี่ของไดอารีที่ชื่อว่า 'ก่อนตาย' เขียนโดยชายที่พยายามทำทุกวินาทีในชีวิตให้คุ้มค่า แม้จะอายุยังไม่ถึงสามสิบปีแต่ก็ถือว่าเป็นคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีวาระสุดท้ายที่เขาต้องเผชิญอยู่ในทุกคืนวันไปได้

เธอกำลังร้องไห้ ปล่อยให้ใบหน้าเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ผมไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับเธอด้วยซ้ำ แต่เสียงร้องไห้ของเธอทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม ราวกับว่าผมทำเรื่องผิดบาปมหันต์

‘ทำไมถึงช่วยไม่ได้’ คือสิ่งที่เธอเฝ้าถามผมไม่หยุด จะว่ายังไงดี ผมก็ทำสุดความสามารถแล้วเหมือนกัน แต่กว่าเธอจะรู้ว่าคนรักบอบช้ำถึงเพียงนี้ ทุกอย่างก็สายเกินแก้ แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมไม่ใช่พระเจ้า ถึงหลายครั้งจะมีคนบอกว่าผมเป็นเหมือนพระเจ้าสำหรับพวกเขาก็ตาม

แต่... ให้ตายสิ ผมเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ที่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเวลามีคนมาร้องไห้ต่อหน้า ถึงที่ที่ผมอยู่จะชินชากับเรื่องแบบนี้ไปเสียแล้ว แต่พอถึงคราวต้องเจอกับตัวเอง มันก็ทำเอาใจโหวงเหมือนกัน

ผมจะไม่บอกเธอด้วยถ้อยคำน้ำเน่าว่า ‘ขอโทษด้วย สามีของคุณทนพิษบาดแผลไม่ไหว’ เพราะในความเป็นจริง ไม่มีใครพูดคำนี้กันหรอก เราต่างทำหน้าที่อธิบายอาการเจ็บป่วย เพื่อให้ญาติคนไข้ทำใจยอมรับได้ว่า เหตุผลที่สามีจากไปเป็นเพราะโรคที่เป็นนั้นเกินกว่าจะทำการรักษา

ผมบอกเธอว่าผมทำอะไรบ้าง อธิบายขั้นตอนทุกอย่างให้ละเอียดที่สุด เพื่อให้เธอเข้าใจว่าผมเองก็พยายามยื้อชีวิตชายตรงหน้าเอาไว้ไม่ต่างกัน แต่ตอนนี้สัญญาณชีพของผู้ป่วยแผ่วลง และไม่มีเรี่ยวแรงพอจะขยับได้อีกแล้ว

“มันไม่มีโอกาสอีกแล้วใช่มั้ยหมอ”

“หมอลองช่วยเขาอีกหน่อยได้มั้ย ป้าขอร้อง”

สิ้นคำขอเธอปาดน้ำตาก่อนจะพยายามฝืนยิ้ม ราวกับส่งสัญญาณว่าสามีเธอต้องรอดแน่ ๆ ขอแค่ผมกลับเข้าไปทำหน้าที่แพทย์อีกครั้ง

ผมย้ำกับเธอคำเดิมด้วยใบหน้าเรียบเฉย อันที่จริงก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงนิ่งได้ขนาดนี้ อาจเพราะความตายที่วนเวียนอยู่รอบตัวผม มันช่างเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันก็ได้กระมัง ผมเลยไม่ได้มองว่าความตายเป็นเรื่องน่ากลัว หากแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญในสักวันหนึ่ง

ผมปลีกตัวจากเธอ ทิ้งเสียงสะอื้นไห้ไว้ข้างหลัง พยายามสับขาให้ไวที่สุด จะได้ไม่รับรู้ว่าผมทำให้ใจใครบางคนแหลกสลาย

อาจเป็นเพราะเหตุนี้ ผมเลยพยายามทำทุกอย่างให้คุ้มค่าที่สุด ผมยังหนุ่ม อายุไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ ยังมีเวลาได้ใช้ชีวิตอีกมากโข หากให้ย้อนความหลัง บอกเลยว่าชีวิตที่ผ่านมาของผมก็ถือว่าใช้คุ้มอยู่เหมือนกัน คนอย่างผมจะไม่มีวันปฏิเสธโอกาสอะไรก็ตามที่เข้ามาเด็ดขาด

คุณจะเห็นผมปรากฏอยู่ตามหน้าปกนิตยสาร นายแบบเสื้อผ้า ไปจนถึงโฆษณาแบรนด์รองเท้าชื่อดังสักชิ้นคงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผมเองก็หน้าตาไม่ได้ขี้เหร่เสียเท่าไหร่ ด้วยส่วนสูงที่เกินมาตรฐานชายไทย ผิวสีแทนละเอียด ไปจนถึงใบหน้าคมคาย ที่มักจะได้รับคำชมตลอดว่าใบหน้านี้ช่างสมบูรณ์แบบ

บอกตามตรงว่าผมไม่ได้หลงระเริง ในทางกลับกันพยายามใช้ชื่อเสียงที่มี เผยแพร่ความรู้ทางการแพทย์ให้คนที่ติดตามกว่าสองแสนคนได้เข้าใจความอันตรายของโรคแต่ละชนิด นี่คือสิ่งที่ผมทำได้โดยการอาศัยชื่อเสียงที่ได้รับมา ผมอยากให้สังคมนี้ โลกนี้ เต็มไปด้วยคนสุขภาพดี ผมอยากเห็นทุกคนอายุยืนยาว อยู่กับคนรักไปจนสิ้นอายุไข ไม่อยากต้องมารับฟังเสียงร้องไห้ของใครอีกแล้ว

แปลกอยู่เหมือนกันที่วันนี้ ผมคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต หรือผมเริ่มแก่แล้ว ไม่น่าจะใช่ อายุยังไม่ถึงครึ่งชีวิตดีด้วยซ้ำ แต่วันนี้รู้สึกเหนื่อยแปลก ๆ ทำไมภาพตรงหน้าช่างพร่าเลือน ยังไม่ทันที่ผมจะตรวจเช็กอาการตัวเองอย่างละเอียด ทุกอย่างก็ดับวูบ...

ผมตายไปแล้ว

ตายไปโดยไม่ทันตั้งตัว

ตายไปทั้ง ๆ ที่เพิ่งหลีกหนีจากความตายที่อยู่ในมือของผมไปเมื่อบ่ายวันนี้เอง

ความตายคือสิ่งที่ผมคุ้นชิน ผมไม่ได้กลัวมัน แต่ทำไมมันถึงมาในเวลานี้

“ผมยังไม่อยากตาย” คำพูดที่ผมจะไม่มีทางส่งออกไปถึงใครได้เลย จะไม่มีใครได้ยินเสียงของคนตาย แต่หากคุณมีโอกาสได้อ่านไดอารี ก่อนตาย ของผม ผมอยากให้คุณพลิกไปที่หน้าสี่ หน้ากระดาษที่มีเรื่องราวของหมอคนหนึ่ง ที่พยายามใช้ชีวิตอย่างสุดความสามารถ ทำทุกวันให้เต็มที่ที่สุด แม้จะต้องทำงานหนักเพียงใด แต่ก็ยังหาเวลาว่างทำกิจกรรมที่ตัวเองรัก ทั้งวาดรูป ปั้นเครื่องปั้นดินเผา ไปจนถึงทดลองปลูกต้นไม้พันธุ์ใหม่ ๆ ผมทำทุกอย่างเท่าที่คนวัยยี่สิบปลายจะทำได้

แต่ดูเหมือนว่ามัจจุราชจะรักผมเสียเหลือเกิน เขาถึงได้เดินทางมาหาผมเร็วเช่นนี้

หากคุณอ่านถึงบรรทัดนี้ คุณจะเห็นว่าชีวิตผมช่างว่างเปล่า แม้จะทำทุกอย่าง มีชื่อเสียงเงินทองมากเพียงใด สุดท้ายผมก็ตายอยู่ดี โอกาสที่ผมคว้ามาทั้งชีวิตถูกความตายขโมยภายในคราเดียว

ทำไมวาระสุดท้ายของผมมันช่างโหดร้ายเสียจริง ทำไมไม่ให้ผมได้ใช้ชีวิตถึงอายุสามสิบเสียก่อน อยากจะรู้ว่าไอ้การมีอายุแตะถึงเลขสามจะเปลี่ยนชีวิตที่จำเจนี้ไปได้ยังไงบ้าง

น่าเสียดายที่คงไม่มีวันนั้น

วาระสุดท้ายของผมมันช่างแผ่วเบาเสียจริง

 

เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง

ภาพ : กัลยารัตน์ วิชาชัย