สวัสดีวันจันทร์: “เราไม่ได้เลิกเล่นเพราะเราแก่ แต่เราแก่เพราะเราเลิกเล่น”

สวัสดีวันจันทร์: “เราไม่ได้เลิกเล่นเพราะเราแก่ แต่เราแก่เพราะเราเลิกเล่น”

สวัสดีวันจันทร์สัปดาห์นี้ หยิบยกคำพูดของ ‘จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์’ นักประพันธ์ชาวไอริช ที่กล่าวไว้ว่า “เราไม่ได้เลิกเล่นเพราะเราแก่ แต่เราแก่เพราะเราเลิกเล่น”

“เราไม่ได้เลิกเล่นเพราะเราแก่ แต่เราแก่เพราะเราเลิกเล่น” 

เห็นประโยคนี้ของ ‘จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์’ นักประพันธ์ชาวไอริช มันชวนให้เราคิดเหลือเกินว่า ครั้งสุดท้ายที่เราได้เล่นอะไรแบบเด็ก ๆ คือเมื่อไรกันนะ?

นั่งคิดอยู่ร่วม 10 นาที สารภาพตามตรงว่า คิดไม่ออกเหมือนกันว่า ตอนที่ตัวเองได้เล่นอะไรแบบไม่กลัวเจ็บ กลัวเปื้อน มันเกิดขึ้นนานขนาดไหนแล้ว

เอ๊ะ หรือเราจะแก่แล้วจริง ๆ (เพิ่งฉลองวันเกิดอายุครบ 40 ปีไป เมื่อไม่กี่วันก่อน) 

คิดถึงตรงนี้จึงนำมาสู่คำถามที่ว่า แล้วถ้าเราเลิกเล่นอะไรสนุก ๆ แบบเด็ก มันจะเป็นอะไรมากไหม?

เราพยายามตีความสิ่งที่จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ ต้องการจะสื่อ คิดว่า ‘การเล่น’ ที่เขาหมายถึง อาจไม่ได้หมายถึงการปั้นดินน้ำมัน เล่นโคลน แต่งตัวเป็นซูเปอร์ฮีโร่ หรือเอาดาบไล่ฟันกันเหมือนหนังย้อนยุค ฯลฯ
 

แต่น่าจะหมายถึงการทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองรู้สึกสนุกจนรับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นกว่าปกติ การหัวเราะแบบไม่ต้องเก็กเพราะกลัวใครจะมองว่าหน้าตาตลก ได้รู้สึกถึงพลังแห่งความกระตือรือร้นที่อยากจะทำบางสิ่งบางอย่าง เหมือนสมัยเด็ก ๆ ที่เราแทบนอนไม่หลับเพราะรู้ว่าตอนเช้าจะได้ไปปั่นจักรยานเที่ยวกับเพื่อน ๆ 

คีย์หลักของประโยคที่หยิบยกมาคุยกันวันนี้ จึงน่าจะหมายถึงการรักษาจิตใจให้สดใสและมีชีวิตชีวา ไม่ว่าอายุของเราจะเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนก็ตาม 

นั่นอาจเป็นเพราะการรักษาความสนุกสนานและความกระตือรือร้น ซึ่งมักปรากฏชัดในช่วงที่เราอยู่ในวัยเยาว์ มีผลทางบวกต่อการทำงานและใช้ชีวิตในหลาย ๆ ด้าน 

ข้อแรกเลย ความสนุกสนานนำมาซึ่ง ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ซึ่งกระตุ้นให้เราเกิดไอเดียใหม่ ๆ เอาไว้สำหรับการแก้ปัญหาและพัฒนางานต่าง ๆ ทั้งยังเปิดทางให้เรากล้าที่จะทดลองสิ่งใหม่ ๆ และมองหาวิธีที่แตกต่างในการทำงาน 

สองคือช่วยบรรเทาความเครียด เรื่องนี้อยากจะยกตัวอย่างออฟฟิศ The People มาก ๆ ที่นี่เราจะมีวงบอร์ดเกมให้ทุกคนได้ร่วมสนุกกันช่วงหลังเลิกงาน ส่วนตัวแล้วเราไม่ได้ลงเล่นกับเขา แต่แค่ได้นั่งดูในฐานะผู้สังเกตการณ์ยังรู้สึกสนุกไปกับเขาด้วย จนบางครั้งก็ลืมไปเลยว่า วันนั้นนั่งทำงานเครียดทั้งวัน 

ไม่นับที่เด็ก ๆ ยิงมุขโบ๊ะบ๊ะกันในช่วงพัก ทำให้งานเครียด ๆ กลายเป็นเรื่องขำ ๆ กันหลายต่อหลายครั้ง

สำหรับข้อนี้ ความสนุกสนานไม่เพียงทำให้เรามีสุขภาพจิตดี แต่ยังทำให้ทีมเราเหนียวแน่นขึ้น บรรยากาศในการทำงานก็ราบรื่น เพราะคุยกันได้ทั้งเรื่องเล่นและเรื่องจริงจัง ช่วยกันรับมือความท้าทายที่ถาโถมเข้ามาได้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง 
 

ประโยชน์จากความสนุกสนานในข้อหนึ่งและข้อสอง จึงนำมาสู่ข้อสามคือ การนำมาซึ่ง ‘พลังงาน’ และ ‘ประสิทธิภาพ’ ในการทำงาน เพราะอย่างน้อย ๆ ความสนุกสนานก็ทำให้เรามีพลังและแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะทำให้เกิดผลลัพธ์ในทางที่ดี 

นอกจากประโยชน์ในแง่การทำงานแล้ว ความสนุกสนานยังส่งผลมาถึง ‘การมีชีวิตที่สมดุล’ 

การรักษาความสนุกสนานไว้ในชีวิตจะช่วยให้เรามีมุมมองที่ดีต่อชีวิต ทำให้เราอยากทำได้ดีทั้งในส่วนของการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว และเมื่อเราสามารถบาลานซ์ทั้งสองส่วนได้ โอกาสที่จะหมดไฟในการทำงานก็จะน้อยลงตามไปด้วย 

คอลัมน์สวัสดีวันจันทร์สัปดาห์นี้ อาจจะไม่ได้จบสวย ๆ ประมาณว่า “เพราะฉะนั้นเรามาใช้ชีวิตให้สนุกกันเถอะ” เพราะเรารู้ดีว่าสำหรับบางคนแล้ว มันยากมากถึงมากที่สุด ไม่ต้องพูดถึงความสนุกในชีวิต แค่พูดถึงการมีชีวิตปกติยังแทบจะทำไม่ได้ 

เอาเป็นว่าขอให้รับรู้ถึงข้อดีและประโยชน์ของการใช้ชีวิตให้สนุกไปก่อน ลองตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เอาไว้ในแต่ละวัน แล้วอนุญาตให้ตัวเองหัวใจฟูฟ่องหลังจากตามเก็บเป้าหมายนั้นได้ครบ

วันใดวันหนึ่ง เดี๋ยวก็จะได้สนุก ได้ยิ้ม และหัวเราะมากขึ้นเองแหละ

สวัสดีวันจันทร์ค่ะ
พาฝัน ศรีเริงหล้า