16 ธ.ค. 2567 | 06:24 น.
สาวๆ พากันอิจฉาตาลุกวาว เมื่อซูเปอร์สตาร์อย่าง ‘เซเลนา โกเมซ’ โพสต์ภาพสุดหวานบนอินสตาแกรม โชว์แหวนเพชรสุดอลังการบนนิ้วนางข้างซ้าย ที่ได้รับจากแฟนหนุ่ม ‘เบนนี บลังโก’ โปรดิวเซอร์เพลงมากความสามารถ เพื่อเป็นการหมั้นหมายก่อนจะลั่นระฆังวิวาห์ในอนาคต
สิ่งที่ทำให้แหวนวงนี้พิเศษสุด ๆ คือการที่เบนนีเลือกเพชรทรงมาควีซ ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงเพลง ‘Good for You’ ที่เซเลนาเคยร้องไว้ในปี 2015 โดยมีเนื้อร้องท่อนหนึ่งว่า “I'm on my marquise diamonds. I'm a marquise diamond. Could even make that Tiffany jealous” ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบตัวเองกับเพชรทรงมาควีซที่มีค่าและสวยงามมาก จนแม้แต่แบรนด์อัญมณีชื่อดังอย่าง Tiffany ก็ต้องอิจฉา
นับเป็นดีเทลเล็ก ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจและจดจำทุกรายละเอียดของเธอได้เป็นอย่างดี
แต่กว่าจะมาถึงช่วงเวลาแห่งความสุขในวันนี้ ชีวิตของเซเลนาไม่ได้สวยหรู บททดสอบใหญ่ในชีวิตเริ่มขึ้นในปี 2015 เมื่อเธอถูกวินิจฉัยว่าเป็น ‘โรคลูปัส’ โรคภูมิต้านตนเองที่ทำให้ร่างกายโจมตีเนื้อเยื่อตัวเอง จนต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไต นอกจากนี้เธอยังเผชิญกับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล (Anxiety Disorder) จนต้องเข้ารับการบำบัดและรักษาตัวในสถานบำบัดหลายครั้ง
ชีวิตรักของเธอก็พบเจอมรสุมไม่แพ้กัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์อันแสนวุ่นวายกับ ‘จัสติน บีเบอร์’ ที่คบ ๆ เลิก ๆ กันมานานหลายปี จนกลายเป็นข่าวให้สื่อจับตามองและถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียอย่างหนัก บางครั้งถึงขั้นถูกแฟนคลับของฝ่ายชายโจมตีอย่างรุนแรง
แต่ที่น่าทึ่งคือ เซเลนาเลือกที่จะเปิดเผยความอ่อนแอและความเปราะบางของตัวเองต่อสาธารณชน เธอเคยกล่าวไว้ว่า “Being vulnerable is a strength, not a weakness” หรือ “การยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง เป็นความเข้มแข็ง ไม่ใช่จุดอ่อน” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นว่าการกล้าเผชิญหน้าและยอมรับปัญหาต่าง ๆ ต่างหาก ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเยียวยาและการเติบโต
เธอไม่เคยปิดบังว่าตัวเองต้องพึ่งยาต้านซึมเศร้าและการบำบัดทางจิตวิทยา ไม่เคยแสร้งทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่ภายในกำลังแตกสลาย แต่เลือกที่จะพูดถึงมันอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้คนที่กำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกันรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว
ในมุมมองทางจิตวิทยา การที่เซเลนากล้าเปิดเผยความอ่อนแอของตัวเอง ถือเป็นก้าวสำคัญของการเยียวยาจิตใจ เพราะการปฏิเสธหรือกดทับความรู้สึกด้านลบเอาไว้ มักนำไปสู่ปัญหาทางอารมณ์ที่รุนแรงขึ้นในระยะยาว นักจิตวิทยาหลายท่านเชื่อว่า การยอมรับและเผชิญหน้ากับความอ่อนแอของตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของการสร้าง ‘ความเข้มแข็งทางใจ’ (Resilience)
เมื่อเราหยุดปฏิเสธความอ่อนแอ และกล้าที่จะพูดถึงมัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราจะรู้สึกโล่งใจ เพราะไม่ต้องแบกรับภาระในการ “แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง” อีกต่อไป นอกจากนี้ การพูดถึงปัญหาของตัวเองยังช่วยให้เราได้มุมมองใหม่ ๆ จากคนรอบข้าง และที่สำคัญคือทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้เผชิญกับปัญหานี้เพียงลำพัง
ปัจจุบัน เซเลนาไม่เพียงประสบความสำเร็จในฐานะนักร้อง นักแสดง แต่ยังเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องสำอาง ‘Rare Beauty’ ที่มีแนวคิดสนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนยอมรับและรักในความเป็นตัวเอง พร้อมบริจาคกำไรส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต
ความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองส่งผลให้เธอประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ล่าสุด Bloomberg รายงานว่าเซเลนามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะ Rare Beauty ที่กลายเป็นแบรนด์ฮิตระดับโลก มีบลัชตัวเดียวทำรายได้ถึง 70 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 นอกจากนี้เธอยังประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงและโปรดิวเซอร์ กับซีรีส์ดัง ‘Only Murders in the Building’ ที่กำลังจะฉายซีซั่นที่ 5 รวมถึงการกลับมาของ ‘Wizards Beyond Waverly Place’ และรายการ ‘Selena + Chef’ ที่เธอทั้งแสดงและร่วมผลิต แม้จะห่างหายจากวงการเพลงไปบ้าง (อัลบั้มล่าสุด ‘Rare’ ออกมาตั้งแต่ปี 2020) แต่เซเลนาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อเรากล้าที่จะค้นหาและเป็นตัวของตัวเอง ความสำเร็จก็จะตามมาเอง
สำหรับใครที่กำลังรู้สึกว่าชีวิตล้มเหลว ไม่เก่งพอ หรือไม่ประสบความสำเร็จเท่าคนอื่น อย่าลืมว่าแม้แต่ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่างเซเลนา โกเมซ ก็ยังมีช่วงเวลาที่รู้สึกอ่อนแอและสับสน แต่สิ่งที่ทำให้เธอผ่านพ้นมาได้คือการกล้ายอมรับและเผชิญหน้ากับปัญหา ลองมองย้อนกลับไปดูว่าตัวเองมีจุดแข็งอะไร หรืออย่างน้อย ถ้ายังหาจุดแข็งไม่เจอ การรู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
เหมือนที่เซเลนาเคยพูดไว้ บางทีสิ่งที่เราคิดว่าเป็นความอ่อนแอ อาจกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราก็ได้ เพราะการยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง คือก้าวแรกของการก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นไป และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอได้พบรักแท้ในที่สุด เพราะเมื่อเรารักและเข้าใจตัวเองได้ เราก็พร้อมที่จะรักและเข้าใจคนอื่นได้อย่างแท้จริง อย่างที่เซเลนาบอกว่าเธอและเบนนีต่างเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวตนเพื่อใคร นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขาต่างยอมรับในตัวตนของกันและกัน เหมือนที่เราควรยอมรับและรักในตัวเราเองนั่นเอง
สวัสดีวันจันทร์ค่ะ
พาฝัน ศรีเริงหล้า