09 ต.ค. 2563 | 20:44 น.
แม้ชีวิตจะสั้น แต่ บรูซ ลี ก็เล่นหนังไว้มากมาย เพราะเขาเริ่มต้นการเป็นนักแสดงตั้งแต่แบเบาะ เนื่องจากมีพ่อและแม่เป็นนักแสดง แต่หากนับแต่วันที่ บรูซ ลี กลับจากสหรัฐฯ มาเล่นหนังในฮ่องกง (ซึ่งก็กินเวลาไม่กี่ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต) คงไม่มีนักแสดงหญิงคนไหนจะได้ร่วมแสดงกับเขาเท่ากับ เหมียว เข่อซิ่ว ครอบครัวของเหมียวและลีมีความคุ้นเคยกันมาก่อนตั้งแต่ทั้งสองคนยังไม่เคยเจอหน้ากัน (ลีอยู่สหรัฐฯ) ต่างฝ่ายจึงต่างเคยได้ยินชื่อของกันและกันมาก่อน จนกระทั่งได้มารู้จักกันอย่างเป็นทางการใน The Big Boss (1971) หนังเรื่องแรกที่ บรูซ ลี กลับมาเล่นในฮ่องกง จุดเริ่มต้นสู่วงการบันเทิง เหมียวเล่าว่า เธอกับเพื่อน ๆ ไปพบโฆษณาของ Golden Harvest ค่ายหนังชื่อดังของฮ่องกง เธอก็เลยลองถ่ายรูปตัวเองชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพชุดที่เธอชื่นชอบมาก ๆ ส่งไปรษณีย์พร้อมบอกชื่อที่อยู่ไปให้ค่าย ทางค่ายก็ติดต่อมาให้เธอไปร่วมคัดตัว หลังจากการคัดตัวหนึ่งสัปดาห์ เธอก็กลายเป็นนักแสดงหญิงยุคบุกเบิกของค่ายดังแห่งนี้ “ฉันได้รู้จัก บรูซ ลี อย่างเป็นทางการตอนค่ายสร้างหนังเรื่อง The Big Boss ตอนนั้นฉันอยู่ระหว่างแสดงหนังเรื่องอื่นอยู่ มันเหมือนเป็นการให้รางวัล แต่ฉันรู้จัก บรูซ ลี ก่อนหน้านั้นแล้ว ฉันรู้จักครอบครัวของเขาดีเลย “ฉันกับโรเบิร์ตน้องชายของเขาตอนนั้นต่างก็ยังเด็ก เราไปเที่ยวไปเต้นรำไปไหนต่อไหนกันพร้อมกับแม่ของเขาและน้องสาว ฉันยังเคยไปเยี่ยมบ้านเขาบ่อย ๆ แล้วพวกเขาก็เอ่ยชื่อ บรูซ ลี เป็นประจำ แต่ฉันได้มารู้จักเขาจริง ๆ ก็ตอนถ่ายทำ The Big Boss ในเมืองไทยนี่แหละ” เหมียวกล่าว (Remembering Bruce Lee - Nora Miao) ตอนนั้นที่เธอติดกองถ่ายมาเมืองไทย จริง ๆ เธอเพียงมาเที่ยวเท่านั้น แต่ หล่อ เว่ย ผู้กำกับซึ่งเอ็นดูเธอมาก (และภายหลังยังรับเป็นพ่อทูนหัวของเธอด้วย) เห็นว่า ไหน ๆ เธอก็อุตส่าห์มาแล้ว ก็ร่วมแสดงเป็นแขกรับเชิญด้วยเลยดีกว่า เธอจึงได้มารับบทเป็นแม่ค้าน้ำแข็งไสที่ถูกนักเลงไทยเจ้าถิ่นเข้ามาระราน ซึ่งได้ลีที่มานั่งกินน้ำแข็งไสที่ร้านเข้าช่วยไว้ “เราได้ไปดูรอบปฐมทัศน์ร่วมกัน ตอนที่ได้ดู The Big Boss ฉันก็รู้สึกเลยว่า ‘บรูซจะต้องดังแน่ ๆ’ ฉันคิดว่า คนต้องชอบการแสดงของเขา และฉากแอ็กชันก็เป็นนวัตกรรมใหม่มาก หนังกังฟูสมัยนู้นเป็นที่นิยมมาก เป็นหนังแบบฟันดาบฉ่งเฉ่ง บินถลาไปมา อะไรอย่างนี้ แต่พวกนี้หายไปหมดเมื่อ บรูซ ลี โผล่มา หนังของเขาเป็นหนังต่อสู้ที่เข้มข้นและถึงเนื้อถึงตัว แล้วสไตล์กับบุคลิกของเขาอีก ท่าทาง การตั้งท่าอะไรของเขาต่างจากดาราสมัยนั้นมาก คนเห็นก็มองว่ามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่” เหมียวกล่าว หลังจากประสบความสำเร็จใน The Big Boss บรูซ ลี ก็ดังขึ้นไปอีกใน Fist of Fury ที่คราวนี้เหมียวได้เป็นนางเอกเต็มตัว โดยมีฉากรักที่คนดูติดตา เมื่อเธอและลีสวมกอดและจูบกัน ซึ่งนับเป็นฉากรักที่หาได้ยากมากในหนังของ บรูซ ลี และเป็นที่ฮือฮาและนินทาว่า ทั้งคู่น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยออกมายอมรับหรือปฏิเสธ จบจากเรื่องนี้ เธอก็ยังได้แสดงร่วมกับลีต่อเนื่องใน The Way of the Dragon ซึ่งเธอบอกว่า เป็นเรื่องที่เธอเองก็ไม่คาดคิด เพราะเดิมทีเดียวเธอมีโปรแกรมที่จะต้องไปถ่ายหนังให้กับ หล่อ เว่ย ผู้กำกับที่ไม่ค่อยถูกชะตากับ บรูซ ลี แม้จะร่วมสร้างหนังมาด้วยกันสองเรื่องก่อนหน้า แต่ทางค่ายกลับส่งตัวเธอไปหาทีมถ่ายของลีในกรุงโรม ทำให้หล่อ เว่ย หัวเสียกับเรื่องนี้มาก และคิดว่าเธอพยายามจะเกาะลีดังหรือไม่? แต่เหมียวยืนยันว่าเธอแค่ทำตามคำสั่งค่ายเท่านั้น ส่วนอะไรเป็นสาเหตุให้ค่ายตัดสินใจเช่นนั้นเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมียวเล่าว่า ลีอยากให้เธอมาเล่นในหนังของเขาเรื่อง Game of Death ด้วย (เป็นหนังที่ถ่ายไม่เสร็จ ลีก็มาเสียชีวิตไปเสียก่อน) โดยตัวละครหญิงตัวนี้จะเป็นแกนหลักของเรื่อง แต่เหมียวปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า “เขาเด่นเกินไป ฉันก็ดังนะ แต่ดังคนละแบบ ตอนนั้นฉันคิดว่า ‘ฉันไม่จำเป็นต้องอยู่ในหนังของเขาตลอดเวลาซะหน่อย’ ฉันคิดอย่างนั้น แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน” ก่อนเสริมว่า “มีค่ายอินดี้จากไต้หวันติดต่อมาขอยืมตัวฉันจาก Golden Harvest ให้ไปเล่นหนังรักโรแมนติก ฉันเลยไปเล่นหนังโรแมนติกแทน จากกังฟูสู่หนังรัก ฉันไม่ได้อยากจะปรากฏตัวในหนังของบรูซ ฉันไม่อยากให้คนจับคู่ฉันกับบรูซอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นฉันก็พอมีชื่อบ้างแล้ว ฉันไม่อยากให้คนอื่นคิดเหมือน หล่อ เว่ย ว่าฉันอยากจะเกาะบรูซดัง” ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้น เหมียวกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ของเขากับฉันมันละเอียดอ่อน มันไม่ใช่อย่างที่คนนอกจินตนาการ ฉันไม่สนหรอกว่าคนจะพูดอะไรบ้าง เรารู้สึกว่าเราต่างรู้จักกันมาทั้งชีวิต ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก แน่นอน เขาเคยได้ยินเรื่องของฉันมาก่อนทำนองว่า ‘เออ...เพื่อนน้องชายกลายเป็นดาราแล้วนะ’ ฉันก็เคยได้ยินเรื่องของเขา พอเราได้มาเจอกัน มันก็เลยเหมือนเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ แล้วเราก็มีอะไรที่เหมือนกันมากกว่าใคร” หลังจากลีเสียชีวิต เหมียวยังคงโลดแล่นในวงการและได้ประกบพระเอกอีกมากมายโดยเฉพาะ เคอ จุ้นสง ดาราหนุ่มจากเกาะไต้หวัน และครั้งหนึ่งในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2016 เธอยอมรับว่าเธอเคยตกหลุมรักพระเอกที่เคยร่วมงานหลายคนซึ่งล้วนแต่งงานแล้ว แต่เธอไม่เคยคิดที่จะทำให้การแต่งงานของพวกเขาต้องแตกสลาย และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เธอครองตัวเป็นโสดอย่างยาวนาน และเมื่อถูกถามถึงกรณีที่ เคอ จุ้นสง กล่าวว่า เขาติดหนี้ชีวิตเธอ เธอตอบกลับไปว่า “ไม่มีใครเป็นหนี้ชีวิตใคร หนี้นั้นยังไงคุณก็เอาคืนไม่ได้อยู่แล้ว ฉันรู้สึกว่า การเลิกราใด ๆ คุณต้องจำไว้ว่า คุณเคยมีช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน จะได้ไม่มีฝ่ายไหนต้องมาโกรธเกลียดกัน หรือติดหนี้อะไรใครทั้งสิ้น” (Yahoo)