‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ ตอนอายุ 12 ขวบ ทำ PowerPoint เสนอแผน 5 ปี โน้มน้าวขอพ่อแม่เป็นดารา

‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ ตอนอายุ 12 ขวบ ทำ PowerPoint เสนอแผน 5 ปี โน้มน้าวขอพ่อแม่เป็นดารา

เรื่องราวของ ‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ นักแสดงดาวรุ่งที่มีดีมากกว่าความเซ็กซี่ ตอนอายุ 12 ขวบ ทำ PowerPoint เสนอแผน 5 ปี โน้มน้าวขอพ่อแม่เป็นดารา

KEY

POINTS

  • ในวัยเพียง 12 ขวบ ซิดนีย์พยายามพิสูจน์ให้พ่อแม่เห็นว่าเธอจริงจังกับอาชีพนักแสดงแค่ไหน ด้วยการทำแผน 5 ปี นำเสนอผ่าน PowerPoint
  • แต่ยังไม่ทันที่ซิดนีย์จะโด่งดัง พ่อของเธอเกิดตกงาน ทำให้ครอบครัวถูกบังคับให้ยื่นขอล้มละลาย สูญเสียทั้งบ้านและรถจนต้องย้ายไปอยู่ในโมเทล หนำซ้ำพ่อกับแม่ก็มาหย่ากันในเวลาต่อมา 
  • ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกที่มีเสน่ห์ดึงดูดเท่านั้น ที่ทำให้เธอได้รับโอกาสดี ๆ ในชีวิต เพราะการที่เธอได้รับยกย่องว่าเป็นนักแสดงที่เข้าถึงบทบาทมากที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวูด เกิดจากการทำการบ้านเรื่องตัวละครอย่างหนัก

หากมองเพียงเปลือกนอก ‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ อาจเป็นเพียงนักแสดงดาวรุ่งที่มีเรือนร่างสุดเซ็กซี่ขยี้ใจ 

เธอเริ่มต้นอาชีพการแสดงจากการรับบทเล็ก ๆ ในหนังและซีรีส์ ก่อนจะค่อย ๆ เขยิบมารับบทเด่น และดังเป็นพลุแตกจากบท ‘แคสซี’ สาวหวานที่โหยหาความรักและปรารถนาที่จะถูกรักตลอดเวลาในซีรีส์วัยรุ่นเรื่อง ‘Euphoria’ ทาง HBO ที่ผลิตโดยค่าย A24

ทว่าลึกลงไปแล้ว ซิดนีย์ที่คนส่วนใหญ่พากันสนใจแต่ภาพลักษณ์ในจออันร้อนฉ่า ครั้งหนึ่งเคยเขินอายกับส่วนเว้าส่วนโค้งบนร่างกายตัวเอง จึงหันมาตั้งใจเรียนและเล่นกีฬาอย่างหนัก เพราะไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมากำหนด ‘คุณค่า’ ในตัวเธอด้วยรูปร่าง 

ต่อไปนี้คือเรื่องราวของ ‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ หญิงสาวที่กำลังพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ไม่มีอะไรที่จะมาขวางกั้น ‘ความมุ่งมั่น’ ได้

ทำ PowerPoint เสนอแผน 5 ปี โน้มน้าวขอพ่อแม่เป็นดารา

‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ (Sydney Sweeney) หรือที่ครอบครัวและคนสนิทเรียกกันว่า ‘ซิด’ เกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน ปี 1997 ในเมืองสโปแคน รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา 

แม่ของเธอชื่อ ‘ลิซ่า’ เป็นอดีตทนายความในเมืองสโปแคน และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอัยการสูงสุดประจำรัฐวอชิงตันด้วย ซิดนีย์เคยให้สัมภาษณ์กับ Variety ว่า แม่ของเธอมีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก และต้องทำงานถึง 5 งานเพื่อส่งตัวเองเรียน ส่วน ‘สตีเว่น’ พ่อของเธอ มีข้อมูลเพียงว่าทำงานในแวดวงด้านการแพทย์ 

ซิดนีย์มีน้องชายอีกหนึ่งคนชื่อว่า ‘เทรนต์’ ทั้งคู่ชื่นชอบในศิลปะการแสดงเหมือนกัน โดยในขณะที่ซิดนีย์กำลังไปได้ดีกับอาชีพนักแสดง เทรนต์ก็รับบทเล็ก ๆ ในภาพยนตร์หลายเรื่อง และมีความสามารถในด้านการกำกับด้วย 

‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ ตอนอายุ 12 ขวบ ทำ PowerPoint เสนอแผน 5 ปี โน้มน้าวขอพ่อแม่เป็นดารา ‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ ตอนอายุ 12 ขวบ ทำ PowerPoint เสนอแผน 5 ปี โน้มน้าวขอพ่อแม่เป็นดารา

ซิดนีย์หลงไหลด้านการแสดงและการเล่าเรื่องมาตั้งแต่เด็ก เธอมักจะได้แสดงละครตามงานในชุมชนอยู่เสมอ ซึ่งได้จุดประกายให้เธอฝันอยากจะเป็นนักแสดงมืออาชีพ 

‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ ตอนอายุ 12 ขวบ ทำ PowerPoint เสนอแผน 5 ปี โน้มน้าวขอพ่อแม่เป็นดารา

แต่พ่อแม่ของเธอกลับไม่ค่อยปลื้มกับความฝันของลูกสาว 

ถึงกระนั้นซิดนีย์ก็ไม่ยอมแพ้ ในวัยเพียง 12 ขวบ เธอพยายามพิสูจน์ให้พ่อแม่เห็นว่าเธอจริงจังกับอาชีพนักแสดงแค่ไหน ด้วยการทำแผน 5 ปี ที่มีงานวิจัยรองรับ พร้อมลำดับเวลาการทำงานที่ระบุชัดเจนว่า หากเธอไปออดิชัน เธอจะได้พบกับใครบ้าง และมีโอกาสที่จะได้เจอโปรดิวเซอร์คนไหน โดยนำเสนอผ่าน PowerPoint

“ฉันทำแผนธุรกิจ 5 ปี ที่อธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต หากพ่อกับแม่ยอมให้ฉันทำสิ่งนี้ รวมถึงขั้นตอนที่ฉันต้องดำเนินการ และสิ่งที่ฉันต้องทำ แล้วพวกเขาก็ยอมให้ฉันไปออดิชัน”

ไม่เพียงอนุญาตแค่คำพูด แต่พ่อแม่ยังต้องพาเธอเดินทางไปมาระหว่างสโปแคนกับลอสแองเจลิสเพื่อให้เธอได้ออดิชัน ซึ่งทำให้เธอได้บทเล็ก ๆ ใน Criminal Mind (2005), Grey’s Anatomy (2005), Heroes (2006), Pretty Little Liars (2010) และ 90210 (2008) 

ในที่สุดทั้งครอบครัวก็ต้องย้ายไปลอสแองเจลีสเพื่อให้ลูกสาวได้ไล่ล่าความฝัน ซึ่งดูเหมือนจะไม่ไกลเกินเอื้อม

‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ ตอนอายุ 12 ขวบ ทำ PowerPoint เสนอแผน 5 ปี โน้มน้าวขอพ่อแม่เป็นดารา

แต่ยังไม่ทันที่ซิดนีย์จะโด่งดัง พ่อของเธอเกิดตกงาน ทำให้ครอบครัวถูกบังคับให้ยื่นขอล้มละลาย สูญเสียทั้งบ้านและรถจนต้องย้ายไปอยู่ในโมเทล หนำซ้ำพ่อกับแม่ก็มาหย่ากันในเวลาต่อมา 

ซิดนีย์เฝ้าโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุให้ครอบครัวเดินมาถึงจุดนี้

“ถึงแม้พ่อกับแม่จะบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของฉัน แต่มันคือความผิดของฉัน” เธอให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนมีนาคม 2023

ชีวิตตามความฝันในวัยเด็ก

ในเช้าวันเกิดอายุครบ 18 ปี ซิดนีย์ขอพรให้ตัวเองมีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านหลังเก่าของพ่อแม่คืนมา ด้วยความหวังว่าพ่อแม่จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง 

ไม่กี่เดือนต่อมา คำขอของเธอก็เป็นจริง เธอได้เล่นซีรีส์เรื่อง ‘Sharp Objects’ ร่วมกับ ‘เอมี อดัมส์’ จากนั้นก็ได้รับบทเด่นในซีรีส์เรื่อง ‘Everythings Sucks!’ ทางเน็ตฟลิกซ์ 

ปี 2019 เธอได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ ‘Once Upon a Time’ ที่มีแต่นักแสดงนำระดับเอลิสต์ ไม่ว่าจะเป็นลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ, แบรด พิตต์ และมาร์โกต์ ร็อบบี้ นอกจากนี้เธอยังได้ร่วมแสดงในซีรีส์สตรีมมิ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง 3 เรื่อง ได้แก่ Hulu's The Handmaid's Tale, Euphoria และ The White Lotus 

โดยเฉพาะ ‘Euphoria’ ซึ่งทำให้เธอมีชื่อเสียงมากขึ้น และกลายเป็นกระแสทางโซเชียลแทบทุกสัปดาห์ ทั้งยังเป็นชนวนให้เกิดการวิจารณ์เกี่ยวกับเรือนร่างของเธอ ที่หนักถึงขั้นมีการแชร์ภาพฉากโชว์เนื้อหนังมังสาของเธอ พร้อมกับแท็กชื่อคนในครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ซิดนีย์บรรยายว่า ‘น่าขยะแขยง’ 

ไหนจะภาพยนตร์รอมคอมเรื่อง ‘Anyone but You’ ที่เธอได้ประกบกับ ‘เกล็น พาวเวลล์’ ก็ประสบความสำเร็จทั้งในแง่เสียงชมจากนักวิจารณ์ และในแง่รายได้ ที่กวาดเงินไปได้ถึง 212 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้างเพียง 25 ล้านดอลลาร์ 

นักแสดงหญิงดาวรุ่งแห่งฮอลลีวูดยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ ‘Madame Webb’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของ ‘Sony Marvel’ ที่มีผู้หญิงแสดงนำ

เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้เธอกำลังได้ใช้ชีวิตตามความฝันในวัยเด็ก

ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกที่มีเสน่ห์ดึงดูดเท่านั้น ที่ทำให้เธอได้รับโอกาสดี ๆ ในชีวิต เพราะการที่เธอได้รับยกย่องว่าเป็นนักแสดงที่เข้าถึงบทบาทมากที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวูด เกิดจากการทำการบ้านเรื่องตัวละครอย่างหนัก

ซิดนีย์มักจะเขียนบันทึกเกี่ยวกับตัวละครที่เธอต้องรับบทเป็นร้อยหน้า เริ่มตั้งแต่ตอนเกิดจากโรงพยาบาลเลยทีเดียว อย่างเช่นบท ‘โอลิเวีย’ ใน White Lotus ซึ่งมีพี่เลี้ยงเด็กคอยดูแลตั้งอายุ 4 ขวบ 

“ฉันสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อตัวละคร มันทำให้ฉันไม่ต้องคิดเลยว่าโอลิเวียจะมีรีแอคอย่างไร โอลิเวียจะพูดยังไง มันทำให้ฉันกลายเป็นตัวละครนี้โดยไม่ต้องมานั่งคิดถึงฉากนั้น”

เรียนดีกีฬาเด่น

ซิดนีย์เคยให้สัมภาษณ์กับ Influencer Intelligence ว่า หากไม่ได้เป็นนักแสดง ตอนนี้เธออาจจะเป็นสถาปนิก ทนายความ หรือนักกีฬามืออาชีพ ไปแล้ว

สิ่งที่เธอพูดไม่ใช่การกล่าวอ้างเกินจริง เพราะนอกจากจะมีความสามารถด้านการแสดง ซิดนีย์ยังรักการเรียนและกีฬามากเช่นกัน นั่นเป็นผลมาจากตอนที่เธอกำลังโตเป็นสาว เธอรู้สึกเขินอายกับส่วนโค้งเว้าบนร่างกาย จนไม่อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องล็อกเกอร์ร่วมกับเพื่อน ๆ 

หลังจากนั้นเธอก็หันไปทุ่มเทกับการเรียนและเล่นกีฬาอย่างหนัก เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นกำหนด ‘คุณค่า’ เธอจากรูปลักษณ์ภายนอก 

‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ ตอนอายุ 12 ขวบ ทำ PowerPoint เสนอแผน 5 ปี โน้มน้าวขอพ่อแม่เป็นดารา

ในด้านการเรียนเธอก็ไม่ทิ้ง อันที่จริงเธอเข้าเรียนวิทยาลัยไปพร้อม ๆ กับถ่ายทำ The Handmaid's Tale แต่การที่เธอขาดเรียนบ่อย อาจารย์จึงไม่ให้เธอเข้าสอบ 

“เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่พอใจที่ฉันขาดเรียนหลายวันและยังคงประสบความสำเร็จ แม้ว่าฉันจะมีผลการเรียนดีเยี่ยมในทุกภาคการศึกษาเป็นเวลา 2 ปี อาจารย์ก็ไม่อนุญาตให้ฉันเข้าสอบ ฉันจึงไม่เคยได้หน่วยกิต”

แต่เธอก็ยังไม่ท้อถอยกับการเรียน มีรายงานว่าเธอกำลังศึกษาด้านกฎหมายบันเทิง พร้อม ๆ กับเปิดบริษัทโปรดักชันของตัวเอง ไม่นับอีกหลายโปรเจ็กต์ที่กำลังทำ

“ฉันเคยผ่านประสบการณ์ที่ทำให้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ และฉันไม่ต้องการให้ลูก ๆ ของฉันต้องเจอความยากลำบากแบบเดียวกัน หรือเห็นฉันเครียดแบบที่ฉันเคยเห็นพ่อแม่เครียด ฉันไม่อยากเห็นครอบครัวต้องมานั่งเครียดเหมือนที่ฉันเคยเจอ

“ฉันพยายามจัดการควบคุมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อความมั่นคง ฉันอยากแสดงให้คนรุ่นใหม่เห็นว่า คุณสามารถทำอะไรก็ได้ แม้ว่าคุณจะไม่มีฐานะหรือคอนเนกชันก็ตาม”

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เราเห็นซิดนีย์บินสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยล่าสุดเธอยังเปิดตัวในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ‘Immaculate’ ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของ ‘เซซิเลีย’ หญิงสาวชาวอเมริกันผู้มีศรัทธา ที่เดินทางไปยังคอนแวนต์ในอิตาลีอันห่างไกล แล้วจู่ ๆ ก็เกิดตั้งครรภ์ทั้งที่ยังเป็นสาวบริสุทธิ์

ซิดนีย์เล่าว่า เธอเคยแคสต์บทภาพยนตร์เรื่องนี้ตอนอายุ 16 ปี แล้วมันก็กลายเป็นโปรเจกต์ในฝันที่เธอมิอาจสลัดให้หลุดออกจาหัวได้ แต่แล้วทีมผู้สร้างก็เงียบหายไป 

“ฉันคอยเช็กทุกปีว่ามีคนเอาหนังเรื่องนี้ไปสร้างแล้วหรือยัง จน 10 ปีผ่านไป ฉันจึงตัดสินใจจะทำหนังเรื่องนี้ในเวอร์ชันของฉันเอง 

“ฉันโตมากับหนังสยองขวัญ ฉันดูกับพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ๆ ฉันอยากเล่นหนังแนวที่พ่อชอบ ฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้สมบูรณ์แบบ มันเป็นงานที่ฉันใฝ่ฝันมานาน มันเหมาะมาก ๆ ที่จะเป็นงานชิ้นแรกของบริษัทฉัน”

ใน Immaculate ซิดนีย์ยังได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ ‘ไมเคิล โมฮาน’ ที่เคยร่วมงานกันใน Everything Sucks! และ The Voyeurs ซึ่งทั้งสองได้ตัดสินใจเปลี่ยนตอนจบของ Immaculate ให้เป็นฉากที่บาดใจและมืดมนมากขึ้น โดยที่ตัวละครต้องพบกับความเจ็บปวดอย่างที่สุด และทั้งหมดถูกถ่ายทำแบบ long take 

ฉากนี้ซิดนีย์เผยว่า เธอได้นำความรู้สึกในชีวิตจริงมาใช้ เพื่อดึงการแสดงที่บาดใจและเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดออกมา แน่นอนว่าเป็นความรู้สึกในช่วงที่เธอถูกวิจารณ์เสีย ๆ หาย ๆ    

“มันเป็นเสียงกรีดร้องที่ดังและดิบที่สุด” เธอกล่าวถึงฉากที่อยากให้ทุกคนติดตาม 

แต่ถึงจะพยายามสร้างผลงานคุณภาพออกมามากเพียงใด สุดท้ายบทสนทนาส่วนใหญ่ก็ยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องรูปร่างและหน้าตาของเธออยู่ดี

ในระหว่างโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง Immaculate ซิดนีย์ยอมรับว่า เธอรู้ว่าคนอื่นพูดถึงเธออย่างไร “แต่ฉันไม่สามารถยอมให้ตัวเองโต้ตอบออกไปค่ะ”

‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ ตอนอายุ 12 ขวบ ทำ PowerPoint เสนอแผน 5 ปี โน้มน้าวขอพ่อแม่เป็นดารา

เธออธิบายต่อไปว่า เธอรู้ว่าตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะ ซึ่งทำให้สาธารณชนรู้สึกเป็นเจ้าของเธอ “ผู้คนรู้สึกว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับฉัน และมีอิสระที่จะพูดถึงฉันในแบบที่พวกเขาต้องการ เพราะพวกเขาเชื่อว่าฉันได้สละชีวิตของฉันไปแล้ว

“พวกเขาคิดว่าฉันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับมนุษย์อีกต่อไป เพราะว่าฉันเป็นนักแสดง มันเป็นความสัมพันธ์แปลก ๆ ที่ผู้คนมีต่อฉัน ซึ่งฉันไม่สามารถควบคุมหรือพูดออกไปได้”

นับเป็นอีกคำตอบที่แสดงให้เห็นว่า มรสุมจะพัดผ่านมาอีกสักกี่ลูกก็ไม่สามารถทำลายความ ‘มุ่งมั่น’ ของ ‘ซิดนีย์ สวีนีย์’ ได้เลย 

 

เรื่อง : พาฝัน ศรีเริงหล้า

ภาพ : Getty Images 


อ้างอิง : 

Sydney Sweeney: Rise to Fame, Personal Life and Hobbies
Who are Sydney Sweeney’s mum and dad, Lisa and Steven? 5 things to know about The White Lotus star’s parents, their careers, marriage – and that infamous ‘Maga’ birthday party
‘Euphoria’ star Sydney Sweeney wrote a 5-year career plan when she was 12 to convince her parents to let her act
Fun Facts You Didn't Know About Breakout Star Sydney Sweeney
'They believe I've signed my life away': Sydney Sweeney responds to commentary about her body
Sydney Sweeney’s Acting in Most Harrowing Scene in ‘Immaculate’ Was Inspired By 1 Real-Life Event That Made Her Feel Violated
It’s Time to Meet the Real Sydney Sweeney