30 ส.ค. 2567 | 11:01 น.
KEY
POINTS
คงดี ถ้าชีวิตของเราจะมีใครสักคนที่หวังดีอยู่เคียงข้างเราในทุกสถานการณ์ และส่งกำลังใจให้เราในทุกช่วงเวลา
และดูเหมือนว่าช่วงเวลาแสนพิเศษเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในชีวิตของ ‘บิวกิ้น ’ พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ ‘พีพี (PP Krit)’ กฤษฎ์ อำนวยเดชกร ที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ให้กำลังใจกัน ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เกิดคำถามบนเส้นทางที่เลือก และอาจไม่มั่นใจในบางครั้ง
อาจเป็นเพราะพวกเขาใช้ชีวิตวัยรุ่นมาด้วยกัน ก้าวข้ามผ่านทุกช่วงเวลา เติบโต และชื่นชมทุกความสำเร็จมาด้วยกันมาตลอด ทำให้วันนี้พวกเขากำลังจะมีคอนเสิร์ตคู่ครั้งแรกของพวกเขาใน ‘Double Trouble’
นี่คือเส้นทางของบิวกิ้นและพีพี คนสองคนที่มีความหวังดี ความภูมิใจ และความยินดีต่อกัน แบกความฝันแล้วเติบโตไปด้วยกัน และเป็นคนสองคนที่วันนี้แค่มองตาก็รู้ใจ
ถ้าจะนับว่าบิวกิ้นและพีพีรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน คงต้องย้อนไทม์ไลน์ไปถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองคนกำลังเป็นเด็กมัธยม
บิวกิ้นเป็นนักเรียนสายกิจกรรม เป็นนักบอลและนักร้องของโรงเรียนเซ็นคาเบรียล ส่วนพีพีก็เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปสหรัฐอเมริกา และกลับมาศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก
ทั้งสองคนเจอกันที่สถาบันเรียนพิเศษ เพราะบิวกิ้นรู้ว่าพีพีกำลังจะไปเป็นเด็กฝึกที่นาดาว บางกอก เลยเข้าไปชวนคุย และรู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น
บิวกิ้นเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารสุดสัปดาห์ว่า “ชวนคุยตั้งแต่เรียนพิเศษ เพราะเรารู้ว่าเขาอยู่นาดาวแล้ว เดี๋ยวจะต้องมีวันที่เราไปเวิร์คช้อปด้วยกัน ก็ชวนคุยหน่อยแล้วกัน.. หลังจากนั้นเขาก็มาตีซี้ผม เฮ้ย! ไปนั่นกันไหม กินนี่ไหม… พอผมเปิด เขาก็พุ่งเข้ามาเลย เพราะเขาอยากสนิทกับผม (หัวเราะ)”
ก่อนที่พีพีจะสวนทันควันในบทสัมภาษณ์เดียวกันว่า “เขาอยากสนิท ก็เลยมาชวนพีคุยครับ”
ทั้งสองคนจึงเริ่มสนิทกัน เรามักเห็นภาพในอดีตที่ทั้งสองคนไปเที่ยวด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน หรือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับครอบครัวของกันและกันมาตลอด
พวกเขาจึงกลายเป็นเพื่อนที่รู้ใจและสนิทกันตั้งแต่วันแรก ๆ จนกระทั่งวันที่ความสามารถของทั้งสองคนเปล่งประกายด้วยการรับบทเป็น ‘หมอเต่า’ และ ‘ทิวเขา’ คู่กัดที่ทำแฟน ๆ จิ้นกันสุด ๆ จากซีรีส์ ‘รักฉุดใจนายฉุกเฉิน’
ยังไม่นับรวมกับโอกาสจากซีรีส์เรื่องนี้ที่ทำให้บิวกิ้นได้เดบิวต์ในฐานะนักร้องด้วยผลงานเพลง ‘You are my everything’ ซึ่งเป็นเพลงประกอบซีรีส์เรื่องนี้อีกด้วย
จึงอาจบอกได้ว่า รักฉุดใจนายฉุกเฉิน’ เป็นความสำเร็จบทแรกที่ทั้งสองคนเขียนไว้ด้วยกัน
ผลงานเรื่องแรกผ่านไป ชื่อของ ‘บิวกิ้น’ และ ‘พีพี’ ก็กลายเป็นนักแสดงที่หลายคนเริ่มรู้จักมากขึ้น จนกระทั่งทั้งสองคนมารับบทนำครั้งแรกในซีรีส์ ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’
บิวกิ้นรับบท ‘เต๋’ เด็กหนุ่มที่กำลังค้นหาตัวเอง ภายใต้ขนบบ้านคนจีน และพีพีรับบท ‘โอ้เอ๋ว’ เด็กที่อยากจะทลายกรอบเพื่อเป็นตัวเองสักครั้ง
ในฐานะผู้ชม เราคิดว่าไม่เพียงแค่เป็นการทลายกรอบของตัวละครของเต๋และโอ้เอ๋วเท่านั้น แต่ซีรีส์เรื่องนี้ยังเป็นการปลดล็อกและทลายกำแพงตัวตนของบิวกิ้นและพีพีไปพร้อมกัน
เพราะ ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ ถือว่าเป็นประตูบานแรกที่ทำให้บิวกิ้นและพีพีได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ในวงการบันเทิง ทั้งการเป็นนักแสดงและการเป็นศิลปิน
ณ ตอนนั้น พีพีเคยให้สัมภาษณ์กับ Brandthink ไว้ว่า แปลรักฉันด้วยใจเธอถือเป็นจังหวะชีวิตและก้าวสำคัญมาก ๆ ในชีวิตครั้งหนึ่งของเขา
“การประสบความสำเร็จจากแปลรักฉันด้วยใจเธอ part 1 มาสู่ part 2 อีก ก็ถือเป็นอีกก้าวสำคัญเช่นกัน ทำให้เรามีโอกาสได้พัฒนาด้านการแสดง การร้องเพลง การเป็นศิลปิน การทำงานคนอื่น ร่วมถึงการอยู่ร่วมกันกับพี่ๆ ในกอง แล้วพีไม่ได้อยากจะหยุดอยู่แค่ตรงนี้ เราอยากจะพัฒนาไปให้ไกล แล้วก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำต่อไปเรื่อยๆ”
แล้วก็ยังเป็นครั้งแรกที่พีพีได้มีเพลงเป็นของตัวเอง นั่นคือ เพลง ‘หรูเหอ’ เพลงประกอบซีรีส์ที่เป็นภาษาจีนทั้งหมด รวมถึงยังมีเพลงคู่กับบิวกิ้น ไม่ว่าจะเป็นเพลง ‘ไม่ปล่อยมือ’ ‘รู้งี้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว’ และ ‘โคตรพิเศษ’ ส่วนฝั่งบิวกิ้นก็ร้องเพลงประกอบซีรีส์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน เช่น ‘กีดกัน’ และ ‘แปลไม่ออก’
ความสำเร็จอันล้มหลาม ทำให้เวลาใครเอ่ยถึงบิวกิ้น ก็ต้องนึกถึงพีพีไปอย่างอัตโนมัติ พวกเขาขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหลายอย่าง ได้รับความรักจากแฟนชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน
และมากกว่านั้น พวกเขาก็ยังขึ้นแท่นนักแสดงและศิลปินที่ครองใจผู้ชม ทลายกรอบและกำแพงขีดจำกัดของตัวเองอย่างต่อเนื่องด้วยแรงสนับสนุนที่เขาสองคนมีให้กัน และแรงสนับสนุนจากแฟน ๆ ที่อยู่ทั่วมุมโลก
เมื่อโปรเจกต์แปลรักฉันด้วยใจเธอจบลง ถึงแม้จะไม่ได้มีงานแสดงด้วยกัน แต่เราก็ยังเห็นบิวกิ้นและพีพีในงานอีเวนต์ต่าง ๆ อยู่ตลอด
จังหวะชีวิตสำคัญของพวกเขาทั้งสองคนเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อบริษัทนาดาว บางกอก ปิดตัวลง นักแสดงในค่ายแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปเติบโต
สำหรับบิวกิ้น เขาเลือกที่จะมาเปิดบริษัทของตัวเองภายใต้ชื่อ ‘Billkin Entertainment’ มีศิลปินเพียงคนเดียวคือบิวกิ้นนั่นเอง เขาเดินหน้าเต็มสูบด้วยผลงานเพลง แฟนมีตติ้ง รวมถึงคอนเสิร์ตใหญ่ ‘Billkin Tempo Concert’
ส่วนพีพีก็เช่นกัน เขาก็เลือกที่จะเปิดบริษัทของตัวเองด้วยชื่อ ‘PPKrit Entertainment’ มีพีพีเป็นศิลปินหลักที่ทำงานเพลงที่สะท้อนความเป็นตัวตนของพีพีได้ดี และแฟนมีตติ้งครั้งแรกของพีพี กฤษฏ์ 'LIT & GLITTER PP KRIT THE FIRST FAN MEETING'
แต่ทั้งหมดนี้ เราเห็นทั้งสองคนในเวอร์ชั่นที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เวอร์ชั่นที่เป็นพวกเขาได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่
เราเห็นชุดเริ่ด ๆ ของพีพีตอกย้ำความเป็น ‘สายแฟ’ ที่งานแฟชั่นโชว์ของ ‘Balenciaga’ ในฐานะ Brand Ambassador ของแบรนด์อยู่หลายครั้ง แล้วเราก็ได้เห็นบิวกิ้นในเวอร์ชั่นนักธุรกิจที่มีกิจการในมือที่หลากหลาย ทั้งค่าย ธุรกิจอาหารเสริม หรือการเป็นหุ้นส่วนร้านโยเกิร์ตที่ดำเนินการไปพร้อมกับเส้นทางดนตรี รวมถึงกิจการอื่น ๆ
ถึงจะมีทางของตัวเอง แต่พวกเขาทั้งสองคนก็ยังคงให้กำลังใจกันอยู่เสมอ
ในแฟนมีตติ้งของพีพีเราก็เห็นบิวกิ้นมาโชว์เสียงร้องบนเวที หรือในคอนเสิร์ตของบิวกิ้น ก็มีพีพีเป็นหนึ่งในแขกรับเชิญ แม้แต่ในงานรับปริญญาบิวกิ้นก็เห็นพีพีหอบดอกไม้ช่อโตมาร่วมแสดงความยินดี และในงานรับปริญญาของพีพี เราก็เห็นบิวกิ้นมาร่วมแสดงความยินดีเช่นกัน
บิวกิ้นนิยามความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพีพีในรายการ ‘Woody FM’ เมื่อปี 2565 ว่า เป็นความสัมพันธ์ที่ ‘ผมมีพีพีคนเดียว’ เพราะพวกเขาอยู่เคียงข้างกันมาทุกช่วงเวลาในชีวิต
“ในความสัมพันธ์แบบพีพีสำหรับผม ผมมีพีพีคนเดียว คนที่เข้าใจเรา และผ่านการเดินทางที่มันพิเศษมากขนาดนี้ ผมรู้จักพีพีตั้งแต่ผมอายุ 16 เจอกันในที่เรียนพิเศษ แปลกมากผมกับพีพีสนิทกันเร็วมากในระยะเวลาเดือนเดียว…
“เหมือนเพื่อนคู่คิดของเรา เขาสนิทกับที่บ้านผมมากๆ จนปะป๊าผมบอกว่าเขาเป็นเหมือนลูกอีกคนหนึ่ง ความสัมพันธ์แบบนี้มีเขาคนเดียวที่ดูบังเอิญไปไหม เข้าใจเราไปหมด แล้วเราก็ร่วมเดินทางเติบโตมาตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ ทำงานร่วมกัน มีอะไรเราก็ปรึกษากัน คิดถึงกัน คิดเผื่อกันตลอด”
ส่วนพีพี เขาบอกกับ Brandthink ว่า บิวกิ้น คือ Safe Zone ของเขา
“พอเราโตมาด้วยกัน การมีเขาอยู่ข้างๆ คอยซัพพอร์ต หรือทำงานด้วยกัน มันเลยเป็นเหมือน safe zone ของกันและกัน เราอยู่ด้วยกันมานานมาก โตมาจากม.6 พร้อมกัน เราขึ้นมหา’ลัยพร้อมกัน ทำงานพร้อม ๆ กัน สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง มันเหมือนคนในครอบครัว คือมากกว่าเพื่อนไปแล้ว”
ดังนั้น มันคงไม่มากเกินไป ถ้าจะบอกว่าทั้งสองคน คือ พาร์ทเนอร์ที่ไม่เคยปล่อยมือกัน อยู่ข้างกันในช่วงเวลา จากเพื่อนที่เจอกันที่เรียนพิเศษ เป็นเพื่อนที่วันนี้มองตาแค่รู้ใจ และเป็นเพื่อนที่จะคอยส่งใจสนับสนุนกันทุกเรื่อง
เอาเข้าจริง อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้บิวกิ้นพีพีครองใจแฟนคลับมาเสมอ คือ ความสัมพันธ์ที่ไม่ต่างจากลิ้นกับฟัน หยอกกันไปมาจนทำให้พี่ ๆ นักข่าวเอ็นดู และทำให้แฟน ๆ จิ้นหมอนขาดกันตลอด
แล้วดูเหมือนเรื่องจริงในชีวิตของทั้งคู่ก็จะถูกสะท้อนผ่านเพลงล่าสุด ‘ยอม’ ที่มีใจความสำคัญว่า ‘ตีกันทุกวัน ก็ไม่ได้รักเธอน้อยลงเลย’
พวกเขาให้สัมภาษณ์ตอกย้ำความสัมพันธ์ที่อยู่ในเพลง โดยพีพีให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนฝากไปถึงบิวกิ้น ว่า “ตีกันทุกวัน ก็ไม่ได้รักเธอน้อยลงเลย ก็มีแต่รักเธอเพิ่มขึ้นตลอดแหละ”
พีพีและบิวกิ้นพูดถึงกันและกันในรายการ Chair to share ของ The Standard Pop ว่า สำหรับพีพี บิวกิ้น คือ คนที่หวังดีและซัพพอร์ตกันตลอดมา ขณะที่สำหรับบิวกิ้น พีพี คือ คนที่จริงใจและเขาก็รักในตัวตนของพีพี
“บิวกิ้น เขาหวังดีเสมอ ทุก ๆ ครั้ง ที่มีเรื่อง ทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เขาจะหวังพีเสมอ ซัพพอร์ตพีจริงๆ เขาก็เป็นของเขาตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ แล้วก็ดีใจที่เรามีโอกาสเคียงข้างกันอยู่ตอนนี้ ณ เวลานี้” นี่คือคำตอบของพีพี
ส่วนบิวกิ้นบอกว่า “เขาเป็นคนที่จริงใจมาก ถึงเขาจะเป็นคนที่ไม่พอใจ หงุดหงิดบ้าง แต่ผมว่าเขาไม่เคยหวังร้ายกับใคร และคนที่ใจกับคนรอบตัวมาก ๆ … ใครที่อยู่ใกล้พีพี ได้ใจพีพีแล้ว เขาก็จะให้ใจเกิน 100% ไม่มีเหตุผลที่คนรอบตัวจะไม่รักเขา เพราะเขาเป็นของเขาแบบนี้ ในตัวตนที่เป็นเขาแบบนี้ เราก็รักและมีความสุขที่เราจะได้ซัพพอร์ตและได้เห็นที่เขาเป็นแบบนี้”
ทั้งหมดนี้ คือ ภาพสะท้อนว่าถึงจะตีกันแค่ไหน จะเป็นคู่กัดกันแค่ไหน แต่สุดท้าย บิวกิ้นและพีพีก็ยังเป็นคนที่มอบความหวังดี ความยินดีให้กันอยู่เสมอ
อย่างน้อย 4 - 5 ปีบนเส้นทางวงการบันเทิงของทั้งสองคนก็พิสูจน์ให้เราเห็นแล้ว
‘Double Trouble’ คือ ชื่อคอนเสิร์ตคู่ครั้งแรกของบิวกิ้นและพีพีที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคม และ 1 กันยายน 2567 นี้
คอนเสิร์ตที่พีพีบอกแบบหยอก ๆ ว่าจะมีเกสต์ประมาณ 3 ล้านคน และบิวกิ้นบอกว่า จะมีทั้งโชว์เดี่ยวและโชว์คู่ รวมถึงอยากจะใกล้ชิดกับแฟน ๆ ทุกโซน
ที่มาของคอนเสิร์ตก็คือ คู่ป่วนตัวแสบ พีพีบอกแบบนั้นกลางงานแถลงข่าว และเป็นไปตามคาดบัตร Sold Out หมดทั้งสองรอบแล้ว
สถานที่จัดฮอลล์ คือ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ทั้งหมด 4 ฮอลล์ ด้วยความหวังของสองคนที่ว่า จะมีพื้นที่ที่สามารถรองรับแฟนคลับได้มากขึ้น เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาสร้างความทรงจำในวาระพิเศษครั้งนี้ร่วมกัน
“ด้วยความที่คอนเสิร์ต Billkin & PP Krit DOUBLE TROUBLE CONCERT Presented by The Concert Application เป็นการรวมตัวที่ทุกคนรอคอยกันมานานมาก เลยอยากให้แฟน ๆ ได้มาอยู่ในโมเมนต์นี้ด้วยกัน เราเลยหาฮอลล์ที่ใหญ่น่าจะจุทุกคนได้ ซึ่งในกิมมิคความ Double นี้ นอกจากมีบิวกิ้น พีพี ยังมี Double Guest มาร่วมแจมอีกด้วยครับ เชื่อว่าไม่มีใครยอมใครแน่นอน จะมีซีนประชัน Guest คนดูจะได้เห็นเคมีใหม่ ๆ ความป่วน ความสนุก แบบครบรสแน่นอน” บิวกิ้นบอก
คอนเสิร์ตนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ทั้งคู่เขียนไว้คู่กัน เพื่อบันทึกความทรงจำของทั้งสองคนและแฟนคลับของทั้งสองคน
มากกว่านั้น Double Trouble ก็จะเป็นคอนเสิร์ตครั้งสำคัญ ก่อนที่บิวกิ้นจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษในไม่กี่เดือนข้างหน้า
แต่เราเชื่อว่า ทั้งบิวกิ้นและพีพีก็จะยังคงส่งกำลังใจถึงกัน แม้ตัวจะอยู่ไกลกันแค่ไหนก็ตาม
ภาพ: อินสตาแกรม bbillkin, pp.kritt และ Nation Photo
อ้างอิง
ตัวตนอีกด้าน "พี่บิวกิ้น" ขยันเรียนไม่แพ้ทำงานกับความตั้งใจจะเรียนจบบริหารฯ ใน 3 ปีครึ่ง! / DEK-D
‘บิวกิ้น-พีพี’ ความสัมพันธ์ที่เติบโตและเป็นเซฟโซนของกันและกัน / Brandthink
PP Krit Wears Y2K Velour at Balenciaga's Fall-Winter 2024 Show in Paris / teenVOGUE
Balenciaga เปิดลุค PP KRIT ก่อนบินไปปารีสร่วมงานกูตูร์วีค ฝรั่งเศส / กรุงเทพธุรกิจ
ยิ่งใหญ่ "บิวกิ้น-พีพี" สปอยล์ยับคอนเสิร์ต ได้ฟังแน่ เพลงคู่เพลงใหม่ / คมชัดลึก
บิวกิ้น-พีพี จากเพื่อนซี้ สู่บัดดี้ทางการแสดงที่ต้องจับมือก้าวไปด้วยกัน / สุดสัปดาห์
สัมภาษณ์แถลงข่าว Billkin & PP Krit DOUBLE TROUBLE CONCERT / All News Express