12 มี.ค. 2568 | 19:45 น.
KEY
POINTS
ณ พิธีศพของ ‘คิมแซรน’ ผู้ซึ่งเริ่มต้นอาชีพในวงการบันเทิงเกาหลีตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ มวลความเศร้าแผ่ซ่านไปทั่วห้องจัดพิธีที่โรงพยาบาลโซลอาซัน เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2025
ท่ามกลางบรรยากาศชวนสลดหดหู่ที่เกิดขึ้นคู่ขนานกับความกระหายใคร่รู้ การปรากฏตัวของชายคนหนึ่งได้หยุดข้อสงสัยที่ยังเป็นปริศนาไว้ชั่วคราว และทำให้ผู้คนได้ย้อนรำลึกถึงความทรงจำอันงดงามเกี่ยวกับนักแสดงสาวผู้ล่วงลับ
ชายคนนั้นคือ ‘วอน บิน’
วอน บิน วัย 47 ปี ที่ห่างหายจากการแสดงไปนานกว่าทศวรรษ เดินทางมาร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของคิมแซรน ในฐานะที่ทั้งคู่เคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Man From Nowhere’ (2010)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงทำให้คิมแซรนกลายเป็นนักแสดงเด็กที่ถูกจับตา แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพต่างวัยระหว่างคิมแซรนกับวอน บิน อีกด้วย
‘น้ำใจ’ และ ‘ความอ่อนโยน’ ที่นักแสดงรุ่นใหญ่มีต่อนักแสดงรุ่นน้อง ในวันที่เธอไร้ลมหายใจ หลังเผชิญมรสุมลูกใหญ่ในชีวิต ทำให้ชื่อของเขากลับมาเป็นที่กล่าวถึงอีกครั้ง
วอน บิน เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 1977 ที่จังหวัดคังวอน ประเทศเกาหลีใต้ เขาเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวที่มีพี่น้องรวม 5 คน
ตอนเป็นเด็ก วอน บิน ใฝ่ฝันอยากจะเป็น ‘ช่างซ่อมรถ’ แต่ในปี 1996 ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อเขาเข้าร่วมออดิชันกับบริษัทโทรทัศน์เคเบิลเจอิล บรอดคาสติง และได้รับคัดเลือก
ในปีเดียวกันนั้น วอน บิน เริ่มปรากฏตัวทางโทรทัศน์ครั้งแรกในรายการวาไรตี้ของ KBS ชื่อ ‘Our Story’ หลังจากนั้นอาชีพการแสดงของเขาก็เริ่มต้นอย่างจริงจังด้วยซีรีส์ของ KBS เรื่อง ‘Propose’ ซึ่งเขารับบทเป็นตัวละครที่ตกอยู่ในสถานการณ์รักข้างเดียว
ความนิยมของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากแสดงซีรีส์วัยรุ่นหลายเรื่อง เช่น Ready Go!, Kwangki และ Angry Angel
แต่ผลงานที่ทำให้วอน บิน โด่งดังไปไกลเกินกว่าในเกาหลีใต้ คือบทบาทของเขาในเรื่อง ‘Autumn in My Heart’ (2000) ที่แม้จะรับบทเป็นพระรอง แต่สาว ๆ ทั่วเอเชียก็พากันตกหลุมรักใบหน้าอันหล่อเหลาและเสน่ห์ที่ยากจะต้านทาน
วอน บิน เริ่มก้าวสู่วงการภาพยนตร์ด้วยภาพยนตร์เรื่อง ‘Guns & Talks’ (2001) สามปีต่อมา เขาแสดงนำในภาพยนตร์แอ็กชัน/สงคราม ‘Taegukgi: The Brotherhood of War’ (2004) ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดตลอดกาลของเกาหลีใต้
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงประสบความสำเร็จในแง่รายได้ แต่ยังได้รับการยกย่องในด้านเนื้อหาและคุณภาพการผลิต ทำให้ชื่อของวอน บิน กลายเป็นนักแสดงแถวหน้าของวงการบันเทิงเกาหลี
หลังจากนั้น วอน บิน ได้พักการแสดงเพื่อเข้ารับราชการทหารตามกฎหมายเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2005 แต่ได้รับการปลดออกก่อนกำหนดในเดือนมิถุนายน 2006 เนื่องจาดบาดเจ็บที่เข่า และต้องฟื้นฟูร่างกายเป็นเวลาหนึ่งปี
เขาหวนคืนสู่เส้นทางการแสดงอีกครั้งในภาพยนตร์ปี 2009 เรื่อง ‘Mother’ กำกับโดย ‘จุน โฮบง’ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขารับบทเป็น ‘โดจุน’ หนุ่มที่มีความสามารถทางสติปัญญาจำกัดและถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร
การกลับมาครั้งนี้ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เพราะ Mother ได้ฉายที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ และเปิดตัวอันดับ 1 ที่บ๊อกซ์ออฟฟิศของเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2009
ในปี 2010 วอน บิน ได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Man From Nowhere’ ซึ่งเขารับบทเป็น ‘ชา แทซิก’ อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษที่พยายามช่วยเหลือเด็กหญิงข้างบ้านชื่อ ‘โซมี’ (ที่รับบทโดย คิมแซรน) จากแก๊งค์ลักพาตัว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในเกาหลีใต้ในปีนั้นอีกด้วย และจากการรับบทชา แทซิก ยังส่งผลให้วอน บิน ได้รับรางวัล ‘Grand Bell Award’ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกด้วย
เมื่อวอนบินได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมที่งาน ‘Korean Film Awards’ ครั้งที่ 8 เขาได้กล่าวถึงเพื่อนร่วมงาน ซึ่งรวมถึงคิมแซรนว่า “ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้ทำงานกับทุกคนที่ถึงแม้จะตัวเล็ก แต่เป็นนักแสดงที่ยิ่งใหญ่”
ด้านคิมแซรนเองก็ได้รับการประกาศให้เป็นนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมที่งาน Korean Film Awards ครั้งที่ 8 และ 8th MaxMovie Awards จากบทบาทอันน่าจดจำในภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน
นอกเหนือจากความสำเร็จในภาพยนตร์เรื่อง The Man From Nowhere แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างวอน บิน และคิมแซรน ยังเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้างถึงความอบอุ่นและความเอื้ออาทรที่วอน บินมีต่อนักแสดงรุ่นน้อง
ในช่วงที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ วอน บินได้ตัดสินใจเลิกบุหรี่เพื่อรักษาสุขภาพและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคิมแซรน ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 10 ปี การกระทำนี้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความห่วงใยที่เขามีต่อเธออย่างแท้จริง
อีกเรื่องที่น่าประทับใจคือ วอน บิน ได้มอบของขวัญเป็นแท็ปเลทให้กับคิมแซรน ซึ่งเธอได้นำไปเก็บรักษาไว้อย่างดี และเคยบอกว่า “ฉันจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่จริงใจเหมือนกับคุณ อา ฉันจะเก็บมันไว้ในห้องของฉันแบบนี้ และจะทะนุถนอมมัน” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเคารพและความชื่นชมที่คิมแซรนมีต่อวอน บิน
ความสัมพันธ์อันดีของทั้งคู่ยังคงดำเนินต่อไป แม้หลังจากภาพยนตร์จบลง เมื่อคิมแซรนเข้าร่วมกิจกรรม ‘Ice Bucket Challenge’ วอน บินก็ตอบรับคำท้าด้วยความเต็มใจ และได้เผยแพร่วิดีโอเพื่อสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่เขามีต่อคิมแซรอนเสมอมา
เบื้องหลังใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ วอน บิน ซ่อนไว้ซึ่งจิตใจที่อ่อนโยนและเมตตา จากบทสัมภาษณ์เมื่อปี 2009 เราได้เห็นถึงความถ่อมตัวและความมุ่งมั่นในการทำงานของเขา
“ผมไม่ใช่คนที่ทำงานได้หลาย ๆ อย่างพร้อมกัน และเมื่อผมจดจ่อกับงานหนึ่งแล้ว ก็ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้”
นอกจากนี้ เขายังแสดงความปรารถนาที่จะท้าทายตัวเองและแสดงบทบาทที่หลากหลายมากขึ้น ด้วยการกล่าวว่า “ผมอยากเปลี่ยนจากคนที่ต้องการการปกป้องมาเป็นบทที่สามารถให้การปกป้องได้”
ในบทสัมภาษณ์เมื่อปี 2009 หลังจากเทศกาลหนังคานส์จบลงและภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ Mother เข้าฉาย วอน บิน ยังได้เผยให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาว่า
“มันเหมือนกับการเดินบนเชือกขึง โดจุนเป็นเส้นทางอารมณ์ที่ทำให้แม่ของเขาตัดสินใจลงมือทำอะไรบางอย่าง ผมพยายามแสดงให้เขาเป็นตัวละครที่ไม่สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ ผมพยายามที่จะเป็นโดจุนในทุก ๆ สถานการณ์ ไม่คิดคำนวณ ไม่ยึดติดกับกรอบของตัวละคร ในฉากหนึ่งที่เขาปัสสาวะข้างถนน ผู้กำกับบอกว่า สำหรับเด็กที่ปัสสาวะระหว่างยืนรอที่ป้ายรถเมล์ ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ ตอนนั้นแหละครับ ที่ผมรู้ว่าผมทำอะไรได้ทุกอย่าง” (หัวเราะ)
คำพูดเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและความตั้งใจจริงของวอน บิน ในการเข้าถึงบทบาทที่ได้รับ และการพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้การแสดงออกมาสมจริงที่สุด
หลังจาก The Man From Nowhere วอน บิน ก็ไม่ได้มีผลงานการแสดงอีกเลย ภรรยาของเขา ‘ลีนา ยอง’ เคยให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจของสามีว่า “ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่แสดงอีก ฉันคิดว่าเขาต้องการเล่าเรื่องผ่านงานของเขา เขาต้องการส่งสารเกี่ยวกับมนุษยธรรมให้กับผู้ชม เขาน่าจะกำลังมองหาบทที่เกี่ยวข้องกับแนวนี้”
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 แฟน ๆ เริ่มมีความหวังที่จะได้ชมผลงานของวอน บิน อีกครั้ง เมื่อรายการบันเทิง ‘Boss in the Mirror’ ดีไซเนอร์ ‘จิชุนฮี’ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของวอน บิน และลีนา ยอง ได้แสดงความเห็นว่า เหตุที่วอน บิน ไม่อยากแสดง เพราะอาจจะรู้สึกกดดันบางอย่าง และเขาน่าจะกำลังพิจารณาบทภาพยนตร์อยู่ตลอด
ในโลกที่แสงดาวดับลับได้ทุกเมื่อ เรื่องราวของ ‘คิมแซรน’ เป็นดั่งอุทาหรณ์ที่เตือนใจให้เราตระหนักถึงความเปราะบางของชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องราวของ ‘วอน บิน’ ก็เป็นดั่งแสงสว่างที่ส่องประกายในความมืดมิด เป็นเครื่องยืนยันว่าความอ่อนโยน, ความเมตตา และมิตรภาพที่แท้จริง ยังคงเป็นสิ่งที่มีความหมายและควรค่าแก่การรักษาไว้
เรื่อง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Getty Images และ IMDb
อ้างอิง:
"Won Bin." AsianWiki, https://asianwiki.com/Won_Bin. Accessed 12 Mar. 2025.
"Korean Star Won Bin Attends Kim Sae Ron's Wake After Keeping Low Profile for Years." 8days.sg, 2025, https://www.8days.sg/entertainment/asian/korean-star-won-bin-attends-kim-sae-rons-wake-after-keeping-low-profile-years-841021. Accessed 12 Mar. 2025.
"Won Bin Makes Rare Public Appearance at Kim Sae Ron's Funeral." ABS-CBN News, 17 Feb. 2025, https://www.abs-cbn.com/lifestyle/people/2025/2/17/won-bin-makes-rare-public-appearance-at-kim-sae-ron-s-funeral-0658. Accessed 12 Mar. 2025.
"Won Bin Reportedly Offered to Pay Kim Sae Ron's 700 Million KRW Debt." The Tribune, https://tribune.com.pk/story/2533824/won-bin-reportedly-offered-to-pay-kim-sae-rons-700-million-krw-debt. Accessed 12 Mar. 2025.
"Won Bin Interviews About 'Mother', Acting, and Future Goals." Dramabeans, May 2009, https://dramabeans.com/2009/05/won-bin-interviews-about-mother-acting-and-future-goals/. Accessed 12 Mar. 2025.
"Speculations Arise About Won Bin's Return to the Screen After 14 Years." Allkpop, Nov. 2024, https://www.allkpop.com/article/2024/11/speculations-arise-about-won-bins-return-to-the-screen-after-14-years. Accessed 12 Mar. 2025.
"Won Bin's Latest News." Tenbizt, https://tenbizt.com/en/entertainment/article/162061/. Accessed 12 Mar. 2025.