26 พ.ย. 2561 | 18:08 น.
“ตอนผมเด็ก ๆ ซูเปอร์ฮีโรคนโปรดของผมคือ โรบิน ฮูด” หลายคนรู้จัก สแตน ลี (Stan Lee) ในฐานะผู้ให้กำเนิดซูเปอร์ฮีโรมากมายในจักรวาล Marvel แต่รู้ไหมว่าซูเปอร์ฮีโรคนโปรดของเขาหาใช่ตัวละครที่เขาสร้างขึ้นมาไม่ แต่คือตัวละครจากภาพยนตร์ที่เขาได้ชมในวัยเด็กอย่าง โรบิน ฮูด จากภาพยนตร์ The Adventures of Robin Hood (1938) ที่ เออร์รอล ฟลิน เป็นผู้แสดงนำ “เออร์รอล ฟลิน เป็นเหมือนพระเจ้าของผม ผมจะออกจากโรงหนังพร้อมกับดาบในจินตนาการข้างตัว และมองหาสาว ๆ ที่ผมจะเข้าไปช่วยเหลือได้ ทุกวันนี้ผมก็ยังมองหาสาว ๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือนะ” และนั่นก็เป็นแรงบันดาลใจชั้นดีในการสร้างซูเปอร์ฮีโรช่วยเหลือผู้คนในเวลาต่อมา ย้อนกลับไปสมัยมัธยมฯ เขาเป็นเพียงเด็กส่งหนังสือพิมพ์ที่ปรารถนาเข้าทีมมวยปล้ำ แต่ด้วยร่างกายที่ผอมแห้งเกินไป จึงทำได้แค่เพียงเล่นกีฬาเบสบอล ลีเริ่มทำงานง่าย ๆ อย่างการขายสิทธิ์สมาชิกหนังสือพิมพ์ The New York Times แล้วส่งตามบ้าน ได้เงินเพียง 1-2 ดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่พ่อแม่ของเขาเป็นคนเก็บเงิน “ตอนนั้นเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พ่อก็ตกงาน เขาเป็นช่างตัดเสื้อ ผมจำได้ว่าจะเห็นเขานั่งอ่านประกาศหางานอยู่ในบ้าน น่าสงสารจริง ๆ” ครั้นอายุ 17 ปี เขายังใช้ชื่อว่า สแตนลี มาร์ติน ลีเบอร์ เข้าทำงานครั้งแรกในฐานะลูกจ้างสำนักพิมพ์ Timely Publications เวลานั้นหนังสือการ์ตูนคอมิกยังถูกมองว่าเป็น “ขยะ” ของวงการสิ่งพิมพ์ คู่แข่งรายใหญ่อย่าง DC Comics ก็เพิ่งออกหนังสือการ์ตูน “ชายในผ้าคลุมแดง” ออกมา สำนักพิมพ์ Timely จึงสร้างยอดมนุษย์ของตัวเอง และเขาก็ได้เริ่มเขียนการ์ตูนซูเปอร์ฮีโรเรื่องแรก Captain America เล่ม 3 โดยใช้นามปากกาว่า ลี ไม่นานนัก สำนักพิมพ์ Timely ก็เปลี่ยนชื่อเป็น Marvel อย่างที่เราคุ้นหูในปัจจุบัน ระยะเวลาผ่านไป ลีมีโอกาสกระโดดขึ้นนั่งแท่นบริหารสำนักพิมพ์ Marvel การบริหารหลายสิบปีแรกไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซูเปอร์ฮีโรได้รับความสนใจน้อยลง ทัศนคติของผู้คนต่อการ์ตูนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ หนำซ้ำยังมีพวกกลุ่มต่อต้านที่คอยกดภาพลักษณ์การ์ตูนให้จมลงไปเรื่อย ๆ กระทั่งปี 1960 ในวัยใกล้ 40 ปี เขารู้สึกท้อแท้จนบอกกับ โจน ลี ภรรยาว่า “ผมอยากออกจากงาน” ทว่าเธอกลับแนะนำให้เขาลองเขียนเรื่องราวอะไรก็ได้ที่ชอบมาก ๆ สักเรื่องก่อนตัดสินใจลาออก กล่าวได้ว่า หากไม่มีคำพูดของภรรยาในวันนั้น เราคงไม่รู้จัก สแตน ลี ในวันนี้ ลีลงมือออกแบบตัวละครใหม่ และเขียนเรื่องราวร่วมกับคู่หู แจ็ค เคอร์บี ทันที ทั้งสองปฏิวัติวงการด้วย Fantastic Four การ์ตูนที่ไม่เพียงมีเนื้อเรื่องการต่อสู้แบบยอดมนุษย์ แต่ยังมีพื้นหลังตัวละครที่ผิดแปลกไปจากปกติ ทั้ง Mr. Fantastic ชายหนุ่มที่หลงรักสาวล่องหน Invisible Woman, Human Torch ที่หมกมุ่นกับพลังไฟของตัวเอง และ The Thing มนุษย์หินติดซิการ์ที่รังเกียจมนุษย์ด้วยกัน “ผมเขียนเพื่อตัวเองเสมอ ผมว่าตัวเองก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่น ถ้ามีเรื่องไหนที่ผมชอบมาก ๆ มันก็ต้องมีคนที่ชอบเหมือนผมบ้างล่ะ” หลังจากวันนั้น Marvel ก็ผงาดขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ของวงการ ตัวละครฮีโรใหม่ ๆ หลั่งไหลออกมาจากจินตนาการของลี พร้อม “ปมด้อย” บางอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Spider-Man เด็กวัยรุ่นมีปัญหา, Daredevil ทนายความตาบอด, Hulk นักวิทยาศาสตร์ขี้โมโห หรือเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ X-Men ที่คนทั้งโลกรังเกียจ “ผมอยากได้ตัวละครที่แม้จะเป็นการ์ตูนแต่ก็ไปอยู่ในหนังหรือนิยายได้ ผมอยากให้พวกเขามีลักษณะนิสัยแบบคนจริง ๆ ที่จริงหลังจากเรื่อง Fantastic Four มา ผมก็รู้สึกแบบนี้กับทุกอย่างที่เราทำ แม้ว่ามันจะเป็นหนังสือการ์ตูนก็เถอะ” หากสังเกต ซูเปอร์ฮีโรของลีจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความจริงและอยู่ในจักรวาลเดียวกัน เราจึงเห็นเหล่าฮีโรแวะเวียนไปมาระหว่างเล่มอยู่เสมอ เช่นเดียวกับระบบการทำงานที่ลีเน้นบรรยากาศความสนุก “เขาเป็นบอส แต่เขาทำให้พวกเรา ๆ ในออฟฟิศรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม” รอย โทมัส บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ กล่าวถึงการร่วมงานกับ สแตน ลี ซึ่งสอดคล้องกับลีที่บอกว่า “ผมอยากให้คนอ่านรู้สึกเหมือนเป็นกลุ่มผู้ถูกเลือก คนนอกไม่รู้หรอก แต่เราสนุกกันเอง” ตลอด 6 ปีหลัง Fantastic Four เรียกว่าเป็นช่วงยุคทองของ Marvel ก็ว่าได้ ในที่สุดปี 1967 Marvel ก็เบียดแซง DC ขึ้นเป็นแบรนด์การ์ตูนอันดับ 1 โดย ปีเตอร์ แซนเดอร์สัน ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์หนังสือการ์ตูนกล่าวว่า DC เคยยิ่งใหญ่เหมือนสตูดิโอฮอลลีวูด แต่หลังจากยุครุ่งเรืองในปี 1950s ถึงช่วงต้น 1960s DC เหมือนเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว “ตอนนี้เรามีกลุ่มนักอ่านการ์ตูนกลุ่มใหม่ ซึ่งไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่อ่านหนังสือแบบเดิม Marvel ในปี 1960s มีแนวทางเป็นของตัวเองแบบกลุ่มคลื่นลูกใหม่ฝรั่งเศส (French New Wave) กล่าวได้ว่า Marvel เป็นผู้บุกเบิกแนวทางใหม่ ๆ ในการเล่าเรื่องและการสร้างสรรค์ตัวละคร แต่งเติมประเด็นซีเรียส และดึงดูดความน่าสนใจแก่นักอ่านวัยรุ่นขึ้นไป” ความสำเร็จของ Marvel ทำให้ สแตน ลี ไม่ใช่คนปกติอีกต่อไป เขากลายเป็นคนดัง เป็นนักวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งวงการหนังสือการ์ตูน นักพูดตามมหาวิทยาลัย กระทั่งเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า จากที่เป็นแค่ผู้ผลิต ลีได้กลายเป็นตัวแทนของสำนักพิมพ์ไปโดยปริยาย แต่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่จดจำมากที่สุด คือการเป็นนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์ ซีรีส์โทรทัศน์ หรือวิดีโอเกมมากกว่า 50 ครั้ง “ผมสร้างวงการขึ้นมาใหม่คือ วงการนักแสดงรับเชิญ และมีผมคนเดียวในวงการนี้” ว่าแต่... การแสดงรับเชิญเรื่องใดที่เขาชอบมากที่สุด? คำตอบก็คือบทรับเชิญใน Avengers: Age of Ultron (2015) “ตอน Thor ดื่มเครื่องดื่มที่แรงแล้วผมอยากจิบบ้าง แต่เขาบอกว่า ‘ไม่ มันแรงไปสำหรับคุณ’ แต่ผมก็ดื่มอยู่ดี ฉากต่อมาผมเมาแล้วก็มีคนมาหิ้วปีกผมออกไป ผมชอบเรื่องนี้เพราะมันเป็นเรื่องเดียวที่ผมได้ออก 2 ฉาก” และเมื่อถามเขาว่า “พลังเหนือมนุษย์อันไหนเจ๋งที่สุด” เขามักจะตอบว่าคือ โชค “ถ้าคุณโชคดี ทุกอย่างก็จะไปได้ดี และผมก็โชคดีมาตลอด” 6 กรกฎาคม 2017 กลายเป็นวันสุดเศร้า เมื่อ โจน ลี ภรรยาสุดที่รักเสียชีวิตลงจากอาการทับซ้อนของโรคหลอดเลือดในสมองแตก ทั้งคู่ครองรักกันมานาน 69 ปี มีบุตรด้วยกัน 2 คน เขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงช่วงเวลาที่พบกับภรรยาว่า "มีสาวคนหนึ่งที่ผมวาด รูปร่าง หน้าตา ทรงผมแบบนี้ เป็นไอเดียของผมว่าผู้หญิงควรจะเป็นยังไง เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ และตอนผมออกจากกองทัพ ลูกพี่ลูกน้องผมบอกว่า ‘สแตน มีสาวคนหนึ่งชื่อ เบทตี้ ฉันว่านายน่าจะชอบ ไม่ไปชวนเธอกินมื้อกลางวันดูล่ะ?’ ผมไปหาเธอ แต่เบทตี้ไม่ได้เป็นคนเปิดประตู โจนเป็นคนเปิดแทน ผมมองเธอครั้งหนึ่ง เธอเหมือนผู้หญิงที่ผมวาดมาตลอดชีวิต โจนถามว่า ‘มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?’ ผมตอบเธอไปว่า ‘ผมรักคุณ’ แล้วผมก็ขอเธอแต่งงานตอนกินอาหารมื้อกลางวัน" อย่าลืมว่า เธอเป็นคนให้กำลังใจในวันที่เขาเกือบลาออกจาก Marvel การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจึงสร้างความทุกข์แก่เขาเป็นอย่างมาก ระยะเวลาผ่านไปกว่า 1 ปี วันที่ 12 พฤศจิกายน 2018 สแตน ลี ก็เดินทางไปยังดินแดนอีกฝั่งที่ภรรยาของเขาเฝ้ารออยู่ ปิดตำนานชายผู้ให้กำเนิดซูเปอร์ฮีโรแก่โลกใบนี้ ที่มา