แม่ และตะกอนชีวิตของ ‘ทูพัก ชาเคอร์’ (2Pac) ตำนานแรปเปอร์โลกไม่ลืม สู่เพลง Dear Mama

แม่ และตะกอนชีวิตของ ‘ทูพัก ชาเคอร์’ (2Pac) ตำนานแรปเปอร์โลกไม่ลืม สู่เพลง Dear Mama

เบื้องหลังเรื่องราวของเพลง ‘Dear Mama’ เพลงแรปขึ้นหิ้ง นำมาสู่สารคดีว่าด้วย ‘แม่’ ของ ทูพัก ชาเคอร์ (2Pac) ตำนานแรปเปอร์โลกไม่ลืม ความรักและเคารพแม่ของทูพัก แทนที่ความทรงจำอันเลวร้ายในวัยเด็กได้

  • ปี 2023 เป็นปีครบรอบ 50 ปี ของวัฒนธรรมฮิปฮอป หนึ่งในองค์ประกอบของวัฒนธรรมนี้คือการแรป ศิลปินคนสำคัญของดนตรีแนวนี้คือ ทูพัก ชาเคอร์ (2Pac)
  • ทูพัก ชาเคอร์ แรปเปอร์คนสำคัญของโลกเขียนเพลง Dear Mama ประกาศความรักที่มีต่อแม่ เช่นเดียวกับความผิดหวังต่อเธอ บทเพลงนี้สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนกลุ่มหนึ่งในสหรัฐอเมริกาที่เป็นแหล่งก่อร่างของวัฒนธรรมฮิปฮอป ก่อนมันเบ่งบานไปทั่วโลก

ในปี 2003 หนังสือชีวประวัติของ อเฟนี ชาเคอร์ (Afeni Shakur) ‘Afeni Shakur: Evolution of a Revolutionary’ โดย จัสมิน กาย (Jasmine Guy) เพื่อนสนิทของ ทูพัก ชาเคอร์ (Tupac Shakur) แรปเปอร์ชื่อดังในยุคทศวรรษที่ 1990 ผู้เป็นตำนานของวงการดนตรีฮิปฮอป ทำให้เห็นภาพของความเป็นแม่ของเธอที่รักลูกชายสุดหัวใจ

“ …ถึงแม้จะเป็นปีศาจร้าย, แม่
คุณเคยเป็นราชินีแห่งความดำมืด, แม่
ในที่สุดผมก็เข้าใจ
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง มันไม่ง่ายเลยที่จะพยายามที่จะเลี้ยงดูผู้ชายคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมา
คุณมีความมุ่งมั่นเสมอ
แม่เลี้ยงเดี่ยวที่แสนจนยากพึ่งสวัสดิการรัฐ บอกผมทีว่าคุณทำได้อย่างไร
ไม่มีทางที่ฉันจะตอบแทนคุณได้…”

นี่คือท่อนหนึ่งในบทเพลง ‘Dear Mama’ ที่โด่งดังที่สุดของเพลง ท่อนที่ทูพัก ประกาศความรักที่มีต่อ อเฟนี แม่ของเขา เช่นเดียวกับความผิดหวังที่มีต่อเธอ

บทเพลงโดย 2Pac หรือทูพัก ชาเคอร์ ที่ใช้แนวดนตรีจี-ฟังก์ ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของดนตรีฮิปฮอปที่พัฒนาขึ้นในยุคทศวรรษที่ 1990 ทางสายเวสต์โคสต์ แรป

บทเพลงอยู่ในอัลบัม ‘Me Against the World’ ซึ่งเป็นสตูดิโออัลบัมชุดที่ 3 และตัดเป็นซิงเกิลนำของอัลบัม ออกมาเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 1995 ด้วยความยาว 4:39 นาที โปรดิวซ์โดย โทนี ปิซาร์โร (Tony Pizarro) ซึ่งอธิบายถึงปูมหลังการเกิดขึ้นของบทเพลงนี้ว่า

“ ...พักเคยพูดถึง ‘Dear Mama’ ในที่ต่าง ๆ มากมาย และผมก็มักจะพูดว่า ‘คุณก็รู้ว่ามันเป็นเพลงในตัวเอง’…”

บทเพลงนี้เขียนขึ้นไม่นานก่อนที่ ทูพัก ชาเคอร์ จะรับโทษจำคุก ตอนทำงานบันทึกเสียงเมื่อจบแทร็ค เขาได้โทรหาจาดา พินเค็ตต์-สมิธ (Jada Pinkett-Smith) นักแสดงและแรปเปอร์สาวเพื่อนสนิทเก่าแก่เพื่อขอให้เธอแสดงความคิดเห็น

“ผมเขียนเพลงนี้เกี่ยวกับแม่ของเรา และต้องการให้คุณได้ฟังมัน”

แม่ของ จาดา พินเค็ตต์-สมิธ เคยต่อสู้กับการติดยาเช่นกัน และประสบการณ์ที่เติบโตมากับสิ่งนี้ในวัยเด็ก นำไปสู่มิตรภาพของพวกเขาทั้งสอง เธอตั้งข้อสังเกตในภายหลังว่าเพลงนี้ทำให้เธอมีอารมณ์ที่พุ่งพล่านเมื่อฟังครั้งแรก

จอห์นนี เจ (Johnny J) หนึ่งในโปรดิวเซอร์กล่าวว่า “เพลงที่สะเทือนอารมณ์ เศร้า เป็นเพลงโปรดส่วนตัวของผม”

ทูพัก ชาเคอร์ พูดถึงเพลงนี้และความตั้งใจของเขาในการให้สัมภาษณ์กับ ลอสแองเจลิส ไทม์ ในปี 1995 ว่า เขาเป็นคนประเภทที่ฟังเพลงอย่าง ‘Vincent’ ของ ดอน แมคลีน (Don Mclean) ซึ่งเป็นเพลงเกี่ยวกับ วินเซนต์ ฟาน โกะ (จิตรกรแนวอิมเพรสชันนิสม์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก) เนื้อเพลงมันกินใจมาก นั่นเป็นวิธีที่เขาต้องการทำให้เพลงของเขารู้สึกเช่นนั้น เขาเขียนให้แม่เพราะรักเธอ และรู้สึกว่าติดหนี้บุญคุณเธออย่างลึกซึ้ง

แน่นอน บทเพลงนี้สดุดีและอุทิศให้กับอเฟนี ชาเคอร์ แม่ของเขา เนื้อเพลงมีคำร้องเกี่ยวกับความยากจนในวัยเด็กและการติดโคเคนของแม่ของเขา แต่ให้เหตุผลว่า ความรักและความเคารพอย่างสุดซึ้งที่มีต่อแม่ของเขามาแทนที่ความทรงจำที่เลวร้าย

บทเพลงนี้ติดอันเพลงยอดนิยมใน Billboard Hot 100 โดยขึ้นสูงสุดที่อันดับ 9 นอกจากนี้ยังครองชาร์ต Hot Rap Singles เป็นเวลา 5 สัปดาห์ ‘Dear Mama’ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในแนวเพลงที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง ในปี 2009 เพลงนี้ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ใน National Recording Registry โดยหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งบ่งชี้คุณสมบัติของเพลงว่า เป็นงานที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือความสวยงาม หรือให้ข้อมูล หรือสะท้อนชีวิตในสหรัฐอเมริกา

ในการแถลงข่าว หอสมุดแห่งชาติให้นิยามเพลงนี้ว่า

‘เป็นการแสดงความเคารพต่อทั้งแม่ของแรปเปอร์ที่ถูกสังหาร และแม่ทุกคนที่ดิ้นรนเพื่อรักษาครอบครัวท่ามกลางการเสพติด ความยากจน และความไม่แยแสจากสังคม’

อเฟนี กล่าวถึงการที่เพลงนี้ได้รับเกียรติตรงจุดนี้ว่า มันเป็นเพลงที่ไม่เพียงพูดกับเธอเท่านั้น แต่รวมถึงแม่ทุกคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์นั้น และพวกเราอีกหลายล้านคน ทูพัก รับรู้การต่อสู้ของเรา และเขายังคงเป็นฮีโร่ของเรา

สำหรับบทเพลงนี้ ทูพัก เขียนขึ้นให้แม่ของเขา อเฟนี โดยเธอและพ่อของทูพัก เป็นสมาชิกของกลุ่มเสือดำ (Black Panther Party) ในมหานครนิวยอร์กในช่วงปลายยุคทศวรรษ 1960 และต้นยุคทศวรรษ 1970

ทูพัก ถือกำเนิดหนึ่งเดือนหลังจากที่แม่ของเขาพ้นผิดในข้อหาสมคบคิดต่อต้านรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และสถานที่สำคัญในนิวยอร์กมากกว่า 150 คดี ในคดี ‘Panther 21’ ในมหานครนิวยอร์ก

อเฟนี มักจะไม่อยู่ในช่วงวัยเด็กของทูพัก เพราะอุทิศตัวเป็นนักกิจกรรม และสืบเนื่องถึงในช่วงวัยรุ่นของเขาด้วย เมื่อเธอติดโคเคน ทูพัก ถูกอเฟนีไล่ออกจากบ้านเมื่ออายุ 17 ปี และพวกเขาไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี

หลังจากหมดความเคารพต่อแม่ของเขา ทูพัก จึงย้ายเข้าไปอยู่ในอะพาร์ตเมนต์กับเพื่อน ๆ และเริ่มเขียนบทกวีและเนื้อเพลงแรป ในปี 1990 เมื่ออเฟนี ตระหนักว่าการเสพติดยาของเธออยู่เหนือการควบคุม จึงลงทะเบียนในโปรแกรม 12 ขั้นตอนที่ศูนย์บำบัดผู้ติดยาและแอลกอฮอล์ในนอร์วอล์ค รัฐคอนเนตทิคัต หลังจากเสร็จสิ้น เธอคืนดีกับลูกชายของเธอ ซึ่งเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จ

สังคมอเมริกัน โดยเฉพาะครอบครัวคนแอฟริกัน-อเมริกัน มีแม่เลี้ยงเดี่ยวเป็นผู้นำในบ้านมากมายความกล้าหาญและบทบาทในชีวิตของลูก ๆ ของพวกเธอ นำไปสู่สถานะเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักชั่วนิรันดร์ เป็นความเห็นของ มิคกี เฮสส์ (Mickey Hess) ผู้เขียนหนังสือ ‘Is Hip Hop Dead?: The Past, Present, and Future of America’s Most Wanted Music’ โดยบอกว่า ทูพัก ชาเคอร์ เชื่อมโยงตัวเองกับประวัติศาสตร์หัวรุนแรงของคนผิวดำผ่านความร่วมมือของแม่ของเขากับพรรคเสือดำ และอธิบายว่า เพลงของทูพัก เป็นอัตชีวประวัติ โดยแสดงให้เห็นถึง 2Pac แรปเปอร์บนเวที และ Tupac Shakur ในฐานะบุคคลเป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจากนี้ ในขณะที่ทูพัก บันทึกเสียงเพลงนี้ เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่เติบโตมาพร้อมกับพ่อแม่ที่ต้องดิ้นรนกับการติดยา

ไมเคิล อีริค ไดสัน (Michael Eric Dyson) ผู้เขียนหนังสือ ‘Holler If You Hear Me: Searching for Tupac Shakur’ ชี้ว่า วุฒิภาวะของทูพัก ทำให้เห็นคุณค่าของความรักของแม่ แม้ว่าเขาจะได้รับความทุกข์และยากลำบากจากเธอก็ตาม

เดอะ ลอสแองเจลิส ไทม์ (The Los Angeles Times) ยกย่องเพลงนี้ว่า เพลงนี้เป็นการยืนยันในการตกผลึกของอารมณ์ที่ซับซ้อนในภาพที่เรียบง่ายของทูพัก

โรลลิง สโตน (Rolling Stone) นิยามเพลงนี้ว่า เป็นการอุทิศความรักต่อแม่ของเขาอย่างจริงใจและรุนแรง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเผชิญความยากลำบากต่าง ๆ ทำให้กันและกันผ่านไปได้

สำหรับมิวสิกวิดีโอบทเพลงนี้มีการปรากฏตัวของ อเฟนี ชาเคอร์ ซึ่งแสดงถึงการคืนดีอีกครั้งกับลูกชายของเธอ โดยทูพัก รับโทษจำคุกสี่ปีครึ่ง เขาปล่อยเพลงนี้และอัลบั้มในขณะที่ถูกตัดสินคดี

ขณะที่อยู่ในคุก อัลบั้มของเขาไต่ขึ้นชาร์ตอย่างรวดเร็ว มิวสิกวิดีโอนี้เผยแพร่ในขณะที่เขาถูกคุมขัง และไม่มีการสร้างมิวสิกวิดีโออื่นเมื่อเขาได้รับการปล่อยตัว

บทเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเพลงฮิปฮอปสำหรับแม่ เผยให้เห็นด้านที่อ่อนโยนของแรปเปอร์ ซึ่งนำไปสู่การรับรู้ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในหมู่แฟนเพลงผู้หญิง หลังจากการตายของทูพัก แม่ของเขาพูดถึงเพลงนี้ในบทความของ People (คนละสื่อกับ The People – กองบรรณาธิการ) ว่า

“ฉันจะฟังโดยไม่ร้องไห้ได้ไหม? ไม่เลย มันแย่ลงทุกครั้ง มันยากจริง ๆ เพลงนั้นลึกดิ่งขึ้นเรื่อย ๆ”

เมื่อปลายเดือนเมษายน 2023 มินิซีรีส์ ‘Dear Mama: The Saga of Afeni and Tupac Shakur’ Season 1 ซึ่งมีด้วยกัน 5 ตอน กำกับโดย อัลเลน ฮิวส์ (Allen Hughes) ออกอากาศทาง FX เป็นซีรีส์ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งท้าทายแบบแผนของการเล่าเรื่องเชิงสารคดีแบบดั้งเดิม โดยบอกเล่าเรื่องราวของแม่และลูกชาย อเฟนี และทูพัก ชาเคอร์

อเฟนี ผู้แม่เป็นนักปฏิวัติ เปี่ยมสติปัญญา และเป็นปากเป็นเสียงให้กับผู้คน เธอเป็นนักกิจกรรมผิวดำสายสตรีนิยมในยุคทศวรรษที่ 1970 เป็นผู้นำหญิงในการเคลื่อนไหวท่ามกลางกลุ่มผู้ชายในกลุ่มเสือดำ

ทูพัก ผู้ลูกเป็นแรปเปอร์และกวีผู้มีวิสัยทัศน์ทางการเมืองและเคร่งปรัชญา ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในศิลปินแรปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เรื่องราวของพวกเขาบันทึกความเป็นไปได้และความขัดแย้งของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติที่ร้อนแรงไปจนถึงทศวรรษที่โอ้อวดที่สุดของวัฒนธรรมฮิปฮอป ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมในด้านบวก ค่าเฉลี่ยคะแนนอยู่ที่ 78 เต็ม 100

นักวิจารณ์บอกว่า เป็นการรวมภาพบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนและลึกซึ้งที่สุดภาพหนึ่งเท่าที่เคยเห็นของศิลปินคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ได้รับการยกย่องมานานกว่าตอนเขายังมีชีวิตอยู่และผู้หญิงที่น่าทึ่งที่สร้างเขาขึ้นมา ให้ความรู้สึกเหมือนสารคดีบันทึกชีวิตของทูพัก ชาเคอร์ เชื่อมโยงมรดกที่ยืนยาวของแรปเปอร์กับปรัชญาในการเลี้ยงดูเขา นำเสนอเรื่องราวในรูปแบบที่ไม่ล้ำเส้น รวมถึงมีข้อมูลเชิงลึกบางอย่างเกี่ยวกับจุดตัดระหว่างการเคลื่อนไหวของคนผิวดำและดนตรียอดนิยมในช่วงปลายศตวรรษที่ 20

หากทูพัก ชาเคอร์ ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ในปี 2023 เขาจะมีอายุครบ 52 ปีแล้ว แต่เขาตายเมื่อวัยเบญจเพส อายุ 25 ปี

ชื่อจริงโดยกำเนิดของ ทูพัก มีชื่อว่า เลเซน พาริช ครูคส์ (Lesane Parish Crooks) แต่ภายหลังจากคลอดได้ไม่นาน อเฟนี มารดาของเขา เปลี่ยนชื่อเป็น ทูพัก อมารู ชาเคอร์ (Tupac Amaru Shakur) ตามชื่อนักปฏิวัติชาวเปรูในยุคศตวรรษที่ 18 โฮเซ กาเบรียล ทูพัค อมารู (José Gabriel Túpac Amaru) ที่ต่อต้านอำนาจอาณานิคมสเปนและเรียกร้องสิทธิให้ชาวพื้นเมืองเปรูในสมัยนั้น จนต้องถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยวัยเพียง 43 ปี กลายเป็นรวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับการปฏิวัติมากมายในสเปน อเมริกา และที่อื่น ๆ

เหตุที่อเฟนี เลือกชื่อนี้ ก็เพราะในขณะเธอตั้งท้องอยู่ เธอเป็นนักเคลื่อนไหวกลุ่มเสือดำ (Black Panther) เรียกร้องสิทธิให้พลเมืองผิวดำ และถูกคุมขังด้วยข้อหาสมรู้ร่วมคิดกระทำการต่อต้านอำนาจรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่ตั้งท้องทูพัก อยู่ห้าเดือน และเพราะความที่เธอเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ก็ไม่แปลกที่เธอจะเลือกชื่อนี้ให้บุตรชายของเธอ จากอุดมการณ์ความคิดเรื่องความเท่าเทียม การต่อสู้เพื่อความเสมอภาคของอเฟนี ได้ส่งผ่านทางเพลงของทูพัก เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อเวลาผ่านไป คนเราย่อมต้องตาย แต่ความคิดต้องไม่ตายตาม ดังความหมายในบทเพลง ‘Can U C The Pride In The Panther’ ของ ทูพัก ซึ่งแสดงถึงความภูมิใจในการเป็นสมาชิกเสือดำของแม่ที่มีอยู่ว่า

“คุณเห็นความภูมิใจในตัวเสือดำไหม
เมื่อเขาเติบโตขึ้นในความงดงามและสง่างาม
โค่นล้มอุปสรรคที่ขวางทาง
จากความก้าวหน้าของเผ่าพันธุ์ของเขา
คุณเห็นความภูมิใจในตัวเสือดำไหม
ในขณะที่เธอเลี้ยงลูกคนเดียว
เมล็ดพันธุ์ต้องเติบโตโดยไม่คำนึงถึง
จากข้อเท็จจริงที่ว่าปลูกในหิน
คุณเห็นความภูมิใจในตัวเสือดำไหม
เมื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ดอกไม้บานด้วยความสดใส
และส่องแสงจากดวงอาทิตย์”

ในปี 1996 อเฟนี ชาเคอร์ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อต้านความอยุติธรรมทางสังคมและการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ หลังจากการจากไปอย่างน่าเศร้าของลูกชายของเธอ และเธอก็กลายเป็นแหล่งปลอบโยนสำหรับแม่ผู้โศกเศร้าคนอื่น ๆ โดยเดินทางไปทั่วอเมริกา

ในอดีต เธอเป็นสมาชิกขององค์กรผิวดำฝ่ายซ้ายที่รู้จักกันในชื่อกลุ่มเสือดำ (Black Panther Party) และเป็นหนึ่งในผู้ถูกจับกุมในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการวางระเบิดในที่สาธารณะ ต่อมาอเฟนีซึ่งตั้งครรภ์ในขณะนั้นได้รับการปล่อยตัวจากคดีทั้งหมด 156 กระทง

เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอติดโคเคนและถูกบังคับให้ใช้ชีวิตด้วยเงินสวัสดิการช่วยเหลือทางสังคม อย่างไรก็ตาม อเฟนี สามารถเอาชนะการเสพติดของเธอ และกลับมาคืนดีกับลูกชายของเธอได้ อิสระ เสรีภาพ และมุมมองเชิงปฏิวัติสังคมของเธอสะท้อนให้เห็นในบทเพลงของทูพัก

วันที่ 7 กันยายน 1996 ทูพัก ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกยิง 4 นัด ซึ่งต่อมาเขาเสียชีวิตที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยในลาสเวกัส หลังจากที่ลูกชายของเธอเสียชีวิต อเฟนี ก็กลายเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ของเขา เอเฟนี เป็นผู้จัดการมรดกก่ อตั้งมูลนิธิ Tupac Amaru Shakur Foundation และยังดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Amaru Entertainment, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทผลิตแผ่นเสียงและภาพยนตร์ที่เธอก่อตั้งขึ้น

เธอยังมีคลังเอกสารที่ไม่ได้ตีพิมพ์ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เธอเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2016 ด้วยอายุ 69 ปี

การผูกผ้าโพกหัวผสมเข้ากับหูกระต่ายเป็นหนึ่งในสไตล์ที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำได้ในทันทีในโลกของฮิปฮอป สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของทูพัก ถือเป็นสัญลักษณ์ช่วยสร้างแนวแฟชันในยุคทศวรรษที่ 1990 และยังคงมีอิทธิพลต่อศิลปินและผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นจนถึงทุกวันนี้

ทูพัก ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในแรปเปอร์ที่มีอิทธิพลและประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล เป็นหนึ่งในศิลปินเพลงที่ขายดีที่สุด โดยมียอดขายมากกว่า 75 ล้านแผ่นทั่วโลก ดนตรีส่วนใหญ่ของเขากล่าวถึงประเด็นทางสังคมร่วมสมัย และเขาถือเป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวต่อต้านความไม่เท่าเทียมกัน

กวีแห่งสลัมที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความแปลกแยกในเมืองซึ่งดึงดูดใจคนหนุ่มสาวจากทุกเชื้อชาติ ภูมิหลัง ดนตรี และมุมมองทางปรัชญาของทูพัก ส่งอิทธิพลอย่างลึกซึ้งและมีอิทธิพลต่อชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และทั่วโลก โดยเฉพาะชาตินิยม ผิวดำ ความเสมอภาค และแนวคิดเรื่องเสรีภาพ แสดงมุมมองที่ใส่ใจต่อสังคม กล่าวถึงความอยุติธรรมทางสังคม ความยากจน และความโหดร้ายของตำรวจผ่านเพลงที่ทรงพลัง ในขณะเดียวกันก็สร้างตัวเองให้เป็นหนึ่งในแรปเปอร์ผู้บุกเบิกจากฝั่งตะวันตกของอเมริกา

แรปเปอร์ทุกคนที่เติบโตในยุค 1990 เป็นหนี้บางอย่างกับทูพัก เพลงและดนตรีของเขาฟังเหมือนใครก็ตามที่มาก่อนกาล เขาช่วยยกระดับการแรปจากแฟชั่นข้างถนนที่ดิบ ๆ ไปสู่รูปแบบศิลปะที่ซับซ้อน ซึ่งสร้างเวทีสำหรับปรากฏการณ์ฮิปฮอประดับโลกในปัจจุบัน

เวลา 25 ปีบนโลกใบนี้ของ ทูพัก ชาเคอร์ มีเงาของผู้เป็นแม่ อเฟนี ชาเคอร์ ทาบติดตัวอยู่ตลอดแม้แต่ห้วงเวลาที่เขาตายไปแล้วก็ตาม...

 

เรื่อง: พอล เฮง

ภาพ: แฟ้มภาพของ อเฟนี ชาเคอร์ และทูพัก ชาเคอร์ ไฟล์จาก Getty Images