ความในใจจาก SLUR ถึงคอนเสิร์ตครั้งแรก ‘SLUR Reunion’ และมุมมองที่เห็นตัวเองเป็นวง ‘underdog’

ความในใจจาก SLUR ถึงคอนเสิร์ตครั้งแรก ‘SLUR Reunion’ และมุมมองที่เห็นตัวเองเป็นวง ‘underdog’

บทสัมภาษณ์ และความในใจของ SLUR ถึงคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในรอบ 20 ปี ศิลปินวงอินดี้ของเด็กยุค 2000s ที่ประเมินตัวเองต่ำเป็นวงระดับ ‘underdog’

  • SLUR กับความในใจที่มองตัวเองเป็น underdog
  • ไม่เคยคิดจะมีคอนเสิร์ต จนถึงวันที่ค่ายบังคับ จนเป็น SLUR Reunion

ก่อนเริ่มคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ของ SLUR เพียงไม่กี่ชั่วโมง เรามีโอกาสได้บุกหลังเวทีคอนเสิร์ตแบบประชิดตัว ยืนพูดคุยกับศิลปินวง SLUR พร้อมสมาชิกเก่าอีก 2 คน (แบงค์ – ธีรวัต อุทัย อดีตทรัมเป็ต และ เป้ – อารักษ์ อมรศุภศิริ อดีตมือกีต้าร์) กับท่าทีของสมาชิก SLUR แบบเขิน ๆ และดูตื่นเวที ซึ่งไม่ค่อยคุ้นตาสักเท่าไหร่

ธีม ‘ชุดสีขาว’ (ยกเว้น แบงค์) ทำให้เราสะดุดตาอย่างมากกับลุคของ SLUR ในวันนั้น เพราะสลัดคราบความเป็น Pop – Rock ได้เกือบสนิท กลายเป็นเทพบุตรหนุ่มในชุดขาวบริสุทธิ์ เพื่อจัดแสดงโชว์ครั้งแรกในชีวิตการเป็นศิลปิน นับตั้งแต่ก่อตั้งวงมาก็ร่วม 20 ปี เราจึงถือโอกาสเริ่มคำถามแรกอย่างตรงไปตรงมา

ความในใจจาก SLUR ถึงคอนเสิร์ตครั้งแรก ‘SLUR Reunion’ และมุมมองที่เห็นตัวเองเป็นวง ‘underdog’

The People: ทำไมต้องรอ 20 ปีถึงมีคอนเสิร์ต และทำไมต้อง ‘Reunion’?

SLUR: ทำไมถึง 20 ปีเหรอครับ (มองหน้ากันแล้วหัวเราะ) เพราะว่าค่ายบังคับครับ (ฮ่า ๆ) ค่ายบังคับก็เลยต้องจัดแล้วล่ะ เพราะจริง ๆ วงเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าเรามีแฟนเพลงอะไรอย่างนี้ เราค่อนข้างที่จะแบบคิดว่าตัวเองเป็น underdog ตลอดเวลา พวกเราประเมินตัวเองต่ำครับ”

.

SLUR: คำว่า ‘รียูเนียน’ (Reunion) คือมันไม่ใช่แค่รวมตัวสมาชิกเก่าของ SLUR อย่างเดียว แต่เป็นการรวมตัวของแฟนเพลงด้วย เราอยากให้บรรยากาศมันคล้ายกับงานพรอม (Prom) ที่แฟนเพลงกับวงมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วมันไม่ใช่แค่วงและแฟนเพลงด้วย มันรวมไปถึงแฟนเพลงเก่า ๆ ก็กลับมาเจอกัน มาปาร์ตี้กัน สําหรับคอนเสิร์ตนี้ มันเลยรู้สึกว่าชื่อที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการรวมตัวได้ดีที่สุด ก็คือ รียูเนียน”

 

The People: คิดว่า SLUR เป็นวงดนตรีสาย Niche (เฉพาะกลุ่ม) หรือ Mass (ตลาดกลุ่มใหญ่)?

SLUR: เราไม่เคยมองว่าตัวเองเป็น Mass เลยครับ เพราะว่าเราเขียนเพลงเหมือนให้ตัวเองฟังมากกว่า

The People: ทำไมประเมินวงตัวเองต่ำขนาดนั้น?

SLUR: พวกเราไม่ได้ถ่อมตัวหรอก แต่ว่าพวกเราโง่กันมากกว่า (ฮ่า ๆ) จริง ๆ ตั้งแต่ที่ตั้งวงมาจนถึงตอนนี้ มันยังไม่มีจังหวะไหนที่ทำให้รู้สึกว่าพวกเราโคตรดังเลย มันก็แบบเท่านี้มาเรื่อย ๆ อะครับ

 

The People: SLUR เคยเปรียบเทียบวงตัวเองกับวงอื่นมั้ย?

SLUR: ไม่เลยครับ ไม่เปรียบเทียบเลย เพราะว่าเด็กรุ่นใหม่เขาแซงกันหมดแล้วครับ ส่วนเราอยู่กับที่เนี่ยฮะ (ฮ่า ๆ) ไม่ต้องเปรียบเทียบก็เห็นชัดครับ เราว่าเราอยู่กับที่ดีกว่า

 

The People: ในอนาคตมีโอกาสจะเห็น SLUR เป็นวง Mass บ้างมั้ย?

SLUR: ไม่มีครับ (หัวเราะ) เรายังคงดีเอ็นเอของเราอยู่แบบนี้ ถึงจะเป็น next step ต่อไปเราก็ยังจะเป็นเพลงแบบนี้อยู่ แม้ว่าจะมีเงินมาวางไว้ 10 ล้านบาท...

ในระหว่างที่ บู้ – ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์ (มือเบส) กำลังตอบคำถามเรา ก็มีเสียงบางคนพูดแทรกขึ้นมาว่า

SLUR: โอ๊ย 5 แสนก็ไปแล้วครับ ฮ่า ๆ

ถึงตอนนั้นแหละที่เราเริ่มรู้สึกได้ถึงความ ‘ผ่อนคลาย’ ของวง SLUR แล้วเห็นอะไรที่เป็นคาแรคเตอร์ของวง SLUR จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความกวน ความป่วน ความที่ชอบแกล้งกันในวง ให้อารมณ์เหมือนกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่กำลังสนทนากันยามเย็น เคล้าคลอไปกับเสียงเพลงและเครื่องดื่มเย็น ๆ อย่างอารมณ์ดี

จึงได้จังหวะถาม เป้ – อารักษ์ ซึ่งยืนอยู่ริมสุดของวง มาในชุดเสื้อขาว กางเกงยีนส์สีดำ เราโยนคำถามไปแบบไม่ได้คิดอะไรเยอะว่า มีโอกาสที่จะเห็น เป้ comeback หรือไม่ หลังจากที่ซุ้มซ้อมดนตรีกับเพื่อน ๆ สมาชิกวงเก่ามาเป็นเดือน

"ตกลงกันว่า 60 ปีค่อยมาแซยิดกันอีกรอบ แซยิดพอดีเลยครับ (หัวเราะ)” คำตอบของ เป้ ดูจะชอบอกชอบใจกันอย่างมาก พากันหัวเราะเสียงดังยาว แล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้

ความในใจจาก SLUR ถึงคอนเสิร์ตครั้งแรก ‘SLUR Reunion’ และมุมมองที่เห็นตัวเองเป็นวง ‘underdog’

 

The People: คาดหวังอะไรกับคอนเสิร์ตนี้บ้างคะ หรือกังวลเรื่องไหนบ้าง?

SLUR: ไม่คาดหวังเลยครับ คาดหวังให้ยืนจนจบครับ หมายถึงให้พวกเราเนี่ยแหละครับยืนให้จบ (ฮ่า ๆ) คือมันเหมือนดู SLUR Festival มากกว่าครับ เพราะว่าเราแบ่งโชว์เป็น 4 chapter มันค่อนข้างจะยาวนานพอสมควรอ่ะ ถ้าอึดก็สุดยอดครับ

 

The People: หลังจบคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้ อนาคตอยากจะขยาย gen แฟนคลับมั้ย เพราะก่อนหน้านี้ SLUR มองตัวเองทั้งเป็น Niche และ underdog?

SLUR: ผมว่าเราไม่ได้เป็นคนขยายแฟนคลับมากกว่าครับ คนขยายคือคนฟัง เราไม่รู้หรอกครับว่ามันจะขยายหรือไม่ขยาย แต่ถ้ามันจะขยายก็คือคนฟังเขาเป็นคนขยายเองมากกว่า ก็ขอบคุณที่ฟังเพลงพวกเราครับ

 

The People: พูดได้เต็มปากมั้ยว่า SLUR เป็นวงในตำนาน?

SLUR: ไม่เลยครับ (ฮ่า ๆ) อย่างที่บอกว่าเราประเมินตัวเองต่ำมาก เราไม่คิดว่าจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ด้วยซ้ำ

 

The People: มีไอเดียในการแต่งเพลงอย่างไร สำหรับ SLUR?

แน่นอนว่าคำถามนี้คนที่จะตอบได้ดีที่สุดก็คือ เย่ เพราะนอกจากจะเป็นคนร้องนำ เขายังเป็นคนเบื้องหลังที่แต่งทุกเพลงให้กับ SLUR ด้วย

SLUR: หลัง ๆ มันเริ่มแต่งจากสิ่งรอบตัวว่าเจออะไรรอบตัวบ้าง มันก็ทั่ว ๆ ไปนะ เพราะว่าผมไม่ใช่นักแต่งเพลงอะ ผมใช้แค่ความรู้สึกแล้วบ่นมันออกไปเฉย ๆ ถ้าผมจะแต่งแบบที่บอกว่าพัฒนาขึ้นเป็นนักแต่งเพลง มันก็มีพาร์ทนั้นบ้าง แต่ว่าส่วนใหญ่จะเป็นการบ่นมากกว่า พอเราบ่นมันก็จะไม่ Mass เพราะมันเป็นภาษาส่วนตัวของผม มันก็จะยากที่ทำให้ Mass อย่างนั้น

 

The People: ในอนาคตที่นอกเหนือจากตลาดในไทย มองตลาดเพื่อนบ้านมั้ย?

SLUR: อุ๊ย! ไปได้ก็ดีครับ ไปได้ เรียนเชิญเลย ผมอยากไป คือ ไปได้ทุกที่ฮะ ผมอยากไปเล่นคอนเสิร์ต อัฟกัน(อัฟกานิสถาน)ก็ไปครับ (ฮ่า ๆ) ตอนนี้มองเป็นตลาดสันป่าข่อยเนาะที่เชียงใหม่ ตลาดปัฐวิกรณ์นี่ก็น่าจะมาอยู่ (ฮ่า ๆ)

ความในใจจาก SLUR ถึงคอนเสิร์ตครั้งแรก ‘SLUR Reunion’ และมุมมองที่เห็นตัวเองเป็นวง ‘underdog’

ซึ่งภาพที่เห็น ณ ตอนนั้นที่เราสัมผัสได้ก็คือ ความสนุก ความตื่นเต้น ที่ยังคงเป็น SLUR อย่างเสมอต้นเสมอปลาย เข้าใจได้ทันทีว่า ทำไมสมาชิกทุกคนถึงมองว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้เหมือนเป็นการ ‘เติมไฟ’ ให้กับพวกเขา ไม่ใช่แค่นั้น ยังเป็นการเติมไฟให้กับแฟนคลับด้วย

เข้าช่วงคำถามสุดท้ายก่อนที่เริ่มคอนเสิร์ต เราแอบถาม SLUR ว่า ทำไมต้อง ‘ธีมชุดขาว?’ มีเซอร์ไพรส์อะไรหรือไม่ หรืออยากจะทิ้งท้ายอะไรก่อนจะไปเจอกันบนเวทีมั้ย

บู้ – ธนันต์ พูดว่า “ทำไมต้องชุดขาวต้องรอดูในคอนเสิร์ตครับ แต่ถ้าจะทิ้งท้ายก็คงเป็น ใครพลาดงานรียูเนียนคือ โคตรพลาดอะ เพราะว่าไม่น่าจะมีอีกแล้ว เราไม่น่าจะมี energy ทําอะไรอย่างงี้อีกแล้ว ยกเว้นแบบมีคนจ้าง...เอ่อ ประมาณสัก 30,000 หรือ 8,000 ก็น่าจะไปล่ะ (ฮ่า ๆ) เห็นป่ะ พวกเราประเมินตัวเองต่ำ underdog ซึ่งคอนเสิร์ตใหญ่รอบ 2 คิดว่าน่าจะยากครับ เพราะครั้งแรกก็ 20 ปีแล้ว”

สำหรับคนที่โตมากับ SLUR มองว่า หลายคนน่าจะเห็นการเติบโตของ SLUR ที่ชัดเจนขึ้น แม้ว่าพวกเขาอาจจะดูสนุก ตลก เฮฮา แต่ทุกการเรียงร้อยเพลงสู่แฟน ๆ ทุกเพลงเต็มไปด้วยคุณภาพ และคาแรคเตอร์วงที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

 

ภาพ: The People