18 เม.ย. 2567 | 17:00 น.
KEY
POINTS
“เราก็แค่คนไทย จะไปสู้ชาวต่างชาติได้อย่างไร”
วาทกรรมดังกล่าว เรามักได้ยินกันนับตั้งแต่อดีตตลอดจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องของดนตรีที่ต่างชาติก้าวหน้าไปกว่าเราหลายสิบก้าว อาจด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยี และองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่มิอาจทัดเทียมกับชาติอื่น จึงไม่แปลกที่ทำให้ใครหลายคนต่างตัดพ้อว่าประเทศเล็ก ๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไทยเรา จะสู้กับชาติตะวันตกได้อย่างไร และความหวังที่จะก้าวไปสู่สากลโลกก็แทบจะกลายเป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อฝันเสียด้วยซ้ำ
แต่กาลเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าวาทกรรมดังกล่าวจะต้องถูกลบล้างเสียที เมื่อบุคลากรของไทยจำนวนไม่น้อย ที่สามารถแจ้งเกิดบนเวทีระดับโลกและกลายเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น ‘ลิซ่า’ (Lisa) หนึ่งในสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ประดับโลกอย่าง ‘BLACKPINK’ หรือ ‘The Paradise Bangkok Molam International Band’ ที่ทำให้ดนตรีหมอลำกลายเป็นเพลงที่สามารถเข้าถึงชาวต่างชาติได้
และหนึ่งในนั้นคือศิลปินมือกีตาร์ฝีมืออันฉกาจ ที่มีสำเนียงเฉพาะตัว มีกลิ่นอายที่นุ่มนวล ชวนให้หลงใหล จนทำให้ผู้ฟังเคลิบเคลิ้มและดึงเข้าสู่ภวังค์อย่างไม่รู้ตัว อีกทั้งยังเป็นคนไทยและคนเอเชียคนแรกที่คว้ารางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวดกีตาร์ระดับโลก อย่าง ‘Guitar Idol’ มาครอง พร้อมกับสร้างชื่อเสียงจนกลายเป็นที่ยอมรับจากเหล่าศิลปินมือกีตาร์มากมาย ซึ่งชายผู้นั้นมีชื่อว่า ‘แจ็ค ธรรมรัตน์’ (Jack Thammarat)
หนึ่งในศิลปินกีตาร์ฝีมืออันฉกาจ ที่เปี่ยมไปด้วยทักษะการเล่นที่หลากหลาย การเลือกใช้ตัวโน้ตที่เหมาะสมกับบทเพลง และบรรเลงออกมาได้อย่างนุ่มนวล รวมถึงการเลือกใช้เทคนิคการเล่นอย่างชาญฉลาด จนทำให้ใครหลายคนต่างหลงใหล และตกหลุมรักบทเพลงของชายผู้นี้อย่างไม่รู้ตัว มีผลงานชิ้นเอกอย่าง ‘On The Way’ ที่ทำให้ชาวต่างชาติต่างยอมรับในฝีมือของมือกีตาร์สัญชาติไทยผู้นี้ และกลายมาเป็นบุคคลสำคัญที่จุดความหวังให้มือกีตาร์รุ่นใหม่ได้ก้าวไปสู่ระดับสากลโลกเช่นเดียวกันกับเขา
ด้วยความสำเร็จที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวดกีตาร์ระดับโลก และยังได้รับการยอมรับจากศิลปินอื่นทั่วโลก แต่กว่าที่แจ็คจะเดินทางมาถึงจุดนี้ เขาต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อและทุ่มเทเวลาให้กับกีตาร์ ถึงขนาดที่ตัดสินใจหยุดเรียนหนึ่งปีเพื่อฝึกฝนอย่างหนัก จนสุดท้ายได้กลายมาเป็นสุดยอดมือกีตาร์อีกคนหนึ่งของเมืองไทย และนี่คือเรื่องราวการเดินทางของแจ็ค ธรรมรัตน์ ดวงศิริ ชายผู้ลิขิตชีวิตด้วยเสียงจากเส้นลวดทั้ง 6 สายบนคอกีตาร์
ช่วงชีวิตในวัยเด็กของ เด็กชาย ‘แจ็ค - ธรรมรัตน์ ดวงศิริ’ เขาเติบโตขึ้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งในเขตที่แจ็คอาศัยนั้น เต็มไปด้วยเสียงดนตรีจากงานวัดและงานรื่นเริงทั้งหลายของหมู่บ้าน จนเริ่มซึมซับเสียงดนตรีนับตั้งแต่ที่ยังหัดเดินได้ไม่คล่องเสียด้วยซ้ำ และยังสนใจในเครื่องดนตรีประเภทตีอย่าง กลองชุด ตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ ด้วยความอยากเล่นที่เต็มล้นของเด็ก ปู่ของเขาจึงดัดแปลงกระป๋องนมมาทำเป็นกลองชุดให้ฝึกตี พร้อมกับร้องเพลงไปด้วยความสนุกสนาน
กระทั่งวันหนึ่งที่แจ็คบังเอิญได้ยินเสียงกีตาร์ที่พ่อกำลังนั่งบรรเลงกันอย่างสนุกกับเหล่าเพื่อนพ้อง ด้วยมนต์เสน่ห์ของเสียงเครื่องสายที่เปล่งออกมา ได้สะกดให้เด็กเพียงไม่กี่ขวบ รู้สึกตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แจ็คจึงเริ่มสนใจในเครื่องดนตรีชนิดนี้ และคลุกคลีอยู่กับกีตาร์โปร่งตัวเก่งของเขานับแต่นั้นมา
ชีวิตของแจ็คอยู่กับกีตาร์ตลอดมาจนแทบจะกลายเป็นเพื่อนรู้ใจอีกคนหนึ่งของเขา และเมื่อถึงช่วงมัธยมที่ 3 แจ็คมีโอกาสตั้งวงดนตรีกับเพื่อนของตนเป็นครั้งแรก แต่ด้วยความที่มีเพียงแค่กีตาร์โปร่งและไม่มีกีตาร์ไฟฟ้าเป็นของตนเอง จึงอาศัยหยิบยืมจากเพื่อนหรือไม่ก็ฝึกกีตาร์ไฟฟ้าจากห้องซ้อมดนตรีอยู่เป็นประจำ จนภายหลังเพื่อนสมาชิกในวงที่เห็นถึงความพยายามของแจ็คที่ล้นเหลือ จึงตัดสินใจซื้อกีตาร์ไฟฟ้าตัวแรกให้กับเขาเป็นของขวัญตอบแทน
แจ็คยังคงเล่นดนตรีเรื่อย ๆ ไปตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไป กระทั่งสิ่งหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตการเล่นกีตาร์แบบเดิม ๆ และจุดไฟในตัวเขา นั่นก็คือการมาของวงดนตรีเฮฟวี่เมทัลของไทยที่มีชื่อว่า ‘หิน เหล็ก ไฟ’ ด้วยดนตรีที่หนักแน่นและยกระดับมาตรฐานการเล่นกีตาร์ในยุคนั้นไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงทำให้แจ็คเริ่มฝึกซ้อมกีตาร์อย่างหนักหน่วง
อีกทั้งในยุคสมัยนั้นที่อินเทอร์เน็ตยังไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายอย่างปัจจุบัน แจ็คจึงจำเป็นต้องอาศัยความพยายามอย่างหนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการฝึก ‘Ear Training’ เพื่อเล่นให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด พร้อมกับประดิษฐ์เอฟเฟกต์กีตาร์ขึ้นมาเอง ที่ทำจากเครื่องเล่นเทปเพลง นั่นจึงทำให้แจ็คขลุกตัวอยู่กับกีตาร์ของเขามากกว่าเดิม
แจ็คยังคงหลงรักในเสียงเพลงและหมั่นฝึกซ้อมกีตาร์อย่างหนักเรื่อยมา กระทั่งเมื่อถึงช่วงจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย สำหรับใครหลายคนก็อาจจะเลือกเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ไม่ก็ตัดสินใจทำงานเพื่อหารายได้ แต่ด้วยความที่แจ็คหลงรักในการเล่นกีตาร์เป็นที่สุด จึงตัดสินใจหยุดเรียนหนึ่งปี เพื่อฝึกซ้อมอย่างจริงจังและทุ่มเทเวลาให้กับมันอย่างเต็มที่
แม้จะหยุดเรียนหนึ่งปี ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงหาความรู้เพิ่มเติมทางด้านดนตรีอย่างสม่ำเสมอ จนตัดสินใจเข้าเรียนดนตรีกับ ‘อาจารย์ปราชญ์ อรุณรังษี’ แจ็คมุ่งมั่นและเก็บเกี่ยวความรู้ตลอดเวลา จนเมื่อเรียนจบ แจ็คจึงได้รับโอกาสทำหน้าที่ช่วยสอนดนตรีที่ ‘Prat Music School’ และเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในสาขาวิชาเอกดนตรีสากล
แจ็คหมั่นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในเส้นทางสายดนตรีอยู่เสมอ ทั้งตั้งวงดนตรีในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย โดยใช้ชื่อวงว่า ‘Icon’ และประกวดดนตรีตามเวทีต่าง ๆ พร้อมกับคว้ารางวัลติดไม้ติดมือมาอย่างมากมาย รวมถึงยังมีโอกาสประกวดดนตรีที่สิงคโปร์ในรอบชิงแชมป์อีกด้วย ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็นวง ‘Bean’ และออกผลงานอัลบั้มชุดแรกของตัวเองในปี 2543
นอกเหนือจากนั้น แจ็คยังมีโอกาสทำหน้าที่เป็นนักดนตรีให้กับศิลปินหญิงชื่อดังอย่าง ‘ปาล์มมี่’ ในอัลบั้ม ‘Stay’ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้แจ็คเข้าไปคลุกคลีในสายดนตรีอาชีพอย่างจริงจัง และมีโอกาสโปรดิวซ์เพลงให้กับศิลปินอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงยังปล่อยชุดวิดีโอการสอนกีตาร์ของตัวเอง อย่าง ‘How to Play Rock Guitar’ ที่จัดจำหน่ายในปี 2547
การที่เหล่ามือกีตาร์ทั้งหลายต่างมุ่งมั่นฝึกฝนฝีมือของตัวเองให้แกร่งกล้า ล้วนมีเป้าหมายอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการขึ้นไปเหยียบบนเวทีประกวดกีตาร์ระดับโลก เฉกเช่นเดียวกันกับแจ็ค ที่มีความฝันเล็ก ๆ นี้เก็บเอาไว้ในใจ
กระทั่งในปี 2551 เพื่อนพ้องของแจ็คได้แนะนำเวทีแข่งขันกีตาร์ระดับโลกรายการหนึ่ง ที่มีชื่อว่า ‘Guitar Idol’ ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งปีข้างหน้า เมื่อแจ็คได้ยินคำแนะนำจากเพื่อนพ้อง จึงหวนนึกถึงความฝันในวันวานที่ตนเองเคยวาดเอาไว้ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงรีบคว้าโอกาสนี้ และตัดสินใจเสี่ยงดวงหยุดพักงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสอน หรือการเป็นแบ็กอัปให้ศิลปิน เพื่อทุ่มเทสำหรับการประกวดในครั้งนี้โดยเฉพาะ
การประกวด Guitar Idol เป็นงานสุดหินสำหรับมือกีตาร์หลายคน รวมถึงแจ็คด้วยเช่นกัน ที่ต้องคิดแต่งเพลงหนึ่งขึ้นมา อีกทั้งเวทีประกวดระดับโลกนี้ที่เต็มไปด้วยมือกีตาร์ฝีมืออันฉกาจจากทั่วทุกมุมโลกมาประชันฝีมือกัน นั่นจึงทำให้แจ็คนึกย้อนถามถึงตนเอง ว่าตัวเขานั้นเล่นกีตาร์เพื่ออะไร?
แจ็คเริ่มนำประสบการณ์ความรู้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของตนเอง มากลั่นกรองเป็นท่วงทำนอง และร้อยเรียงออกมาเป็นตัวตนของตัวเองให้ได้มากที่สุด
มือกีตาร์หลากหลายคนบนเวทีประกวด มักจะนำเสนอการเล่นที่อาศัยเทคนิคชั้นสูง รวมไปถึงการเล่นรูปแบบพิสดาร ทั้งการกลับนิ้วเล่น การเล่นด้วยความเร็วที่ฟังแทบจะไม่ทันเสียด้วยซ้ำ แต่แจ็คพยายามคิดต่างออกไป เขากลับวางโครงของเพลงให้เป็นเรื่องราว เพื่อให้ผู้ฟังสามารถคล้อยตามและรับรู้อารมณ์ของเพลงได้ง่าย เฉกเช่นเดียวกับศิลปินที่เขาชื่นชอบอย่าง ‘เอริค จอห์นสัน’ (Eric Johnson) หรือ ‘โจ แซทริอานี’ (Joe Satriani)
แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงสอดแทรกเทคนิคกีตาร์ต่าง ๆ เข้าไปในตัวเพลง และออกมาอย่างลงตัวและกลมกล่อม จนสุดท้าย นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของเพลงที่มีชื่อว่า ‘On The Way’
ด้วยบทเพลงที่สื่อถึงเรื่องราวการเดินทางบนถนนสายดนตรีตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขา โดยเน้นการเล่นแบบสำเนียงที่ฟังง่าย นุ่มนวล มีความหนักเบาของดนตรีไปตามอารมณ์ เข้าถึงกลุ่มผู้ฟังได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีที่ฟังเพื่อศึกษาตัวของบทเพลง หรือผู้ฟังที่ฟังเพื่อความสนุกและผ่อนคลาย จึงไม่แปลกใจที่จะกลายเป็นเพลงที่ถูกใจใครหลายคน จนได้รับการติดต่อจาก ‘Jamtrack Central’ เว็บไซต์ศูนย์รวมยอดมือกีตาร์ฝีมือดีมากมาย เพื่อนำเพลง On The Way มาจัดจำหน่ายบนเว็บไซต์ก่อนที่แจ็คจะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ Guitar Idol เสียอีก
เมื่อบทเพลง On The Way ถือกำเนิดขึ้นมาและแจ็คเตรียมพร้อมที่จะนำไปบรรเลงบนเวทีประกวดกีตาร์ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก แต่เมื่อถึงช่วงเวลาการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ด้วยเหตุสุดวิสัยบวกกับเวลาที่ไม่เพียงพอ ทำให้นักดนตรีและผู้เข้าประกวดไม่สามารถทำการซาวนด์เช็กได้
แต่แจ็คที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาตลอดระยะเวลาหลายปี จึงวางแผนแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดี ทำให้เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องแสดง เขาจึงสามารถทำการแสดงบรรเลงกีตาร์ออกมาอย่างไหลลื่น และอิมโพรไวส์ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตนเองออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนเป็นที่ถูกใจของเหล่าคณะกรรมการและผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวที ไม่แพ้ตัวเต็งอย่าง ‘ดาเนียล ก็อตตาร์โด’ (Daniele Gottardo) มือกีตาร์ชาวอิตาลีที่มีฝีมือสุดแพรวพราว
จนเมื่อถึงเวลาการประกาศรายชื่อผู้ชนะเลิศ ชื่อนั้นกลับเป็นชื่อเอเชียเพียงคนเดียวของงาน หรือนั่นก็คือ แจ็ค ธรรมรัตน์ ที่ชนะเลิศในครั้งนี้ กลายเป็นคนไทยและคนเอเชียคนแรกที่สามารถคว้ารางวัล The Guitar Idol 2009 มาครองได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความดีใจของคนในงาน
อีกทั้งตัวเพลงที่เป็นที่ถูกอกถูกใจของคณะกรรมการ แจ็คจึงได้รับกีตาร์ ‘PRS Custom 24’ และกีตาร์จากช่างทำกีตาร์มือฉมังชาวอังกฤษ อีกทั้งยังได้แอมป์ ‘Marshall JVM’ เรียกได้ว่ากอบโกยรางวัลกลับมาอย่างมากมาย
แจ็ค ยังคงเดินหน้าทำงานในเส้นทางสายดนตรีอย่างต่อเนื่อง และยังมีโอกาสบินลัดขอบฟ้าไปเล่นกีตาร์ที่ต่างประเทศมานับครั้งไม่ถ้วน จนได้รับการยอมรับจากเหล่าบรรดาศิลปินและมือกีตาร์ทั้งหลาย รวมถึงยังได้รับโอกาสทำหน้าที่เป็นมือกีตาร์ให้กับศิลปินชื่อดังของเอเชียอย่าง ‘หวัง ลี่หง’ (Wang Leehom)
และในเดือนเมษายน ปี 2563 เขาได้ปล่อยผลงานอัลบั้มเดี่ยวของตนเองชุดแรก อย่าง ‘Still On The Way’ มีบทเพลงไพเราะมากมาย อาทิ ‘Mr. Frontman’, ‘On The Way’, ‘Falling In Love Again’ และเพลงอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยการร้อยเรียงตัวโน้ตสุดสวยงาม ฟังง่าย สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ฟังอย่างหลากหลาย จนใครก็ตามที่ได้ฟัง ต่างต้องคล้อยไปกับอารมณ์และท่วงทำนองที่ชายผู้นี้บรรเลงออกมา
ปัจจุบัน แจ็คกลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่ามือกีตาร์รุ่นใหม่ของไทย ที่มีความหวังว่าสักวันจะสามารถสร้างสรรค์ผลงาน จนกลายเป็นคนที่ประจักษ์ต่อชาวโลกได้
รวมถึงเรื่องราวการเดินทางของเขา ที่พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า หากเราค้นพบถนนสายของตนเอง แม้จะไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกกุหลาบ แต่มันอาจมอบประสบการณ์อันล้ำค่าเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้
ภาพ: FB Jack Thammarat
อ้างอิง:
Jack Thammarat | Last FM
Jack Thammarat Biography, videos, discography, news, photos | VEO Jam
Perspective : แจ็ค ธรรมรัตน์ | แชมป์กีตาร์ไอดอล | JSL Global Media Youtube
จับคอร์ดคุย EP.7 : 10 เรื่องราว แจ็ค ธรรมรัตน์ | CT Music Shop / Chordtabs - Youtube
อ.แจ๊ค ธรรมรัตน์ jack thammaratสร้างชื่อก้องโลกคว้าชัย guitar idol 2009 ที่อังกฤษ | Thai SEO Board