ธุรกิจสไตล์ Soneva รีสอร์ตบนสวรรค์แห่งการพักผ่อน ใต้แนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน

ธุรกิจสไตล์ Soneva รีสอร์ตบนสวรรค์แห่งการพักผ่อน ใต้แนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน

รีสอร์ต Soneva นำเสนอประสบการณ์พักผ่อนแบบ Luxury สะดวกสบายทุกย่างก้าวโดยที่ทุกกิจกรรมยังคำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เมนูอาหาร ไปจนถึงกิจกรรมและรายละเอียดเล็กน้อยในรีสอร์ต

  • Soneva เครือธุรกิจรีสอร์ตแบบ Luxury ที่มอบประสบการณ์พิเศษให้ผู้เข้าพักจากกิจกรรมที่หลากหลาย โดยที่กิจกรรมและการบริการยังอยู่ใต้แนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
  • Soneva มีมร. อาร์นฟินน์ ออยเนส ดูแลเชิงนโยบายและการปฏิบัติงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ประสบการณ์ทำงานกับ Soneva มา 17 ปี ย่อมมีเรื่องราวและแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจนี้มาถ่ายทอดได้มากมาย

ท่ามกลางบรรยากาศชายหาดงดงาม ต้นไม้ที่ร่มรื่น สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่ให้ภาพวิวสวยงามบนเกาะกูด จังหวัดตราด นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมมาสัมผัสกับบรรยากาศบนเกาะชื่อดังแห่งนี้ รีสอร์ตและโรงแรมหลายแห่งนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ใช้บริการที่หลากหลาย

แหล่งที่พักอันเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจในช่วงหลายปีมานี้ คือการท่องเที่ยวที่มาควบคู่กับแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมาพร้อมกับกระแสรณรงค์และความสนใจของคนทั่วโลกที่เริ่มคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของโลกเราเองมากขึ้น

ท่ามกลางธรรมชาติอันรื่นรมย์บนเกาะกูด Soneva Kiri กลายเป็นอีกหนึ่งรีสอร์ตที่มาก่อนกาล ธุรกิจแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจมอบประสบการณ์แบบ Luxury ให้แขกผู้เข้าพัก โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมาตั้งแต่แรกเริ่มดำเนินธุรกิจในเครือของ Soneva นับจากรีสอร์ตที่มัลดีฟส์ ต่อเนื่องมาสู่การตั้งรีสอร์ตแหล่งท่องเที่ยวจุดอื่นในหลายประเทศ กระทั่งขยายมาเปิดรีสอร์ต Soneva Kiri บนเกาะกูด จังหวัดตราด เมื่อพ.ศ. 2552 และก่อตั้งมูลนิธิ Soneva Foundation ในปีต่อมา

Soneva Kiri นำเสนอจุดเด่นเรื่องประสบการณ์พิเศษแบบที่ผู้ใช้บริการจะได้รับจากกิจกรรมที่หลากหลายขณะที่ใช้เวลาพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตแห่งนี้ ขณะเดียวกัน กิจกรรมและการดำเนินธุรกิจซึ่งมอบประสบการณ์ระดับ Luxury ยังอยู่ภายใต้แนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เรื่องนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของ Soneva อยู่ในความดูแลของมร.อาร์นฟินน์ ออยเนส (Arnfinn Oines) ผู้รับบทบาทดูแลงานด้านสังคมและแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม (Social and Environmental Conscience) ของ Soneva อีกทั้งยังเป็นเลขานุการของมูลนิธิโซเนวา (Soneva Foundation) ซึ่งดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในหลายพื้นที่

ด้วยความจริงจังเรื่องนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของ Soneva อาร์นฟินน์ ดูแลนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของธุรกิจตั้งแต่ตรวจสอบค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) ของ Soneva ในพื้นที่ และทำงานร่วมกับพนักงานในท้องถิ่นเพื่อให้นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของธุรกิจแปรรูปมาสู่การปฏิบัติจริง

อาร์นฟินน์ เล่าให้เราฟังว่า เขาทำงานกับ Soneva มาได้ 17 ปีแล้ว ในฐานะที่ทำงานด้านความยั่งยืน อาร์นฟินน์ มองว่า ธุรกิจในกลุ่ม Luxury มีแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนแตกต่างกันไปตามมุมมองและแนวคิดของแต่ละธุรกิจ สำหรับ Soneva ซึ่งเป็นธุรกิจในสายการท่องเที่ยวและบริการ เขามอง ‘Luxury’ เป็นมากกว่าแค่กระบวนการที่นำไปสู่การถือครองผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

ธุรกิจสไตล์ Soneva รีสอร์ตบนสวรรค์แห่งการพักผ่อน ใต้แนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน

“ในฐานะผู้ให้บริการด้านที่พักและรีสอร์ต เราสามารถมอบประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บริการ เป็นประสบการณ์ที่จะกลายเป็นประสบการณ์อัน Luxury ให้กับผู้ใช้บริการ นั่นจึงเป็นเรื่องประสบการณ์มากกว่าผลิตภัณฑ์

มีประสบการณ์หลายอย่าง เมื่อยิ่งเป็นประสบการณ์ที่มีความยั่งยืนมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นประสบการณ์ที่ Luxury มากขึ้นเท่านั้น นั่นเป็นมุมมองของเรา และไม่มีความย้อนแย้งระหว่างเรื่อง Luxury กับเรื่องความยั่งยืน”

อาร์นฟินน์ เล่าให้ฟังว่า แนวคิดเรื่องความยั่งยืนอยู่ใน DNA ของธุรกิจ เป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการดำเนินธุรกิจของ Soneva ประสบการณ์ที่มอบให้ผู้ใช้บริการก็ย่อมเป็นประสบการณ์ที่ตั้งอยู่บนแนวคิดความยั่งยืน ยกตัวอย่างเช่น ในรีสอร์ตมีสวนผักออร์แกนิก ปลูกพืช ผัก และสมุนไพร เป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญให้เชฟในรีสอร์ตเลือกหยิบมาประกอบอาหารให้ผู้ใช้บริการได้ลิ้มรสพืชผัดแบบสด ๆ ชนิดที่เรียกได้ว่าเก็บขึ้นมาจากดินอย่างแท้จริง

ขณะที่ร้านอาหารดังระดับมิชลินสตาร์มักใช้วัตถุดิบเป็นผักจากแหล่งอื่นโดยนำเข้ามาภายในระยะเวลา 1-2 วัน แต่สำหรับรีสอร์ตของ Soneva พวกเขามอบประสบการณ์ด้านอาหารแบบ Luxury เช่นเดียวกัน โดยใช้วัตถุดิบของตัวเองซึ่งเป็นประสบการณ์ที่มอบความ Luxury และตอบสนองต่อแนวคิดเรื่องความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมในตัวเองเช่นกัน

ไม่เพียงแค่เชฟ ผู้ใช้บริการเองสามารถเข้ามาชมและเลือกหรือแนะนำผักจากสวนที่สนใจอยากทานด้วยตัวเอง แล้วนำมาให้เชฟปรุงได้ด้วย โดยประสบการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ Soneva เสนอให้กับผู้ใช้บริการ สะท้อนถึงการมอบประสบการณ์ที่มาควบคู่กับความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม

“สิ่งที่เราคำนึงถึงคือเราโฟกัสเกี่ยวกับเรื่องอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เน้นไปที่อาหารจากพืช (plant based) ลดการใช้ทรัพยากรบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น เรานำส่วนผสมของเนื้อวัว (beef) ออกจากเมนู สืบเนื่องจากเรื่องผลกระทบเชิงลบจากการเลี้ยงที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม เรามีผลิตภัณฑ์เน้นพืชมากขึ้น

เรายังเซ็ตร้านอาหาร เป็นประสบการณ์ด้านการทานอาหารในสวนของเราซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเข้ามาชมสวน ดูว่าวัตถุดิบอาหารมาจากไหน แขกไม่จำเป็นต้องถึงกับปรุงอาหารด้วยตัวเอง แต่การมาดูสวน เมื่อพวกเขาเห็นว่าวัตถุดิบมาจากไหน เป็นเชฟของเราปรุง-ทำอาหารให้ แขกจะเห็นประโยชน์จากการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ทานอาหารที่สดใหม่ และยังเป็นประสบการณ์ที่ดีซึ่งแขกสามารถสัมผัสอีกด้วย นั่นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราพัฒนา และเรายังได้รับฟีดแบ็กที่ดีจากกิจกรรมที่เราทำด้วย”

ธุรกิจสไตล์ Soneva รีสอร์ตบนสวรรค์แห่งการพักผ่อน ใต้แนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน

ปฏิเสธได้ยากว่าแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ Soneva ส่วนหนึ่งแล้วมาจากการขับเคลื่อนจากคุณโสนุ ชิฟดาซานี (Sonu Shivdasani) นักธุรกิจเชื้อสายอินเดียที่เติบโตในอังกฤษ และเป็นผู้ก่อตั้ง Soneva อาร์นฟินน์ เล่าว่า เมื่อแรกเริ่มก่อตั้ง Soneva คุณโสนุ ยึดถือนโยบายเรื่องความยั่งยืนมาตั้งแต่ต้น

การยืนยันนี้มีคำว่า ‘อย่างไรก็ตาม’ พ่วงตามมาด้วย อาร์นฟินน์ ยอมรับว่า แนวคิดนี้ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจดำเนินการกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อความยั่งยืนได้ครบทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น และไม่ได้หมายความว่าธุรกิจสามารถดำเนินการตามนโยบายได้ทุกข้อในเวลานี้เช่นกัน กระบวนการยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันในขณะที่ Soneva ก็เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการด้วย ไม่ต่างจากการเดินทางที่ต้องก้าวต่อไปเรื่อย ๆ นำสิ่งที่ค้นพบมาพัฒนา และประยุกต์ใช้ต่อ

“สิ่งสำคัญที่สุดคือในฐานะบริษัท พวกเราได้รับแรงสนับสนุนจากเจ้าของและผู้ก่อตั้ง เขาอยากทำสิ่งนี้ จึงขับเคลื่อนและสนับสนุนแนวทางเพื่อความยั่งยืนกับพวกเรา นำมาสู่นวัตกรรม และทำให้เกิดการปฏิบัติ เกิดการตัดสินใจเพื่อผลเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และแน่นอนว่า ในแง่มุมด้านธุรกิจ มันย่อมส่งผลดีด้วยเช่นกัน” อาร์นฟินน์ กล่าว

ตัวอย่างหนึ่งที่อาร์นฟินน์ เล่าให้เราฟังคือโปรเจกต์เรื่องน้ำดื่มใน Soneva บริษัทไม่นำเข้าขวดน้ำดื่มเข้ามาใน Soneva ตั้งแต่เมื่อปี 2008 ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นรีสอร์ตแห่งแรกในโลกที่เริ่มมีนโยบายนี้ ขณะที่บริษัทมีจุดผลิตน้ำดื่มในแต่ละรีสอร์ตโดยให้บรรจุน้ำดื่มในขวดแก้ว

“เวลานั้นอาจเป็นแนวคิดที่ดูสุดโต่ง แต่เราเห็นด้วยกับมัน และไม่เคยมีประเด็นปัญหาอะไรเกี่ยวกับแนวคิดนี้เกิดขึ้นเลย  แนวคิดนี้ยังดีต่อผลประกอบการของธุรกิจด้วย...เรานำผลกำไรเหล่านี้มาใช้สำหรับดำเนินการโปรเจกต์สร้างน้ำสะอาดในหลายที่ทั่วโลกซึ่งผู้คนมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัย เราสามารถทำได้ผ่านมูลนิธิโซเนวา เพื่อช่วยผู้คน 7.5 แสนคนทั่วโลก นี่คือตัวอย่างที่ทำในธุรกิจซึ่งส่งผลวงกว้าง”

ธุรกิจสไตล์ Soneva รีสอร์ตบนสวรรค์แห่งการพักผ่อน ใต้แนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน

อีกหนึ่งตัวอย่างที่อาร์นฟินน์ เอ่ยถึงคือการจัดการของเหลือใช้ ซึ่งคนทั่วไปมักมองของเหลือใช้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องโยนทิ้ง แต่ในมุมมองของธุรกิจคือกลับมาตั้งคำถามว่าจะทำอย่างไรกับของเหลือใช้ แปรรูป waste (ของเหลือใช้) ให้เป็น wealth (ความมั่งคั่ง) นั่นจึงทำให้ Soneva ตั้งศูนย์เพื่อสิ่งแวดล้อมฯ ในพื้นที่รีสอร์ต นำของที่ไม่มีใครใช้แล้วมารีไซเคิล เช่น ใช้น้ำมันที่เหลือจากการทำอาหารมาแปรรูปเป็นไบโอดีเซลที่ใช้เติมในรถแทรกเตอร์ นำเศษแก้วมาเป็นวัตถุดิบสำหรับสร้างชิ้นงานศิลปะมาประดับตกแต่งตามจุดต่าง ๆ และมีเศษไม้ต่าง ๆ มาใช้ซ่อมแซมรีสอร์ตได้เช่นกัน

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจซึ่งอาร์นฟินน์ เล่าให้เราฟังและได้เอ่ยถึงไปข้างต้นแล้วคือเรื่องการมอนิเตอร์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ว่าจะเป็นจากอาหาร หรือการเดินทาง ซึ่งแขกที่มาพักกับ Soneva Kiri ต้องเดินทางมาโดยใช้การเดินทางทางอากาศหรือทางน้ำ ไม่ใช่แค่การวัดและตรวจสอบ Soneva ยังจัดตั้งกองทุนด้านสิ่งแวดล้อม และให้แขกที่เข้ามาใช้บริการเลือกว่าจะสมทบทุนเป็นจำนวนเงิน 2% จากค่าใช้บริการห้องพักเพื่อให้มูลนิธินำมาใช้บริหารงานด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ปลูกต้นไม้ตามที่ต่าง ๆ ในไทย และกิจกรรมอื่นตามเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก นำไปสู่เป้าหมายของ Soneva และเป้าหมายทางสิ่งแวดล้อมโดยรวมที่ต้องการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral)

และหากมองจากภาพกว้าง เชื่อว่า หลายบริษัทอาจไม่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางมาที่จุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยว แต่สำหรับ Soneva อาร์นฟินน์ ชี้ว่าพวกเขาต้องการทำสิ่งนี้ด้วย

ธุรกิจสไตล์ Soneva รีสอร์ตบนสวรรค์แห่งการพักผ่อน ใต้แนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน

หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจมีคำถามว่า ธุรกิจที่นำแนวคิดแบบนี้มาปฏิบัติจริงมีผลประกอบการอย่างไร อาร์นฟินน์ เล่าว่า ธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น แม้แต่ช่วงที่มีโควิด Soneva มีปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในทางธุรกิจเพราะเลือกจะไม่งดให้บริการจึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งและกลายเป็นว่ามีผู้สนใจใช้บริการจำนวนมาก ช่วงต้นปี 2021 ถือเป็นช่วงที่ธุรกิจของบริษัทดีที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นมา เมื่อมาถึงปี 2022 ก็ดีไม่แพ้กัน

“แนวคิดเรื่องความยั่งยืนที่เรานำเสนอและติดตัวเรามา รวมถึงสิ่งที่เราทำมาล้วนขับเน้นบริการของเรา และทำให้บริการของบริษัทประสบความสำเร็จ”

สำหรับคนที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมในธุรกิจรีสอร์ตมายาวนาน อาร์นฟินน์ ทิ้งท้ายกับเราว่า การดำเนินธุรกิจตามแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนถือเป็นการเดินทางที่ยาวนาน เป็นสิ่งที่ต้องเอาใจใส่ ลงมือทำ และพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง บางครั้งเขาพบว่ามีสิ่งที่ทำได้ดีกว่าที่เคยทำ บางครั้งก็พบว่ามีสิ่งที่ทำมานานแล้วและดูเหมือนว่ามีจุดด้อยบางอย่างก็ต้องตรวจสอบและปรับปรุงให้ดีขึ้น

“ตื่นตัวตลอดเวลา” คือคำที่อาร์นฟินน์ กล่าวถึงการดำเนินตามนโยบายเพื่อความยั่งยืน คำนี้รวมถึงการดูแลและตรวจสอบดังคำกล่าวว่า “อะไรก็ตามที่ไม่สามารถประเมินหรือตรวจวัดได้ ย่อมไม่สามารถบริหารจัดการได้”

เมื่อมีไอเดียแล้ว ยังจำเป็นต้องนำมาหารือและแลกเปลี่ยนร่วมกัน ถ้ามีแค่ไม่กี่คนมาเกี่ยวข้อง มุมมองที่ได้ย่อมแคบกว่ามุมมองที่มาจากผู้คนอันหลากหลาย Soneva มีกล่องที่ให้ทุกคนนำเสนอไอเดียของตัวเอง ถ้าน่าสนใจ ย่อมสามารถนำมาปฏิบัติได้ และยังมีรางวัลสำหรับเจ้าของไอเดีย แนวทางนี้ช่วยให้ Soneva มีไอเดียดี ๆ เข้ามาไม่ขาดสาย และได้นำมาใช้งานจริงได้ด้วย

สิ่งที่อาร์นฟินน์ มองว่าเป็นความท้าทายสำหรับเป้าหมายเรื่องความยั่งยืนในเวลานี้คือเรื่องพลังงานหมุนเวียนที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ที่มัลดีฟส์ Soneva กำลังติดตั้งระบบโซลาร์ เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกอีกหนึ่งกลุ่ม ในอนาคตอาจได้มีโอกาสมาประยุกต์ใช้ใน Soneva Kiri บนเกาะกูดได้เช่นกัน ซึ่งถือเป็นความท้าทายไม่แพ้ภารกิจในมัลดีฟส์เลยทีเดียว

“ยังมีสิ่งที่เราทำได้ดีกว่าที่เคยทำมาเสมอ” เป็นมุมมองของอาร์นฟินน์ ที่เขาฝากไว้ก่อนจบการสนทนากับเรา แนวคิดนี้ย่อมไม่จำกัดแค่กับการทำธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเพียงอย่างเดียว แนวคิดนี้นำมาใช้ได้อีกหลายอย่างเช่นกัน นั่นอาจเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ขับเคลื่อน Soneva ให้มาถึงวันนี้ก็เป็นได้

 

เรื่อง: ธนพงศ์ พุทธิวนิช

ภาพ: อาร์ฟินน์ ออยเนส ประกอบกับพื้นหลังเป็นรีสอร์ต Soneva Kiri