24 พ.ค. 2567 | 15:24 น.
KEY
POINTS
บิล เกตส์ อัจฉริยะคอมพิวเตอร์ เจ้าพ่อ Microsoft ผู้ที่ได้ชื่อว่ารวยที่สุดในโลกต่อเนื่องกันหลายปี จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes ซึ่งในปี 2024 เขารั้งอันดับ 7 ด้วยทรัพย์สินสุทธิกว่า 128 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ!! และเขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) ที่มีกองทุนมากกว่า 67.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย
การที่เคยเป็นทั้งมนุษย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ก่อตั้งบริษัท Microsoft ที่มีมูลค่าตลาดอันดับหนึ่งของโลก และริเริ่มมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ที่ได้ชื่อว่าเป็นมูลนิธิที่ใหญ่ที่สุดในโลก ช่วยยืนยันความเอาจริงเอาจังของชายผู้ที่ตัดสินใจลาออกจากการเรียนมหาวิทยาลัยตอนอายุ 21 คนนี้ได้เป็นอย่างดี แล้วถ้าบุรุษระดับตำนานอยากเปลี่ยนบทมาเล่นเป็นผู้พิทักษ์โลกบ้าง เขาจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ขนาดไหนกัน
ในปี 2014 เกตส์ก้าวลงจากบัลลังก์ประธานบริษัท Microsoft เพื่อมาสานต่อเจตนารมณ์ในการผลักดันวาระเรื่องสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มตัว ด้วยการออกเดินสายปาฐกถาให้ความรู้ เขียนหนังสือเรื่องสิ่งแวดล้อมหลายเล่ม ไปจนถึงการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีแห่งอนาคต หนึ่งในภาพจำที่ติดตาหลายคนคือ การยืนยันว่าเทคโนโลยี Omniprocessor สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการเข้าถึงน้ำสะอาดของคนอีกค่อนโลกได้ ด้วยการโชว์ดื่มน้ำที่ผ่านการรีไซเคิลจากน้ำบ่อขี้!!
นอกจากนี้ในหนังสือ How to Avoid a Climate Disaster: The Solutions We Have and the Breakthroughs We Need เกตส์ได้เสนอแนวทางแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศว่าปัญหาหนึ่งที่สำคัญคือ แหล่งพลังงานของพวกเราต้องยั่งยืน มีราคาไม่แพง และเป็นพลังงานสะอาดที่ดีต่อโลกด้วยการสร้างมลภาวะน้อยที่สุด ซึ่งได้แก่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ฟิชชัน ที่เกตส์ได้ให้ข้อมูลว่าไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด เพราะจากสถิติแล้วมีคนเสียชีวิตจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์น้อยกว่าโรงไฟฟ้าจากถ่านหินถึง 350 เท่า และ 260 เท่า เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง เพราะโรงไฟฟ้าพลังงานฟอสซิลเหล่านี้ต่างปล่อยมลพิษทางอากาศมาคร่าชีวิตผู้คนแบบไม่รู้ตัวอย่างต่อเนื่อง
เพื่อพิสูจน์ว่านิวเคลียร์ฟิชชันว่าเป็นพลังงานแห่งอนาคตที่ยั่งยืนจริง เกตส์เลยทำให้ดูด้วยการก่อตั้ง บริษัท เทอราพาวเวอร์ (TerraPower) สตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมพลังงานนิวเคลียร์ ที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ที่ปลอดภัย ยั่งยืน และมีต้นทุนต่ำ ด้วยการออกแบบระบบ Traveling Wave Reactor (TWR) อันเป็นเทคโนโลยีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์รุ่นที่ 4 ซึ่งนำยูเรเนียมที่เสื่อมสภาพมารียูสใช้ใหม่ ตอนนี้ TerraPower กำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในชื่อ The Natrium Project ที่มีกำลังการผลิตสูงสุด 500 เมกะวัตต์ ในรัฐไวโอมิง บริเวณที่เดิมเป็นโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน โดยคาดว่าจะจ่ายไฟได้ในปี 2028 และมีกำลังการผลิตมากกว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าของภูเก็ตทั้งเกาะ
สำหรับคนทั่วไปอย่างเราที่ไม่ได้มีเงินเหลือใช้แบบบิล เกตส์ แต่อยากมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ เราอยากชวนมาเป็นส่วนหนึ่งในแนวร่วมสร้างความยั่งยืน ด้วยการปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันธรรมดา ให้ใส่ใจโลกมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรมาหาคำตอบกับ ‘ทางเลือก’ ของการใช้ชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่เริ่มได้จากตัวคุณเองไปพร้อมกันได้ในงาน ‘Be the Change’ ภายใต้แนวคิด ‘Sustainable in Everyday Life’ ยั่งยืนได้เมื่อเราเปลี่ยนไปด้วยกัน
.
ภายในงานมีกิจกรรมเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมที่หลากหลาย อาทิ เซคชั่น Special Talk พลัง ‘เล็ก’ ที่เปลี่ยนโลก, เวทีเสวนาจากภาคธุรกิจที่ดำเนินนโยบายอย่างยั่งยืน, Workshop และการออกร้านจากพาร์ทเนอร์ ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน ที่ขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน พร้อมถ่ายทอดบรรยากาศงานผ่านช่องทางออนไลน์
วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 13.00 - 17.30 น. ณ True Digital Park (West) - Grand Hall ชั้น 3 (BTS ปุณณวิธี)
ติดตามช่องทางการลงทะเบียนร่วมงานได้เร็วๆ นี้ … แล้วมา ‘เปลี่ยน’ ไปด้วยกัน
..............
ที่มา:
หนังสือ How to Avoid a Climate Disaster: The Solutions We Have and the Breakthroughs We Need : https://books.google.co.th/books?id=6Z6zDwAAQBAJ&pg=PT60&source=gbs_selected_pages&cad=1#v=onepage&q&f=false
https://www.thansettakij.com/business/economy/554594#google_vignette
https://www.terrapower.com/natrium-project-update/
.
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรม Janicki OmniProcessor (เทคโนโลยีเปลี่ยนอุจจาระให้เป็นน้ำดื่มและพลังงาน) : ibit.ly/HVB4t