30 พ.ค. 2567 | 18:20 น.
KEY
POINTS
วิกฤตโลกเดือด หรือโลกรวนที่เราพูด ๆ กัน มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ ‘บนบก’ อย่างที่หลายคนคิด แต่พื้นที่เกือบทุกแห่งใน ‘ทะเล’ กำลังเผชิญหน้ากับภาวะที่เรียกว่า ‘ทะเลป่วย’ เพราะอุณหภูมิโลกที่มันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้มาแชร์เกี่ยวกับ “วิกฤตทะเลเดือด โลกจะอยู่อย่างไร?” ภายในงานเสวนา Innovation Keeping the World ที่ SCBX NEXT STAGE ที่จัดโดย SPRINGNEWS ว่าปัญหาโลกเดือดที่เกิดขึ้น มันลุกลามไปถึง ‘ทะเล’ ได้อย่างไร?
ระหว่างที่นั่งฟังหัวข้อนี้มีหลายคำถามผุดขึ้นในหัวว่า แล้วสัตว์ทะเลใต้น้ำจะอยู่ยังไง น้ำทะเลตอนนี้ร้อนแค่ไหน แล้วความร้อนในทะเลมันแผ่ขยายไปไกลถึงระดับน้ำที่ลึกมากแค่ไหน
และนี่คือสิ่งที่เราอยากสรุปให้ชาว The People ได้อ่านกันค่ะ เพราะผลกระทบของปัญหานี้มันไม่เล็กเลย หนำซ้ำยังเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากด้วย
ดร.ปิ่นสักก์ ได้พูดไว้ว่า “ทุกวันนี้คนชินกับคำว่าโลกร้อน และจินตนาการไม่ออกว่าแล้วมันจะยังไงต่อ รู้แค่ว่าโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งก็จะละลายเร็วขึ้น พอละลายเยอะ ระดับน้ำก็จะสูงขึ้น แต่มันมีมากกว่านั้นเพราะหลังจากที่ระดับน้ำมันสูงขึ้นกว่าเดิม มันจะกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งพอน้ำร้อนขึ้น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้เลยก็คือ ปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาว”
อธิบายเพิ่มเติมก็คือ ภาวะที่ปะการังมีสีซีดจางจนมองเห็นเป็นสีขาว เพราะสูญเสียสาหร่าย Symbiodinium ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดเล็กมาก ๆ โดยปกติจะอาศัยอยู่กับเนื้อเยื่อของปะการัง ทั้ง 2 สิ่งนี้จะพึ่งพาอาศัยกันอยู่ในการสังเคราะห์แสงและแบ่งอาหารรวมถึงให้คาร์บอนเพื่อช่วยกันเติบโตอย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ การสูญเสียสาหร่ายนอกจากจะทำให้ปะการังไร้สีสันสวยงามอย่างที่เราเห็น การฟอกขาวเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ปะการังขาดอาหาร และมีโอกาสตายสูงมาก (ข้อมูลสวทช.)
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล เคยเตือนหลายครั้งมากผ่านโซเชียลว่า
“โลกเดือดแล้วนะ ทะเลอยู่ไม่ได้แล้วนะ ทะเลกำลังจะตายแล้ว”
แล้วทะเลเดือด ทะเลป่วย ทะเลกำลังจะตาย ล้วนเกิดจากอะไร? ก็เพราะว่าอุณหภูมิโลกที่มันสูงขึ้นนั่น มันสูงผิดปกติเกินวัฎจักรที่ควรจะเป็น ซึ่งวิทยาศาสตร์ชี้จุดเกิดเหตุหล่ายครั้งว่า ‘มนุษย์มีส่วนกับโลกเดือด’ มาตลอด
สรุปสถานการณ์ที่ ‘โลกเดือด/โลกรวน’ อย่างเข้าใจง่ายจากสิ่งที่ ดร.ปิ่นสักก์ แชร์บนเวที
(ภาพจาก: https://www.nstda.or.th/home/news_post/sci-update-20190522/)
ทั้งนี้ วิกฤตโลกเดือดจะยังไม่จบง่าย ๆ เพราะ ดร.ปิ่นสักก์ ชี้ว่า มีข้อมูลประเมินแล้วว่า ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า วิกฤตทะเลเดือดจะยังดำเนินต่อไป ไม่มีเบาลง
แผนการแก้ไขและฟื้นฟูของกระทรวงทรัพย์ฯ ที่วางแผนคร่าว ๆ อย่างเช่น การแก้ปัญหาเรื่องปะการังฟอกขาว โดยช่วงเดือนมกราคมจะเริ่มสร้างเครือข่าย, กุมภาพันธ์-มีนาคมเริ่มระบบการติดตามตัวอุณหภูมิน้ำอย่างใกล้ชิด และถ้าสถานการณ์รุนแรง ต้องมีมาตรการช่วยอย่างเหมาะสม หลังจากนั้นต้องมีการฟื้นฟูต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะแผนการเหล่านี้จะไม่มีวันสำเร็จได้เลย หากไม่มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า
“มนุษย์ฉลาดพอที่จะพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาแก้ปัญหาได้เสมอ อยากให้ใช้ความฉลาดของเราในการช่วยแก้ปัญหาให้โลกได้ ทุกคนต้องตระหนักว่า โลกร้อนเป็นปัญหาของทุกคน และต้องร่วมใจช่วยกันโดยไม่รอการช่วยเหลือจากใคร”
“ตอนนี้หลายฝ่ายพยายามช่วยกัน อย่าง ดร.ธรณ์ ก็พยายามคิดและหารือกับหลายฝ่ายว่า การฟื้นฟูจาก 5 ปี ให้เหลือปีเดียว สามารถทำได้ไหม?”
ยิ่งฟังแบบนี้ยิ่งตระหนักว่า เราหรือมนุษย์ทุกคนไม่ใช่คนที่ได้รับผลกระทบ แต่มันรวมไปถึงสัตว์ทั้งบนบก ในน้ำ ใต้ทะเล หรือแม้แต่ธรรมชาติในทะเลก็ป่วยได้ อ่อนแอได้เหมือนกัน ดังนั้น คนที่ยังคิดว่าเรื่องโลกเดือด โลกรวน เป็นเรื่องที่ไกลตัวไม่จริงสักนิด หากเราไม่ช่วยกันคนละนิดละหน่อยเราจะไม่มีทางฟื้นฟูโลกใบนี้ได้เลย
ในงานนี้ยังมีหัวข้อที่น่าสนใจอีกหลายเรื่อง ทั้งจากภาครัฐและเอกชน หรือแม้แต่จาก Influencers ที่มีชื่อเสียงหลายคน ผู้เขียนมองว่า ความตระหนักรู้และกระตือรือร้นที่จะปรับของหลายฝ่ายทำให้โลกดูมีความหวัง ภาคผู้บริโภคอย่างเราซึ่งเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ตระหนักว่า แค่เราลองปรับลองทำ เช่น การคัดแยกขยะ หรือการลดใช้พลาสติก เพียงเท่านี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว
ประโยคสั้น ๆ ที่เราอยากจะย้ำทิ้งทวนกับบทความนี้คงเป็น ณ ตอนนี้ ไม่ว่าจะโลกร้อน โลกเดือด หรือ โลกรวน มันไม่ใช่เทรนด์แล้ว แต่มันเป็นเรื่องที่ ‘ต้องทำ’ ถ้าเราไม่เริ่มเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้ เราจะรอให้ถึงวันที่ประเทศไทยหายไปจากแผนที่โลกหรือ?