ชมหนังกลางแปลงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ฉลองครบรอบ 243 ปี กรุงรัตนโกสินทร์

วันที่ 23 -27 เมษายน 2568 เพลิดเพลิดกับการชมหนังกลางแปลงควบคู่ไปกับบรรยากาศอันงดงามของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในงานใต้ร่มพระบารมี 243 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ โดยกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) คัดสรรภาพยนตร์มาจัดฉาย 5 เรื่อง ซึ่งนำเสนอแง่มุมที่หลากหลายของกรุงเทพมหานคร ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และชุมชนผู้อยู่อาศัย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 243 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ความพิเศษในครั้งนี้คือ อาคารของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบริเวณท้องสนามหลวงจะกลายเป็นฉากหลังที่รายล้อมจอภาพยนตร์ที่จัดฉายในแต่ละวันอีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถมาชม Night Museum และการแสดงก่อนการฉายภาพยนตร์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หนังกลางแปลงจะเริ่มฉายตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป จัดฉายวันละ 1 รอบ

โปรแกรมเริ่มต้นที่ในวันที่ 23 เมษายน “ชมสยามผ่านกรุหนังกรมรถไฟหลวง” (2469 – 2475) ภาพยนตร์ที่ร้อยเรียงบันทึกประวัติศาสตร์จากภาพยนตร์เงียบหลากหลายเรื่องประกอบการบรรเลงดนตรีโดยวงกอไผ่ ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งนำเสนอภาพที่หาชมยากและมีคุณค่าที่สุดของสยามระหว่างปี พ.ศ. 2469 – 2475 โดยเป็นภาพยนตร์ในกรุของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับการอนุรักษ์โดยหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)  

วันที่ 24 เมษายน “เลือดสุพรรณ” (2522) ผลงานการกำกับของ เชิด ทรงศรี ภาพยนตร์ที่สร้างจากบทละครอิงประวัติศาสตร์ของหลวงวิจิตรวาทการ เล่าเหตุการณ์สมัยอยุธยา ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองสุพรรณบุรี และความรักต้องห้ามระหว่างสาวสุพรรณกับนายทหารชาวพม่า ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา

วันที่ 25 เมษายน “แดนสาป” (2567) หนังระทึกขวัญว่าด้วยสองพ่อลูกชาวพุทธที่ย้ายบ้านมาอยู่ในชุมชนมุสลิมที่หนองจาก สุดฝั่งตะวันออกของกรุงเทพ ไม่เพียงแต่ต้องปรับตัวให้เข้ากับผู้คนที่ต่างความเชื่อ ต่างศรัทธา สองพ่อลูกยังต้องรับมืออาถรรพ์ลี้ลับจากอีกระบบความเชื่อที่ต่างออกไป กำกับภาพยนตร์โดยภาณุ อารี

วันที่ 26 เมษายน “ทวิภพ” (2533) กำกับโดย เชิด ทรงศรี เรื่องราวของ มณีจันทร์ ลูกสาวของท่านทูตที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ วันหนึ่งเธอซื้อกระจกเงาโบราณบานใหญ่มาไว้ที่บ้าน แล้วพบว่ากระจกบานนี้สามารถพาเธอย้อนอดีตไปสู่แผ่นดินสยามสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ ที่นั่นมณีจันทร์ได้พบกับหลวงอัครเทพวรากร จนเกิดเป็นความรักความผูกพันของคนต่างภพ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ของสยามในช่วงที่ชาติตะวันตกกำลังออกล่าอาณานิคม

วันที่ 27 เมษายน “ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด” (2536) ภาพยนตร์กำกับโดย อิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์ บันทึกชีวิตและอารมณ์ของคนกรุงเทพฯ ยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู ผ่านตัวละครหนุ่มออฟฟิศผู้สุภาพเรียบร้อย ซึ่งเกิดหมดสติลงในลิฟต์ และพบกับยมทูตที่มารับตัวเขา แต่นาย ทะเบียนจากนรกกลับแจ้งว่าเขายังไม่ถึงฆาต และมีเวลาอยู่จนถึงบ่ายสองโมงของวันรุ่งขึ้น เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยความรับรู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกเพียงวันเดียว ทำให้เกิด “ลูกบ้า” ที่จะฮึดสู้เพื่อเอาชนะระบบและพฤติกรรมความเห็นแก่ตัวก่อนที่จะลาโลก