อะมีเลีย เอียร์ฮาร์ต : นักบินหญิงผู้ท้าทายขีดจำกัดของท้องฟ้าที่โลกลืมไม่ลง

อะมีเลีย เอียร์ฮาร์ต : นักบินหญิงผู้ท้าทายขีดจำกัดของท้องฟ้าที่โลกลืมไม่ลง

อะมีเลีย เอียร์ฮาร์ต นักบินหญิงผู้กล้าหาญที่ทำลายทุกขีดจำกัด เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิก ก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างภารกิจบินรอบโลกในปี 1937 แม้เธอจะจากไป แต่ชื่อของเธอยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลก

KEY

POINTS

  • อะมีเลีย เอียร์ฮาร์ตเป็นเด็กแก่น รักการผจญภัย และหลงเสน่ห์การบิน
  • เธอคือนักบินหญิงที่ทำลายทุกสถิติ และเป็นนักบินหญิงคนแรกที่ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเพียงลำพัง
  • ถึงวันนี้เธอจะถูกขานเป็นบุคคลสูญหายกลางทะเล แต่ชื่อของเธอ คือตัวแทนของความกล้าหาญและการไม่ยอมแพ้

"ความกลัวเหมือนเสือกระดาษ ถึงจะน่ากลัว แต่ไม่มีอยู่จริง”

ครั้งหนึ่ง ‘อะมีเลีย เอียร์ฮาร์ต’ (Amelia Earhart) นักบินหญิงคนแรกที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเคยพูดไว้ เพราะสำหรับเธอ ความกลัวไม่มีจริง มีเพียงความตั้งใจและความกล้าเท่านั้นที่จะทำให้ฝันเป็นจริงได้

“การเริ่มต้นคือสิ่งที่ยากที่สุด ที่เหลือแค่ตั้งใจทำต่อไป ความกลัวเหมือนเสือกระดาษ ถึงจะน่ากลัว แต่ไม่มีอยู่จริง ถ้าตั้งใจ คุณก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองได้”

การเดินทางของอะมีเลีย เอียร์ฮาร์ตไม่ได้เป็นเพียงความฝัน แต่เป็นแรงบันดาลใจว่า ฝันของเราบางครั้งก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม

และไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าหัวใจของตัวเอง

อะมีเลีย เอียร์ฮาร์ต : นักบินหญิงผู้ท้าทายขีดจำกัดของท้องฟ้าที่โลกลืมไม่ลง

ก่อนจะบิน

ก่อนจะมุ่งมั่นตั้งใจกับการเป็นนักบินจนกลายเป็นนักบินหญิงที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการวงการบิน อะมีเลียเคยเป็นเด็กที่ไม่ประทับใจและไม่ได้สนใจเครื่องบินมาก่อนเลย

ตอน 10 ขวบ เธอเห็นเครื่องบินครั้งแรกในงานที่รัฐแคนซัส รัฐบ้านเกิดของเธอ แต่วันนั้นเธอพูดว่า  "มันเป็นแค่กองลวดสนิมและไม้ ไม่เห็นน่าสนใจเลยสักนิด"

แต่ถ้าพูดถึงลักษณะนิสัย หลังจากที่แม่ของอะมีเลียตัดสินใจพาเธอและน้องสาวมาอยู่บ้านตายาย ที่นั่น อะมีเลียเป็นสาวแก่น โลดโผน รักการผจญภัย และมีความเฟมินิสต์ในตัวแบบเบา ๆ 

อะมีเลียมักจะชอบปีนต้นไม้ เล่นเลื่อนหิมะ ใช้ปืนไรเฟิลล่าหนู และยังเก็บรวบรวมข่าวหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในสาขาที่ผู้ชายมักได้รับ เช่น การกำกับและผลิตภาพยนตร์ กฎหมาย โฆษณา การบริหารจัดการ และวิศวกรรมเครื่องกล

เธอดำเนินชีวิตตามเด็กหญิงทั่ว ๆ ไป แต่ก็ไม่ทิ้งความแก่นในตัว หลังจากจบมัธยมที่ Hyde Park High School ในปี 1915 อะมีเลียก็เข้าเรียนที่ Ogontz โรงเรียนสำหรับหญิงสาวชั้นสูงในชานเมืองฟิลาเดลเฟีย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลาออกกลางคัน 

เธอลาออกเพื่อไปเป็น ผู้ช่วยพยาบาลที่โรงพยาบาลทหารในแคนาดา ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ได้เจอนักบินและเริ่มเข้าสู่โลกการบิน

อะมีเลีย เอียร์ฮาร์ต : นักบินหญิงผู้ท้าทายขีดจำกัดของท้องฟ้าที่โลกลืมไม่ลง

ช่วงนี้เธอไปดู การแสดงเครื่องบินผาดโผนกับเพื่อน ขณะที่กำลังยืนดู นักบินคนหนึ่งขับเครื่องบินไปหาพวกเธอ แทนที่จะตกใจ อะมีเลียยืนอยู่กับที่ แม้จะหวาดกลัว แต่กลับ ตื่นเต้น เพราะเป็นความรู้สึกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นในใจ

"ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจ แต่ฉันเชื่อว่าเครื่องบินสีแดงลำนั้นกำลังพูดบางอย่างกับฉัน ตอนที่มันพุ่งผ่านไป" อะมีเลียบอก

หลังสงคราม อะมีเลียเรียนต่อหลักสูตรเตรียมแพทย์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียหนึ่งภาคเรียน แต่ก็ลาออกเพราะพ่อแม่อยากให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่แคลิฟอร์เนีย เธอจึงเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย

ปี 1920 เธอได้ขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรกในฐานะผู้โดยสาร มี นักบิน แฟรงก์ ฮอว์กส์ (Frank Hawks) เป็นคนขับ แล้วการขึ้นเครื่องบินครั้งนั้นก็เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล เธอบอกว่า "ทันทีที่เครื่องขึ้นไปได้เพียงสองหรือสามร้อยฟุต ฉันรู้เลยว่าฉันต้องเป็นนักบิน"

Take Off

เพราะรู้ดีว่าเรียนการบินมีค่าใช้จ่ายสูง เธอจึงทำงานหลายอย่าง  ตั้งแต่ช่างภาพไปจนถึงคนขับรถบรรทุก เพื่อหาเงินมาเรียนบินกับ ‘แอนิตา เนตา สนุก’ (Anita Neta Snook) นักบินหญิงรุ่นบุกเบิก

แอร์ฮาร์ต ทุ่มเททุกอย่างให้กับการบิน เธออ่านทุกอย่างที่หาได้เกี่ยวกับการบิน และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่สนามบิน ทำทุกอย่างดูเป็นมืออาชีพที่สุดเท่าที่จะทำได้

เธอตัดผมให้สั้น ให้ดูเหมือนนักบินหญิงคนอื่น ๆ และด้วยความกังวลว่า นักบินที่มีประสบการณ์มากกว่าจะมองว่าเธอเป็นมือใหม่ เธอถึงกับ ใส่เสื้อแจ็กเก็ตหนังตัวใหม่ของเธอไปนอนติดต่อกันสามคืน เพื่อให้มันดูเก่าและผ่านการใช้งานมาแล้ว 

ต้นปี 1921 อะมีเลียตัดสินใจเรียนการบินอย่างจริงจัง แล้วใช้เวลาเพียง 6 เดือนเก็บเงินซื้อเครื่องบินลำแรก นั่นคือ  Kinner Airster แบบสองที่นั่ง ทาสีเหลืองสดใส อะมีเลียตั้งชื่อให้เครื่อนบินลำนี้ว่า “The Canary” (เจ้านกขมิ้น) แล้งเครื่องบินลำนี้แหละที่เธอขับทลายสถิติแรกของเธอในฐานะนักบินหญิง ด้วยการบินขึ้นไปถึงระดับความสูง 14,000 ฟุตในปี 1922

อีก 1 ปีต่อมา เธอได้รับใบอนุญาตนักบินหญิงเป็นลำดับที่ 16 จาก Federation Aeronautique ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลการบินระดับโลก 

เมื่อมอบกลับมาที่ครอบครัว ครอบครัวแอร์ฮาร์ตยังคงมีเงินใช้จากเงินของแม่ แต่ปี 1924 เงินก้อนนี้หมดลง เพราะงานขับเครื่องบินยังไม่ได้สร้างรายได้มากพอที่จะดูแลคุณภาพชีวิตของสมาชิกในครอบครัวได้ อะมีเลียเลยตัดสินใจขายเครื่องบินลำแรก 

ปี 1927 ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก (Charles Lindbergh) สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการบินเดี่ยวจากนิวยอร์กไปปารีส ผู้คนจึงเริ่มให้ความสนใจกับนักบินหญิงที่จะบินเดี่ยวข้ามมหาสมุทร ราวๆ 1 ปีต่อมา กัปตันฮิลตัน เอช. ไรลีย์ (Captain Hilton H. Railey) โทรศัพท์สายตรงถึงอะมีเลีย ถามเธอว่า “คุณอยากบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไหม?”

ด้วยใจที่อยากกล้า อยากลอง และรักการผจญภัย เธอตอบตกลงทันทีอย่างไม่ลังเล แต่ใครจะรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ที่เธอได้รับเลือก เป็น ‘ผู้หญิงคนแรกที่บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก’  ไม่ใช่ฐานะนักบิน แต่เป็นฐานะของผู้โดยสาร เพราะคติเดิมที่เชื่อว่า การบินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรยังอันตรายเกินไปสำหรับผู้หญิง

หรือแม้แต่การออกเดินทางเกือบ 21 ชั่วโมงร่วมกับกับ วิลเมอร์ บิล สตูลต์ซ (Wilmer Bill Stultz) เป็นนักบินหลัก และ หลุยส์ อี. สลิม กอร์ดอน (Louis E. Slim Gordon) สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจทำให้วิลเมอร์เป็นคนขับเครื่องบินตลอดการเดินทาง แอร์ฮาร์ตไม่ได้มีโอกาสขับเลย

แม้จะตกลงกันไว้แล้ว แต่เธอก็ยอมรับว่า "ฉันรู้สึกเหมือนเป็นแค่สัมภาระ สักวันหนึ่ง ฉันอาจจะลองทำมันด้วยตัวเอง"

อะมีเลีย เอียร์ฮาร์ต : นักบินหญิงผู้ท้าทายขีดจำกัดของท้องฟ้าที่โลกลืมไม่ลง

นักบินหญิงที่ทำลายทุกสถิติ

เอาเข้าจริงระหว่างเดินสายพบปะสื่อมวลชน ก่อนที่อะมีเลียจะขึ้นเครื่องบินไปกับกัปตันฮิลตัน อะมีเลียได้เจอกับจอร์จ พี. พัตแนม (George P. Putnam) นักจัดพิมพ์และประชาสัมพันธ์ชื่อดัง ซึ่งต่อมาเขากลายเป็นสามีที่อยู่เคียงข้างเธออยู่เสมอ

รวมถึงเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมวางแผนให้เธอเป็น ผู้หญิงคนแรก และบุคคลที่สองในประวัติศาสตร์ ที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก 

ปี 1932 ทุกอย่างพร้อม อะมีเลียเตรียมออกเดินทางจาก Harbour Grace แคนาดาไปกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่ตลอดการบิน เธอต้องเจอกับลมเหนือแรง ที่ทำให้การควบคุมเครื่องบินยากขึ้น อุณหภูมิหนาวจัด ที่ทำให้เครื่องมีน้ำแข็งเกาะ และปัญหาทางกลไก ที่บังคับให้เธอเปลี่ยนเส้นทาง สุดท้าย เธอต้อง ร่อนลงในทุ่งหญ้าใกล้ลอนดอนเดอร์รี ประเทศไอร์แลนด์ แทนที่จะถึงปารีสตามแผน

ถึงจะไม่ได้เป็นไปตามความตั้งใจ แต่ข่าวการบินของอะมีเลียทำให้ทั้งโลกสนใจและส่องสปอตไลท์มาที่นักบินหญิงคนนี้ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอได้รับเหรียญทองจาก National Geographic Society, Distinguished Flying Cross รางวัลจากสภาคองเกรสที่เป็นครั้งแรกที่มอบให้ผู้หญิง อีกทั้งได้รับการยกย่องจาก รองประธานาธิบดีชาร์ลส์ เคอร์ติส ที่กล่าวว่าเธอเป็นผู้มีความกล้าหาญและทักษะการบินอันยอดเยี่ยม แม้ต้องเสี่ยงชีวิต

ถึงจะมีความสำเร็จและรางวัลมากมายเป็นเครื่องการันตีความกล้าหาญ แต่อะมีเลียยังคงทำลายสถิติการบินครั้งแล้วครั้งเล่า ปีต่อมา เธอสร้างสถิติบินอยู่ที่ความสูง 18,415 ฟุต ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่มีใครล้มได้เป็นเวลาหลายปี

อีก 2 ปีต่อมา อะมีเลียสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง เมื่อเธอกลายเป็นบุคคลแรกของโลกที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกด้วยระยะทาง 2,408 ไมล์ จากโฮโนลูลู ฮาวาย ไปยัง โอ๊คแลนด์ และแลนด์ดิ้งที่แคลิฟอร์เนียได้สำเร็จ แม้จะต้องเผชิญกับสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ 

ปีเดียวกัน เธอก็เป็นนักบินคนแรกที่บินเดี่ยวจากเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก ไปยังนวร์ก นิวเจอร์ซีย์  สหรัฐอเมริกา เมื่อเครื่องบินของเธอลงจอด ฝูงชนจำนวนมากก็วิ่งเข้าสนามบินเพื่อแสดงความยินดี

แม้จะดูวุ่นวาย แต่อะมีเลียก็หัวเราะและพูดติดตลกว่า "ถึงอย่างนั้น ก็รู้สึกดีที่ได้กลับบ้านอีกครั้ง"

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงก้าวแรกที่เธอจะลุกขึ้นตามความฝันที่ใหญ่กว่าเดิม

อะมีเลีย เอียร์ฮาร์ต : นักบินหญิงผู้ท้าทายขีดจำกัดของท้องฟ้าที่โลกลืมไม่ลง

การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและแรงบันดาลใจที่ฝากไว้ในมหาสมุทร

อะมีเลียยังคงเก็บชั่วโมงบินต่อเนื่อง ปี 1937 ปีที่ชีวิตของอะมีเลียกำลังเดินทางเข้าสู่ปีที่ 40 เธอวางแผนอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นภารกิจที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต นั่นคือ การเป็นผู้หญิงคนแรกที่บินรอบโลก

การเดินทางครั้งนี้ อะมีเลียขับเครื่องบิน Lockheed Electra เดินทางร่วมกับ เฟรด นูนาน (Fred Noonan) นักนำทาง ออกเดินทางจาก ไมอามี แวะเติมเชื้อเพลิงและพักระหว่างทางมาถึง  ลาเอ (Lae) ประเทศนิวกินี ถ้านับเป็นระยะทางก็ประมาณ  22,000 ไมล์ 

เหลืออีกเพียง 7,000 ไมล์ ภารกิจก็จะสำเร็จ แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

ระหว่างที่อะมีเลียกับเฟรดกำลังบินมุ่งหน้าไป เกาะฮาวแลนด์ (Howland Island) จุดเติมเชื้อเพลิงก่อนข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกช่วงสุดท้าย คนบนภาคพื้นดินกลับไม่ได้สัญญาณตอบรับจากเธอ

เอาจริง ๆ อะมีเลียอาจรู้อยู่แล้วว่า การลงจอดบนเกาะฮาวแลนด์ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจึงเตรียมพร้อมการเดินทางขั้นสูงสุด มีการถอดอุปกรณ์ของเครื่องบินที่ไม่จำเป็นทั้งหมดออกเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับ เพิ่มเชื้อเพลิง ซึ่งช่วยให้เธอบินได้ไกลขึ้นอีก 274 ไมล์ มีการขอความร่วมมือให้ เรือยามฝั่ง ITASCA ของสหรัฐฯ จอดใกล้เกาะฮาวแลนด์เพื่อเป็นศูนย์ติดต่อทางวิทยุ และยังเปิดไฟเรืออีกสองลำของสหรัฐฯ ทุกดวงบนเรือ เพื่อเป็นจุดสังเกตให้เธอนำทาง

อาจเป็นเกาะฮาวแลนด์เป็นเพียงเกาะปะการังเล็ก ๆ กลางมหาสมุทร อยู่ห่างจากลาเอ 2,556 ไมล์ และมีขนาดไม่ถึง 2 ตารางกิโลเมตร การนำทางไปจุดหมายนี้จึงเป็นเรื่องยาก

รุ่งเช้า อะมีเลียส่งข้อความวิทยุถึงเรือ ITASCA ว่า สภาพอากาศมีเมฆมาก แล้วมีข้อความต่อว่า “เราควรจะไปอยู่ตรงที่คุณอยู่ แต่เรามองไม่เห็นคุณเลย ตอนนี้น้ำมันใกล้หมดแล้ว เราพยายามติดต่อคุณทางวิทยุ แต่สัญญานไม่ถึง ตอนนี้เรากำลังบินอยู่ที่ระดับ 1,000 ฟุต”

หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง… 

ทันทีที่ขาดการติดต่อ สหรัฐฯ ประกาศเริ่มปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเดินเรือและการบิน ทุ่มเงินกว่า 4 ล้านดอลลาร์ระดมค้นหาบนพื้นที่ที่กว้างกว่า250,000 ตารางไมล์ตลอดแนวมหาสมุทรแปซิฟิก

แต่ไม่ว่าจะพลิกแผ่นดินและมหาสมุทรหานักเดินทางทั้ง 2 คนก็ไม่พบ สหรัฐจึงประกาศยุติการค้นหาและบอกว่า พวกเขาทั้งสองคนสูญหายในทะเล

เรื่องราวของอะมีเลียถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือ Last Flight (1937) ผ่านจดหมายและบันทึกประจำวันที่อะมีเลียนเขียนไว้ถึงสามีของเธอ

ทุกวันนี้ ชื่อของอะมีเลีย แอร์ฮาร์ต ยังคงอยู่บนถนน สนามบิน โรงเรียน และรางวัลมากมายทั่วโลก เพื่อเป็นเกียรติแก่นักบินหญิงที่ทำลายทุกประวัติศาสตร์และไม่เคยยอมแพ้

เพราะท้ายที่สุด อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต ไม่ได้เป็นเพียงนักบิน แต่เธอเป็นสัญลักษณ์ของความฝันที่ไร้ขอบเขต และความกล้าที่จะบินไปไกลกว่าที่ใครเคยไปถึง

อ้างอิง

Amelia Earhart / Britannica

Amelia Earhart / BIOGRAPHY

Amelia Earhart / National Women's History Museum

BIOGRAOHY / ameliaeargart